ต่อจากนั้นไป องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาก็ตรัสทางด้าน เตวิชโช คือ วิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าจะปฏิบัติให้เข้าถึงนิพพานได้รวดเร็วได้กำไรมากกว่า มีกำลังดีกว่า ก็อย่างที่ท่านบรรดาพุทธบริษัทโดยถ้วนหน้าได้ มโนมยิทธิ ต่างคนต่างไปถึงนิพพานแล้ว ไม่มีความสงสัยในคำสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว คือคนที่ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้านี่ แล้วก็มีศีลบริสุทธิ์ เขาเรียกว่า "พระโสดาบัน" หรือ "พระสกิทาคามี"
แต่ต้องระวังให้ดีนะ ให้ศีลมันบริสุทธิ์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ศีล ๕ ถ้าศีล ๕ บริสุทธิ์ชื่อว่าเข้าถึงสีลัพพตปรามาส ตัดตัวนี้ได้ ถ้าไม่มีความสงสัยในพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า
...สวรรค์มีจริง เราเจอะสวรรค์แล้ว
...พรหมโลกมีจริง เราเจอะพรหมโลกแล้ว
...พระนิพพานมีจริง เราเจอะพระนิพพานแล้ว
...เปรตมีจริง อสุรกายมีจริง เราพบแล้วทั้งหมด
เป็นอันว่า ทุกคนไม่สงสัยในคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมสุคต
...ถ้าไม่สงสัยในคำสอนอย่างหนึ่ง
...มีศีล ๕ บริสุทธิ์อย่างหนึ่ง
...จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง
อย่างนี้ท่านเรียกว่า "พระโสดาบัน" หรือ "พระสกิทาคามี"
นี่การปฏิบัติใน มโนมยิทธิ ได้กำไรกว่า สุกขวิปัสสโก หลังจากนี้ เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทมีความมั่นใจในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค ทุกวันตามเวลาสมควร ต่างคนต่างเอาจิตไปตั้งไว้ที่นิพพานตามปกติตามเวลา จิตจะว่างจากกิเลส
ถ้าเราไปที่นั่น ๑ ชั่วโมง จิตก็ว่างจากกิเลสบริสุทธิ์จริงๆ ๑ ชั่วโมง
ถ้าอยู่ครึ่งชั่วโมง ก็ว่างครึ่งชั่วโมง แต่ละคราว อย่าลืมว่าวันหนึ่งทำได้หนึ่งครั้ง วันละ ๑ ชั่วโมง
๑๐ วัน ๑๐ ชั่วโมง
๑๐๐ วัน ๑๐๐ ชั่วโมง
๑,๐๐๐ วัน ๑,๐๐๐ ชั่วโมง
ไม่ช้าจิตก็จะมีความชุ่มชื่น มีความเชื่อมกับการว่างจากกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน ตายเมื่อไรก็ถึงนิพพานเมื่อนั้น
🙏หลวงพ่อพระราชพรหมยาน🙏
ธรรมที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์
📙ธัมมวิโมกข์
ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๔๗๖ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓
หน้า.....๕๕-๕๖
🖊ปัณณ์ธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น