เรื่องที่ ๔๕ ก่อนจะตายเป็นพระโสดาบันตายแล้วไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต
“**..อาตมาพยายามหาวิธีสอนวิชา “มโนมยิทธิ” ที่ง่ายที่สุดและมีผลสมํ่าเสมอกัน เพื่อให้บรรดาพุทธบริษัทเห็นสวรรค์ เห็นพรหมโลก เห็นพระนิพพาน เห็นนรก เปรต อสุรกายได้ รู้อดีตรู้อนาคตได้ และเป็นการพิสูจน์ว่า “ตายแล้วไม่สูญ” ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดก็ยังต้องเกิดอีก อาตมาพยายามหาวิธีนานถึง ๒๓ ปี**
เพราะถ้านำวิธีที่ปฏิบัติสมัยบวชอยู่กับหลวงพ่อปานมาสอน ก็จะฝึกได้ยากมาก ต้องมีกำลังใจเข้มแข็งและใช้เวลานานมาก เป็นการฝึกแบบเอากายเนื้อขึ้นไปข้างบน ไม่ใช่เอาจิตคืออทิสสมานกายขึ้นไปอย่างการฝึกมโนมยิทธิในปัจจุบัน แค่การฝึกแบบเต็มกำลังก็ยังทำได้ยากสำหรับบางท่าน ความรู้การฝึกมโนมยิทธินี้อาตมาได้มาจาก อาจารย์สุข ซึ่งเป็นฆราวาส
เวลานั้นอาจารย์สุขก็ยังดื่มเหล้าอยู่ ต่อมาวันหนึ่งอาตมาได้เห็นคนที่ดื่มเหล้าในวงเดียวกันเกิดท้าทายกันขึ้นมาว่า
คนในวงเหล้า “ไอ้สุข เขาว่ามึงสอนคนไปสวรรค์ ไปนรกได้ใช่ไหม?”
อาจารย์สุข “ใช่”
คนในวงเหล้า “กูไม่เชื่อว่าสวรรค์มี นรกมี และกูก็ไม่เชื่อความสามารถในคำสอนของมึง”
อาจารย์สุข “ถ้าหากว่ากูสอนให้มึงเห็นนรกได้หรือว่าเห็นสวรรค์ได้ มึงจะยอมเสียเหล้าให้กู ๑ ขวด ไหมล่ะ”
คนในวงเหล้า “ถ้ามึงทำให้กูไปไม่ได้ มึงต้องเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดด้วยนะ”
เป็นอันว่า อาจารย์สุขก็สั่งให้หาดอกไม้มา ๓ ดอก ดอกละสี ธูป ๓ ดอก เทียนหนัก ๑ บาท๑เล่ม เงิน ๑ สลึง เป็นค่ายกครู
หลังจากนั้นอาจารย์สุขก็ไปกลิ้งครกตำข้าวมา แล้วให้คนนั้นนั่งบนครกตำข้าวแล้วก็ให้ภาวนาว่า “นะมะ พะธะ”
หลังจากนั้นท่านก็พรมนํ้ามนต์ เมื่อพรมเสร็จแล้วท่านก็ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วท่านก็ภาวนาว่า “นะโมพุทธายะ” เป็นการควบคุม สักครู่หนึ่งท่านก็เอาธูปหอมมาจุดให้ควันธูปโรยใกล้ๆ จมูกคนนั้นให้ได้กลิ่นหอม แล้วเอากระดาษจุดไฟช่วยแสงสว่างไปส่องข้างหน้า แล้วท่านก็ถามว่า
อาจารย์สุข “**สว่างแล้วหรือยัง**”
คนฝึก “**สว่างแล้ว**”
อาจารย์สุข “**เห็นแสงขาวๆ พุ่งลงมามีไหมหรือแสงสว่างพุ่งออกไปมีไหม**”
คนฝึก “**เห็นแสงสว่างพุ่งลงมาจากข้างบน**”
อาจารย์สุข “**ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจพุ่งกายไปตามแสงทันที**”
คนฝึก “**เวลานี้ออกจากกายแล้ว**”
อาจารย์สุข “**ถ้าอย่างนั้นตั้งใจไปนรก**”
คนฝึก “**เวลานี้ถึงนรกแล้ว และก็อธิบายความเป็นไปของนรกได้ถูกต้องตามไตรภูมิ แล้วก็ร้อง บอกว่า อยากจะพบคุณปู่ที่ตายไปแล้ว**”
อาจารย์สุข “**นึกถึงท่านพระยายมราช เชิญท่านมาสงเคราะห์**”
คนฝึก “**เวลานี้ท่านพระยายมราชมายืนข้างๆ แล้ว**”
อาจารย์สุข ให้ถามท่านว่า “**คุณปู่ชื่อนี้ตายไปเมื่อใด เวลานี้อยู่ในนรกไหม**”
คนฝึก “**ท่านพระยายมราชบอกว่า ในนรกไม่มีคนนี้และคนนี้เมื่อมีชีวิตอยู่มีความดีมากคือ”
๑) คนนี้มีศีล ๕ ครบถ้วนมานานเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี
๒) มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง
๓) คนนี้มีจิตอยากจะไปพระนิพพาน
**
อาจารย์สุข ให้ถามท่านพระยายมราชว่า “**ท่านไปพระนิพพานหรือยัง**”
คนฝึก “**ท่านพระยายมราชบอกว่า ยัง คนนี้ไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตเพราะก่อนจะตายเป็น
พระโสดาบัน”** และได้ถามว่า “**พระโสดาบันมีความประพฤติอย่างไรบ้าง**”
**อารมณ์พระโสดาบัน**
ท่านพระยายมราชก็บอกว่า
**๑) มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้มันจะต้องตาย คือไม่ประมาทในความตาย
๒) เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง
๓) มีศีล ๕ บริสุทธิ์
๔) คิดต้องการจุดเดียวคือ พระนิพพาน**
ท่านพระยายมราช ถ้ามีความประพฤติอย่างนี้ เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว บาปกรรมทั้งหมดจะไม่สามารถจะลงโทษอีกต่อไป ถ้าไปถึงพระนิพพานไม่ได้ อย่างชั้นดุสิตต่อไปก็สามารถฟังเทศน์จากพระศรีอาริยเมตไตรยจบเดียว ก็เป็นพระอรหันต์ไปพระนิพพานเลย
**คนฝึก คนอย่างผมจะเป็นพระโสดาบันได้ไหม
**ท่านพระยายมราช “**อย่างนี้มันเป็นไม่ได้หรอก มันต้องเป็นสัตว์นรก เพราะการที่จะมานี่ก็กินเหล้ามา เหล้านี่กินเฉยๆ ไม่มีโทษอย่างอื่นเลย ก็ต้องตกยมโลกียนรกแล้ว**” พร้อมทั้งชี้ให้ดูนรก
คนฝึกร้อง “**ว๊าก ตายแล้ว**”
ท่านพระยายมราช ถ้ากินเหล้าแล้วโกหกมดเท็จด้วย ก็ยังมีอีกขุมหนึ่ง ถ้ากินเหล้าแล้วทำร้ายคนอื่นด้วยก็มีอีกขุมหนึ่ง ถ้าบาปหนักกว่านี้ก็ต้องลงนรกขุมใหญ่ อันนี้เป็นนรกเล็กๆ เศษๆ นรก เขาเรียกว่า “**ยมโลกียนรก**”
คนฝึกก้มลงกราบท่านพระยายมราชแล้วบอกว่า “**ถ้าผมจะเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์และปฏิบัติตามอย่างปู่จะไปเหมือนปู่ได้ไหม**”
ท่านพระยายมราช “**ได้ ทำไมจะไม่ได้ ให้ทำดังนี้**
๑) **ให้ลืมความชั่วทั้งหมด ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดเลิกกัน ไม่คิดถึงมัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์**
**๒) ไม่ลืมคิดว่า สักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตาย
๓) ถ้าเราตายแล้วจะไม่ยอมมานรกอย่างที่ยืนอยู่ที่นี่เพราะมันทุกข์เราไม่ต้องการ ถ้าไปสวรรค์หรือพรหมหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องพุ่งหลาวลงนรกเพราะบาปเก่าที่มีอยู่ ฉะนั้นเราต้องการมุ่งไปจุดเดียวคือ ไปพระนิพพาน อารมณ์อย่างนี้ถ้าทรงตัวเขาเรียกว่า พระโสดาบัน**
รวมความว่า ท่านคุยกันอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ คนฝึกคนนั้นก็ถอนตัวกลับ แล้วลุกขึ้นกราบอาจารย์สุข และก็มอบเงินค่าเหล้าให้
แล้วจึงหันมาบอกอาตมาว่า “**นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขึ้นชื่อว่า ศีล ๕ ผมจะมีครบถ้วนครับ และผมจะไม่ลืมความตาย ผมเห็นนรกแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ผมกินเหล้าหน่อยเดียวคนในนรกเบรกกันครึ่บๆ**”
ปรากฏว่านับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาจารย์สุขก็เลิกกินเหล้าเหมือนกันและก็ไม่ละเมิดศีล ๕ อาศัยคนฝึกคนนั้นเป็นเหตุ ความจริงอาจารย์สุขท่านทำได้น่าจะเลิกดื่มเหล้าได้ แต่บางครั้งการทำความดีก็ขึ้นอยู่กับกาลเวลาของแต่ละคนว่ากุศลกรรมจะส่งผลเมื่อใด **เมื่ออาตมาเรียนจากอาจารย์สุขแล้วในปี ๒๕๐๘ ก็นำมาสอนคนไปได้มาก..”**
#ตายแล้วไปไหน_หลวงพ่อฤาษี2
#รวมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์14 #หลวงพ่อฤาษี7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น