ก็จะขอพูด เรื่องความเป็นพระอรหันต์ ก่อน
พระอรหันต์จะเป็นได้ต้องตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการ คอยฟังให้ดีนะ คือ
๑. สักกายทิฏฐิ
๒. วิจิกิจฉา
๓. สีลัพพตปรามาส
๔. กามราคะ
๕. ปฏิฆะ
๖. รูปราคะ
๗. อรูปราคะ
๘. มานะ
๙. อุทธัจจะ
๑๐. อวิชชา
ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ขอย้อนต้น
สังโยชน์ ๓ เบื้องต้น คือ
๑. สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้จะต้องตาย เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน หรือพระสกิทาคามี
แล้วสักกายทิฏฐินี้ ถ้ามีความรู้สึกเบื่อหน่าย เห็นร่างกายว่าเป็นของโสโครก สกปรก สะอิดสะเอียน ไม่น่ารัก ไม่ติดใจในรูปกาย อย่างนี้เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี
อารมณ์ของพระอรหันต์ มีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา มีจิตเป็นสังขารุเปกขาญาณเป็นปกติ อย่างนี้เป็นอารมณ์พระอรหันต์
๒. วิจิกิจฉา ไม่สงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ยอมรับนับถือด้วยความจริงใจ
๓. สีลัพพตปรามาส มีศีลบริสุทธิ์ ไม่บกพร่อง
...ถ้าตัดได้ ๓ อย่างนี้เป็น พระโสดาบัน ก็ได้ เป็น พระสกิทาคามี ก็ได้
...ถ้าตัดข้อที่ ๔ กามฉันทะ ไม่มีความรู้สึกในกามารมณ์
...ถ้าตัดข้อที่ ๕ ปฏิฆะ ไม่มีอารมณ์ไม่พอใจ อย่างนี้เป็น พระอนาคามี
ต่อไปก็ตัดอีก ๕ คือ
๖. รูปราคะ ไม่ติดใจในรูปฌาน คือไม่หลงใหลใฝ่ฝันในรูปฌาน
๗. อรูปราคะ ไม่หลงใหลในอรูปฌาน
๘. มานะ ไม่ถือตัวถือตน
๙. อุทธัจจะ ไม่มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน จิตตรงพระนิพพาน
๑๐. อวิชชา ตัดความโง่ทั้งหมด
อย่างนี้เป็น พระอรหันต์
🙏หลวงพ่อพระราชพรหมยาน🙏
ธรรมที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์
📙ธัมมวิโมกข์
ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๔๗๕ เดือน ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
หน้า.....๒๑-๒๒
🖊ปัณณ์ธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น