21 ธันวาคม 2560

กบได้ฟังธรรมเพียงนิด ได้เป็นเทวดา

: เทวดากบ ท่านย่า แม่ศรี :
เล่าโดยหลวงพ่อฤาษี  วัดท่าซุง
.....หลังอาหารกลางวันแล้ว เข้าที่พักเพื่อลงรับแขกตามปกติ เมื่อว่างงานจิตมีกังวล จึงหางานให้จิตทำคือนึกถึงพระไตรปิฎก ด้วยเมื่อคืนวันที่ ๑๘ หลับยาก   จึงเอาหนังสือพระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ มาอ่าน พอดีไปพบเรื่องที่ถูกใจเรื่องหนึ่งคือเรื่อง เทวดากบ เรื่องมีมาในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ หน้า ๗๔ ดังนี้...
.....ขอให้นามว่า กบเทวดา หรือเทวดากบ ตามบาลีท่านว่า พระพุทธเจ้าตรัสถามเทวดากบว่า     นั่นใครมีผิวพรรณสวยงามมาก รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์  และยศสว่างทั่วจักรวาล  ไหว้เท้าทั้งสองของตถาคตอยู่
.....เทวดากบกราบทูลว่า เมื่อชาติก่อนข้าพระองค์เป็นกบเที่ยวหาอาหารอยู่ในถ้ำ    เมื่อข้าพระองค์ฟังธรรมของพระองค์อยู่
คนเลี้ยงโค ได้ฆ่าข้าพระองค์  ข้าพระองค์ตายจากความเป็นกบไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวรรณะ ยศ ฤทธิ์ เยี่ยงนี้   เพราะมีจิตเลื่อมใส    ฟังธรรมะของพระองค์เพียงครู่เดียว
สำหรับท่านที่มีโอกาสฟังนาน ๆ มีหวังไปนิพพานสิ้นทุกข์ เป็นดินแดนสิ้นโศก   สิ้นความเร่าร้อนพระเจ้าข้า
.....เป็นอันว่าเรื่องนี้ยืนยันว่า สัตว์เดรัจฉานก็ทำบุญได้  ตามที่นักเทศน์ชอบเทศน์กันว่า  เทวดา  พรหม สัตว์  ทำบุญไม่ได้ เป็นอันว่าท่านลืมอ่านพระไตรปิฏกที่เขียนมาแล้วนี้ ซึ่งเขียนตามบาลีในพระไตรปิฏก  ต่อเติมเล็กน้อยเพื่อให้ได้ความชัด ต่อนี้ไปเป็นตอนหนังสืออ่านเล่น  เชื่อก็ได้  ไม่เชื่อก็ได้  ได้สาระคงไม่มีอะไรมากนัก
.....เมื่อกินข้าวเสร็จนอนคอยเวลา จึงนึกถึงเทวดากบท่าน คิดว่าท่านเป็นกบ ท่านเป็นเทวดาได้ เราเป็นคนลำบากเกือบตายสู้กบไม่ได้   อยากจะทราบว่าท่านนิพพานแล้วหรือยัง   ถ้ายังท่านมีวิมานและทิพยสมบัติเป็นอย่างไร เมื่อนึกถึงท่านก็ปรากฏทั้งกายทั้งวิมาน ท่านทำให้เห็นชัดเท่าเห็นคนธรรมดา ท่านสวย วิมานก็สวย แสงสว่างก็มาก  แต่ท่านไม่สวมชฎา จึงถามว่าท่านว่าทำไมจึงไม่สวมชฎา  ท่านบอกว่า ท่านมาหาพระ ท่านไม่รีบกลับจึงไม่สวมชฎา  ขอให้ท่านสวมชฎา  เมื่อชฎาปรากฏบนศรีษะ   ไม่ได้หยิบสวมเหมือนคนปรากฏขึ้นเอง   ดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง   แล้วชฎาก็สลายไป
.....ถามท่านว่า เมื่อถูกคนเลี้ยงโคแทงแล้วตายทันทีหรือเปล่า ท่านบอกว่า  ยังไม่ตาย  เขาเอาเหล็กแทงเอาเชือกร้อยแล้วลากไปกับพื้นดิน เพราะเขาหากบต่อไป มันเจ็บปวดที่สุด เมื่อถึงบ้านเขาวางตากแดดไว้ชานบ้าน มันเจ็บปวดแล้วร้อนแดดเพิ่มเข้าอีก ในที่สุดก็ตาย  ทุกข์เหลือเกิน  ถามท่านว่า เมื่อมาเป็นเทวดาแล้วคิดอยากเกิดเป็นกบหรืออยากเกิดเป็นมนุษย์อีกไหม   ท่านยิ้มแล้วตอบว่า ไม่อยากเกิดเป็นอะไรเลยครับ มนุษย์ก็ทุกข์ สัตว์ก็ทุกข์ แม้เทวดา ผมก็ไม่อยากเป็นอีก อยากไปนิพพาน
.....ถามท่านว่า ท่านฟังเทศน์สมัยพระพุทธเจ้าเป็นเทวดาแล้ว ได้ฟังต่ออีกไหม ท่านบอกว่า ฟังอีกหลายครั้ง ถามท่านว่า เป็นพระโสดาบันหรือยัง  ท่านบอกว่า  เวลานี้ผมเป็นพระสกิทาคามีผลขอรับ คนถามหน้าแหงเลย เพราะความคิดว่าเทวดาโง่เท่าตัวเอง  เมื่อถามว่า  เพราะกรรมอะไรจึงเกิดเป็นกบ  ภาพที่ปรากฏก็คือ ท่านเองเป็นชายสูงโปร่ง ผิวดำเป็นลูกชาวนา เมื่อไถนาเสร็จแล้วก็เที่ยวหากบ  ได้แล้วก็เอาเหล็กแหลมแทง   ร้อยเชือกลากกบไปเหมือนที่เขาทำกับท่าน ท่านบอกว่า เศษบาป ผมยังชำระไม่หมด ถ้าไปเกิดใหม่ต้องชำระหนี้อีกมาก จึงอยากจะไปนิพพานเลย
.....เมื่อคุยกับกบเทวดาสักครู่หนึ่ง ท่านย่า กับแม่ศรี ก็มา ท่านรู้จักกับเทวดากบดี ท่านเทวดากบเคารพท่านย่าและแม่ศรีมาก แม่ศรีบอกว่า เทวดากบเคยเกิดเป็นลูกมาหลายชาติ ท่านนึกถึงกันออกรู้ได้เหมือนกันทั้งสองฝ่าย   แต่ฝ่ายผู้เขียนสบายใจมาก เพราะไม่รู้เรื่องเลย เวลาเดียวกันนั้น ลุงพุฒ มา ท่านมาคนเดียว แต่งตัวสวยในชุดสอบสวน ท่านมาบอกว่าคุณไปบ้านผมหน่อยซิมีเรื่องด่วน  แต่ขอให้ไปรูปนอก เพราะถ้าไปเฉพาะรูปใน พวกรอการสอบสวนเขาเห็นยาก  จึงถาม  ท่านย่า  แม่ศรี  เทวดากบ ไปพร้อมกันไหม ท่านก็ไปด้วยกัน
.....เมื่อไปถึงเห็นในห้องสอบสวน มีคนทั้งหญิงและชาย ๓๐ คน อยู่ในห้องสอบสวน   แปลกใจเพราะเคยเห็นคนเดียวสอบสวนทีละคน แต่คราวนี้ทำไมมาก เมื่อเขานั่ง พวกนั้นพากันกราบ ตอนนี้แปลกอีก คนที่ถูกสอบสวนไม่เคยทำอะไรได้เลย ลุงท่านบอกว่า พวกนี้สอบสวนเสร็จแล้วครับ    ให้คอยคุณเพราะพวกนี้ก่อนตายเขาทำบุญกับคุณไว้มาก ไม่เคยเห็นตัวจริงคุณเลยเห็นแต่รูปถ่ายไม่เคยถวายของกับตัวท่าน    แต่เขาส่งถวายทางธนาณัติเหมือนกันทุกคน เป็นคนในกรุงเทพ ๓ คน คนอีสาน ๑๐ คน คนภาคกลาง ๑๗ คน เมื่อทำบุญแล้วเขาบูชาพระเขาขอให้ผมเป็นพยาน
.....ผมก็เป็นพยานให้ไม่ต้องสอบสวน พวกนี้ไปชั้นยามา ๒ คน เพราะชอบสวดมนต์   สมาธิทำเหมือนกันแต่ยังไม่กระดิกหู ไปดาวดึงส์ ๘ คน นอกนั้น อยู่ชั้นจาตุมหาราช เมื่อท่านลุงให้คนทั้งหมดเข้ามาหาแล้ว และเสร็จจากการสนทนากันเล็กน้อยก็กลับมาที่อยู่ คราวนี้แปลกหน่อยไปทั้งเปลือก
จากหนังสืออ่านเล่น ชุดที่ ๑
*** โอวาทธรรมของหลวงพ่อ ***
....."รักษากำลังใจให้มั่นคงจริงๆ ให้จิตมันแน่วแน่จริงๆ อย่าเอาจิตเข้าไปยุ่งกับอารมณ์ภายนอก ทำงานทุกอย่างเพื่อสาธารณประโยชน์ เราทำเพื่อพระนิพพานที่เราทำนี่เพื่อไม่เกิด ไม่ใช่ทำเพื่อเกิด ไม่เกิดทำทำไม ก็ทำเพื่อเป็นการตัดอารมณ์ว่า ไอ้งานที่เราทำไปแล้ว เราลงทั้งทุนลงทั้งแรง แต่ว่าทำไปแล้วเราก็รู้ว่ามันเป็นอนิจจังของไม่เที่ยงนะ อนัตตาไม่ช้าก็สลาย   มันไม่ตายก่อนเราก็ตายก่อน มันไม่พังก่อนเราก็ตายก่อน เราทำเพื่อจิตตัดโลภะ ความโลภ การทำงานอารมณ์มันจุกจิก    ฝึกอารมณ์ใจให้มันเย็น ตัดความโลภ การไม่สนใจว่าเป็นของเรา เพราะว่าเรากับมันไม่ช้าต่างก็บรรลัย เป็นการตัดความหลงไปนิพพาน..."

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...