มิติคือคำใหม่ที่บางท่านไม่คุ้นชิน
ภพภูมิคือภาษาธรรมที่เราพอได้ยินกันมา
มิติสัมพันธ์กับกายและจิต
ระดับDNAและจุดจักระ
ความจริงที่เริ่มจากตัวเราเอง
ทั้งสิ้น
รับรู้ผ่านการฝึกฝนเชื่อมต่อ
มาลองศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกันนะคะ
การตื่นรู้ ตระหนักรู้ และพัฒนาไปถึงการหยั่งรู้
**************
เชื่อว่าทุกคนอยากทราบเรื่องของมิติ
ว่าแตกต่างกันอย่างไร เราเองอยู่ในมิติไหนแล้ว
มาลองตรวจสอบจากบทความนี้กันครับ
#มิติแห่งจิตสำนึก Dimensions of consciousness
มิติ มีการจัดระเบียบ แบ่งระนาบตามระดับคลื่นความถี่ และระดับของความสั่นสะเทือน แต่ละมิติ จะมีกฏเกณฑ์และหลักการที่เป็นรูปแบบเฉพาะเจาะจงกับความถี่นั้นๆ โดยจะมีวงจรชีวิต ที่วนซ้ำๆอย่างยาวนาน เป็นวงจรการเกิดดับที่เรียกว่า เวลาแบบวงกลม เริ่มจาก
#มิติที่1 เป็นจุดเริ่มต้นของมวลเมล็ดพันธุ์แห่งการสร้างสรรค์ (Seeds of life) ที่เริ่มแสดงลักษณะข้อมูล
และรูปแบบออกมา ยังไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ
ยกตัวอย่างเช่น ไข่ หรือ สเปิร์ม พวกสปอร์ และ
อาณาจักรหินแร่ ผลึกคริสตัล
#มิติที่2 แสดงขอบเขตของพืช และอาณาจักรสัตว์ขั้นต่ำ
สะท้อนการรับรู้ที่ได้มาจากข้อมูลใน DNA รหัสพันธุกรรม
ความต้องการขั้นพื้นฐาน การหาอาหารและการอยู่รอด
ในระดับความถี่นี้
#มิติที่3 เป็นขอบเขตรูปแบบจิตสำนึกของมนุษย์และ
อาณาจักรสัตว์ชั้นสูง ที่มีการรับรู้ความแตกต่างในการ
มีตัวตน ของตัวเองเกิดขึ้น (อัตตา) แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องความทรงจำของห้วงเวลาในอดีต ภพชาติที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่มนุษย์นั้นต่างจากสัตว์ทั่วไป คือเรามีชั้นกายที่รองรับมิติที่สูงกว่าอยู่ภายใน เพียงแค่เราสบายใจ
ที่จะอยู่ในขอบเขตความถี่ของมิติที่ 3
#มิติที่4
มิติห้วงเวลาแห่งระนาบดวงดาว เป็นระดับของการโฟกัส
ข้อมูล รูปแบบ และการเปลี่ยนแปลง
อธิบายง่ายๆคือ เป็นมิติแห่งการชดใช้ผลจากการกระทำในอดีตของเราเอง ผ่านการบันทึกแห่งกรรม ส่งต่อสู่การจัดสรรผ่านการโคจรของดวงดาว ซึ่งจะส่งพลังสะท้อนกลับมา เพื่อให้แต่ละคน วนกลับมาเจอสถานการณ์ซ้ำๆ แต่สลับเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามรอบ
จากผู้กระทำเป็นผู้ถูกกระทำ
โดยมีการตอบสนองจากจิตใต้สำนึก มิตินี้ มนุษย์ทุกคนจะสัมผัสได้ เพื่อเปิดโอกาสแห่งการพัฒนาทางจิต ให้ยกระดับสูงขึ้นเพื่อหลุดพ้นออกไปได้
แต่... หลังจากที่ต่างดาวในมิติที่ 4 ที่เราเรียกว่าฝ่ายมืด
เช่นพวก เรปทีเลี่ยน เกรย์เทา เกรย์ทอล อินเซ็กทอย
เข้ามายึดครองโลก ได้ออกแบบระบบแมทริกครอบมิติที่4
เอาไว้ ปิด DNA ของมนุษย์ไป 10 คู่สาย
ทำให้เราขาดความสามารถ ในการมองเห็นการทำงานของพวกเขาในมิติที่ 4 พวกเขาจึงสามารถเข้าจัดฉาก
สร้างฮอโลแกรม ให้เข้ากับกลไกลของระบบกรรม
พร้อมการแทรกแซง ครอบงำระบบความคิด ให้เราคิดลบ
ให้หวาดกลัว ให้ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้
เพื่อให้การพัฒนาจิต เป็นสิ่งที่จะทำได้ยาก
เพียงแค่นี้เราก็จะหลงวนอยู่เป็นแหล่งพลังงานคอยป้อน ให้ฝ่ายมืดไปได้ตลอด
อันที่จริง แล้วฝ่ายมืดหรือฝ่ายแสง ล้วนเป็นสิ่งที่พระผู้สร้างออกแบบมา เพื่อการแจกบททดสอบ พร้อมการมอบรางวัล ฝ่ายแสงมาสอน ฝ่ายมืดมาทดสอบเพื่อล่อลวง
การหมุนตามเข็มเพื่อเพิ่ม การหมุนทวนเข็มเพื่อลด
จึงเป็นการปรับสมดุล สู่ความว่างที่อยู่ตรงกลาง
สิ่งที่เราต้องทำคือ ผลักความมืดออกไปจากภายใน ดึงแสงสว่างและความรักลงมาแทนที่ หมั่นชำระล้างจิตใจ
ค่อยๆสลายอีโก้และอัตตา ที่ดึงเราอยู่ในระนาบของมิติที่3 เพื่อการยกจิตข้ามพ้นระบบกรรมในมิติที่ 4
ขึ้นสู่อาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ ในมิติที่ 5 กันครับ
ที่มา
#กลุ่มจิตรจักรวาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น