เป็นไปตาม "บุพพวาสนา" ของใครของมัน
บางองค์ก็ไม่ลงถึงฐีติจิต
"ฐีติจิต" นี้คือ เป็นแต่ว่าจิตเข้าไปพักอยู่ พ้นวิปัสสนาไปแล้ว รู้เหตุรู้ปัจจัยไม่ได้
ถ้าเราต้องการค้นให้รู้ชัดเห็นจริงฝ่ายธาตุ ฝ่ายขันธ์ จะอยู่ขั้นฐีติจิตไม่ได้ ต้องอยู่แค่ระดับอุปจาระ...
เพราะฉะนั้นพระสาวกบางองค์ท่านพิจารณาด้วยจิต ท่านลงถึงฐีติจิต ลงพักอยู่ แล้วถอนจากฐีติจิตขึ้นมา ท่านถึงมาพิจารณาที่ผ่านไป สงบไป ในชั้นในภูมิของอุปจารสมาธิ
พิจารณาไปเองเลย ความรู้จริงเห็นจริง อยู่ในขั้นอุปจาระ
แต่เราจะรู้ว่าฐีติจิตได้ ต้องรู้ถึงจิตดั้งเดิมในภูมิธรรมดา
ถ้าจิตลงถึงฐีติจิตพิจารณาไม่ได้
เราจะพิจารณาได้แต่ตอนอยู่ในขั้นอุปจาระเท่านั้น
ซึ่งก็เป็นได้ เมื่อถอนจากฐีติจิตมาอยู่อุปจาระ
ส่วนฐีติจิตคือจิตดั้งเดิมท่านเปรียบว่า อัปปนาสมาธิ อัปปนาจิต และฐีติจิต ต่างอยู่ในฐานเดียวกันแต่มีชื่อต่างกัน
อัปปนาสมาธิ เป็นจิตที่แน่วแน่ ลงไปจนถึงจิตเดิม
อัปปนาจิตก็เหมือนกัน
ฐีติจิตก็เหมือนกัน
ที่มา : อาจารย์ฐิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น