: ทำไมต้องเวียนเทียน...? :
พระธรรมเทศนาจากหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระธรรมเทศนาจากหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
.....ทำไมต้องเวียนเทียน? ในเมื่อตอนเวียนเทียนนั้นมีทั้งธูป มีทั้งเทียน มีทั้งดอกไม้
ทำไมไม่เวียนธูป? ทำไมไม่เวียนดอกไม้? ทำไมต้องเป็นเทียน?
ทำไมต้องเลือกเทียน?
ทำไมไม่เวียนธูป? ทำไมไม่เวียนดอกไม้? ทำไมต้องเป็นเทียน?
ทำไมต้องเลือกเทียน?
.....ให้สังเกตเห็นดี ๆ ว่าธูปเป็นยังไง? ดอกไม้เป็นยังไง?
สุดท้ายเทียนเป็นยังไง? แล้วเรามาดูว่าทำไมต้องเวียนสามรอบอีก? ตอนนี้ตอบแบบตลก ๆ กันก่อนนะ
สุดท้ายเทียนเป็นยังไง? แล้วเรามาดูว่าทำไมต้องเวียนสามรอบอีก? ตอนนี้ตอบแบบตลก ๆ กันก่อนนะ
.....ขนาดของที่เตรียมยังต้องมีสามอย่างเลยใช่มั๊ย? มีธูป เทียน ดอกไม้ ถ้าเราเวียนรอบเดียวก็เวียนแค่ธูปเหรอ?
ถ้าเราเวียนสองรอบให้แค่ธูปกับเทียนเหรอ?
แล้วดอกไม้ไม่เวียนเหรอ?
ถ้าเราเวียนสามรอบหมายถึง
เราเวียนทั้งธูปทั้งเทียนทั้งดอกไม้ใช่ไหม?
เนี่ยเป็นอย่างเนี้ย เพื่อเป็นเป็นการเวียนทั้งธูปทั้งเทียนทั้งดอกไม้
ถ้าเราเวียนสองรอบให้แค่ธูปกับเทียนเหรอ?
แล้วดอกไม้ไม่เวียนเหรอ?
ถ้าเราเวียนสามรอบหมายถึง
เราเวียนทั้งธูปทั้งเทียนทั้งดอกไม้ใช่ไหม?
เนี่ยเป็นอย่างเนี้ย เพื่อเป็นเป็นการเวียนทั้งธูปทั้งเทียนทั้งดอกไม้
*** แล้วทำไมต้องมาเวียนเทียน...? ***
เอาคำตอบนี้ให้จบกันก่อน
เอาคำตอบนี้ให้จบกันก่อน
.....เทียน น่ะ ให้เราลองสังเกตุดูสิ พอจุดแล้วมันสว่างนะ
ถ้าเราบอกว่าเวียนธูป ธูปมีแต่กลิ่น เดินไปเนี่ยลำบากนะ
ก็อย่างที่ปู่เคยบอกใช่ไหมว่าถ้าเราอยู่ในที่มืดมาก ๆ
เราได้แต่กลิ่นอย่างเดียว หากทางเดินมีหนามมีต้นไม้
มีอะไรอยู่ข้างหน้าเราก็จะชนสะเปะสะปะ ถ้าบอกว่าเวียนเทียน
เทียนมันให้แสง เราก็ เดินตามแสงไปเรื่อย ๆ
ไม่มีกลิ่นแต่ก็มีเทียนเป็นแสง
ลำแสงอยู่ตรงนั้นเราเห็นแล้วเราก็เดินตามแสงสบาย ๆ
แสงทำให้เราเห็นทุกอย่าง เราจึงถึงจุดหมายที่เราจะไปถึงได้สบาย ๆ
ถ้าเราบอกว่าเวียนธูป ธูปมีแต่กลิ่น เดินไปเนี่ยลำบากนะ
ก็อย่างที่ปู่เคยบอกใช่ไหมว่าถ้าเราอยู่ในที่มืดมาก ๆ
เราได้แต่กลิ่นอย่างเดียว หากทางเดินมีหนามมีต้นไม้
มีอะไรอยู่ข้างหน้าเราก็จะชนสะเปะสะปะ ถ้าบอกว่าเวียนเทียน
เทียนมันให้แสง เราก็ เดินตามแสงไปเรื่อย ๆ
ไม่มีกลิ่นแต่ก็มีเทียนเป็นแสง
ลำแสงอยู่ตรงนั้นเราเห็นแล้วเราก็เดินตามแสงสบาย ๆ
แสงทำให้เราเห็นทุกอย่าง เราจึงถึงจุดหมายที่เราจะไปถึงได้สบาย ๆ
.....ถ้า เราเวียนดอกไม้ล่ะ? ดอกไม้เวียนแล้วกลิ่นก็จางกว่าธูป
สงสัยเป็นอย่างนี้คนไทยจึงเรียกว่าเวียนเทียนไง เพราะคนสมัยก่อนฉลาดน๊ะ จึงเรียกว่าเวียนเทียนใช่ไหม?
แต่ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นคนตั้งก็ต้องบอกเลยว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ทรงสัพพัญญูจริง ๆ พระพุทธเจ้าของเรานั้นรู้เท่าทันทุกอย่างเลยเรียกว่าเวียนเทียน ถึงแม้ว่ามีสามอย่างคือธูป เทียน ดอกไม้ แต่เรียกว่าเวียนเทียน
สงสัยเป็นอย่างนี้คนไทยจึงเรียกว่าเวียนเทียนไง เพราะคนสมัยก่อนฉลาดน๊ะ จึงเรียกว่าเวียนเทียนใช่ไหม?
แต่ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นคนตั้งก็ต้องบอกเลยว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ทรงสัพพัญญูจริง ๆ พระพุทธเจ้าของเรานั้นรู้เท่าทันทุกอย่างเลยเรียกว่าเวียนเทียน ถึงแม้ว่ามีสามอย่างคือธูป เทียน ดอกไม้ แต่เรียกว่าเวียนเทียน
*** ต่อไปทำไมถึงต้องเวียนสามรอบ...? ***
.....จะดูกันแบบให้หายเครียดก็บอกแล้วว่ามีสามอย่าง เวียนแต่เทียนรอบเดียว เดี๋ยวธูปกับดอกไม้น้อยใจ เวียนสองรอบ คือ เวียนธูปและเทียน เดี๋ยวดอกไม้น้อยใจ งั้นเราเวียนให้ครบกันไปเลยสามน๊ะ เวียนธูป เทียน ดอกไม้ แต่จริง ๆ นั้นไม่ใช่นะ
.....ที่จริงแล้วเวียนให้ครบเพราะอะไร? เวียนรอบแรกเรานึกถึงอะไร? เรานึกถึงพุทธคุณใช่ไหม? คือพระคุณของพระพุทธเจ้า
เวลาเราเวียนเทียนนะ ปู่แนะนำน๊ะให้ท่องบทถวายพรพระนะ รอบแรกก็ท่องเลย
เวลาเราเวียนเทียนนะ ปู่แนะนำน๊ะให้ท่องบทถวายพรพระนะ รอบแรกก็ท่องเลย
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชา จะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ
.....บทนี้เรานึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์เป็นพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ที่ไกลจากกิเลสใช่ไหม? แล้วพระองค์ยังทำไมอีก? ท่องไปน่ะ อย่าท่องเวอะ ท่องวะ นะ ท่องแล้วเราต้องรู้ความหมาย เป็นผู้ที่ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เองใช่ไหม? พร้อมด้วยวิชาและจรณะ คืออะไร? จรณะก็คือความรู้และความประพฤติไง พระองค์จึงเป็นผู้ที่เสด็จไปดีแล้ว คือไปที่ใดก็ให้ประโยชน์กับที่นั่น แล้วมองย้อนดูตัวเราเองบ้านซิ
เราไปที่ใดเราเคยให้ประโยชน์กับที่นั้นบ้างไหม?
เราไปที่ใดเราเคยให้ประโยชน์กับที่นั้นบ้างไหม?
.....หรือไปเราสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา? หนูให้ค่ะ ผมให้ครับแต่ผมให้ความเดือดร้อนกับเขานะ ผมไม่ได้ให้ประโยชน์กับเขานะ พวกเราชอบเป็นกันแบบนี้ ตรงกันข้ามกับพระพุทธองค์เพราะฉะนั้นท่องบทนี้บทแรก ก็เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระองค์ว่า พระองค์เป็นยังไงก็เดินตามพระองค์กันไป
เพราะพระองค์เป็นผู้รู้โลกได้อย่างแจ่มแจ้ง อย่างแจ่มใสใช่ไหม? เป็นผู้ที่ฝึกบุรุษได้โดยไม่มีใครเหมือนพระองค์
ทรงสอนเทวดาสอนมนุษย์สอนพวกเราหมด เป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น
ผู้เบิกบาน อย่างที่พวกเราได้รู้ ๆ กัน นี้แหล่ะคือพระพุทธเจ้า พุทธคุณที่เป็นผู้นำให้กับเรา เป็นครูบาอาจารย์ของเรา
เพราะพระองค์เป็นผู้รู้โลกได้อย่างแจ่มแจ้ง อย่างแจ่มใสใช่ไหม? เป็นผู้ที่ฝึกบุรุษได้โดยไม่มีใครเหมือนพระองค์
ทรงสอนเทวดาสอนมนุษย์สอนพวกเราหมด เป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น
ผู้เบิกบาน อย่างที่พวกเราได้รู้ ๆ กัน นี้แหล่ะคือพระพุทธเจ้า พุทธคุณที่เป็นผู้นำให้กับเรา เป็นครูบาอาจารย์ของเรา
.....เวียนรอบที่สองเรานึกถึงอะไร? ก็นึกถึงพระธรรมคุณสิ
พระธรรมคุณเขาท่องกันยังไงล่ะ?
พระธรรมคุณเขาท่องกันยังไงล่ะ?
สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหิติ
.....เอ้าท่องกันไป แต่ท่องแล้วก็ต้องรู้ความหมายเหมือนกัน
ว่าพระพุทธเจ้าท่านเมตตาแล้วใช่ไหม? แล้วท่านยังมีพระธรรมที่เขียนไว้ เพื่อให้เราได้เห็นธรรมะที่ถูกต้อง บอกแล้วว่าธรรมะคืออะไร? ธรรมะอย่างที่พระพุทธปฐมสอนกันใช่ไหมว่าธรรมะคือ ทอ อำ ทำ ธรรมะหากไม่ทำก็คือตัวหนังสือที่ถูกจารึกไว้บนหนังสือหรือบนใบลานเท่านั้น เพราะฉะนั้นให้เรานึกถึง
พระธรรมด้วยนะ
ว่าพระพุทธเจ้าท่านเมตตาแล้วใช่ไหม? แล้วท่านยังมีพระธรรมที่เขียนไว้ เพื่อให้เราได้เห็นธรรมะที่ถูกต้อง บอกแล้วว่าธรรมะคืออะไร? ธรรมะอย่างที่พระพุทธปฐมสอนกันใช่ไหมว่าธรรมะคือ ทอ อำ ทำ ธรรมะหากไม่ทำก็คือตัวหนังสือที่ถูกจารึกไว้บนหนังสือหรือบนใบลานเท่านั้น เพราะฉะนั้นให้เรานึกถึง
พระธรรมด้วยนะ
.....รอบที่สามคืออะไร? ก็คือพระสงฆ์ เราก็ท่องว่า
.....สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทังจัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
.....ดูสังฆคุณก็คือดูพระสงฆ์ ดูทั้งทางจิตและทางกายใช่มั๊ย? เพราะฉะนั้นตอนที่เราเดินรอบที่สามก็ให้เราคิดว่า เราเป็นพระสงฆ์ผู้ที่นำคนเข้าสู่ประตูพระนิพพาน
.....ถ้าลูกเวียนรอบเดียวได้ไหม?
เวียนรอบเดียวก็เท่ากับว่าลูกนึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
ลูกก็ลืมพระคุณพระธรรมและพระคุณของพระอริยสงฆ์
เวียนรอบเดียวก็เท่ากับว่าลูกนึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
ลูกก็ลืมพระคุณพระธรรมและพระคุณของพระอริยสงฆ์
.....ถ้าลูกเวียนสองรอบลูก
ก็ได้รับพระธรรมด้วย รู้ว่าธรรมะคำสอนเป็นยังไง ทบทวน
แต่ลูกรู้แค่สองอย่างก็เหมือนกับอะไร?
ก็เหมือนกับการที่ลูกเรียนรู้หมดทุกอย่าง สัพพัญญูทุกอย่าง
แต่ลูกไม่ปฏิบัติ เพราะฉะนั้น
ก็ได้รับพระธรรมด้วย รู้ว่าธรรมะคำสอนเป็นยังไง ทบทวน
แต่ลูกรู้แค่สองอย่างก็เหมือนกับอะไร?
ก็เหมือนกับการที่ลูกเรียนรู้หมดทุกอย่าง สัพพัญญูทุกอย่าง
แต่ลูกไม่ปฏิบัติ เพราะฉะนั้น
.....ลูกต้องเวียนรอบที่สามคือลูกต้องเป็นพระสงฆ์ ลูกจะต้องปฏิบัติด้วย คือลูกต้อง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แม้ลูกไม่ได้อยู่ด้วยการห่มเหลือง แต่จิตลูกจะต้องผู้ที่ปฏิบัติชอบ จิตมันดี การกระทำของลูกมันก็ดี จิตไม่ดีการกระทำอะไรก็ไม่ดีไม่ได้เรื่องสักอย่างนึง นั่นแหล่ะเวียนเทียน
.....หาก ใครกลัวว่าการที่พาเด็กเล็ก ๆ หรือลูกที่ยังเล็กอยู่ไปเวียนเทียน กลัวเวียนเทียนแล้วธูปจะถูกหลังชนหลัง ก็บอกให้อยู่บ้านไป เวียนที่บ้านไป ก็ไม่ต้องพากันมาเวียนเทียนที่วัด เพราะเดี๋ยวธูปมันจะมาชนหลัง
.....เพราะฉะนั้นการเวียนเทียนนั้นสำคัญเพราะเป็นการรำลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
หากลูกไม่ได้เวียนเทียนลูกก็นึกถึงคุณพระรัตนตรัยอยู่ที่บ้าน
รำลึกถึงพระองค์ไง นั่นก็เป็นการเวียนเหมือนกัน เวียนระลึกถึงท่านเวียนเทียนอย่างนั้นเหมือนกัน
หากลูกไม่ได้เวียนเทียนลูกก็นึกถึงคุณพระรัตนตรัยอยู่ที่บ้าน
รำลึกถึงพระองค์ไง นั่นก็เป็นการเวียนเหมือนกัน เวียนระลึกถึงท่านเวียนเทียนอย่างนั้นเหมือนกัน
.....เวียนเทียนไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัดกันอย่างเดียวในวันเดียว
แต่ลูกทำกันได้ทุก ๆ วัน ทุก ๆ เวลา คือการเวียนรำลึกถึงพระคุณท่าน คุณพระรัตนตรัย หากลูกเวียนแล้วลูกนึกถึงตลอดเวลาลูกก็จะหลุดพ้นซึ่งการถูกทดลองอย่างแน่นอน
แต่ลูกทำกันได้ทุก ๆ วัน ทุก ๆ เวลา คือการเวียนรำลึกถึงพระคุณท่าน คุณพระรัตนตรัย หากลูกเวียนแล้วลูกนึกถึงตลอดเวลาลูกก็จะหลุดพ้นซึ่งการถูกทดลองอย่างแน่นอน
.....ขอลูกทั้งหลายจงจำไว้และเวียนให้เป็นปกติ เวียนให้เป็นนิสัย แค่นี้ลูกก็จะได้ทั้งสามอย่าง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
อยู่ในจิตของลูกแล้ว
อยู่ในจิตของลูกแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น