1. พระพุทธเจ้าไม่ได้มีองค์เดียวแต่มีมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ชื่อโคดมพระพุทธเจ้า องค์ต่อไป ชื่อพระศรีอริยเมตไตรในยุคที่คำสอนของพุทธศาสนายังดำรงอยู่จะไม่มีพระพุทธเจ้ากำเนิดในช่วงเวลาเดียวกัน
2. ในพระไตรปิฎกมีนามของพระพุทธเจ้า 29 องค์ ที่อยู่ในช่วง 4 อสงไขย 100,000 กัป ที่ผ่านมา (1 อสงไขย = 1 แล้วตามด้วยศูนย์อีก 140 ตัว)
3. การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้นั้นต้องบำเพ็ญบุญบารมีนานมาก ความตั้งใจนี้ เรียกว่า การปรารถนาพุทธภูมิ มีอยู่ 3 ช่วง ได้แก่
ช่วงคิดปรารถนาอยู่ในใจไม่ได้เอ่ยปาก
ช่วงเปล่าวาจาต่อหน้าพระพุทธรูป
ช่วงหลังจากได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า
ช่วงที่ 1 และ 2 สามารถเปลี่ยนคำปรารถนาได้ ถ้าบุญบารมีมากพอก็จะสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้เลย แต่หลังจากได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วจะล้มเลิกไม่ได้
4. พระพุทธเจ้ามี 3 ประเภท หากแบ่งตามเส้นทางการสะสมบารมี ได้แก่
ปัญญาธิกพุทธเจ้า สะสมบารมีโดยใช้ปัญญา ใช้เวลาสะสมบารมี 20 อสงไขย 100,000 กัป (การเจริญปัญญาได้บุญบารมีสูงเลยเต็มเร็ว)
สัทธาธิกพุทธเจ้า สะสมบารมีโดยใช้ศรัทธา ปัญญาปานกลาง ใช้เวลาสะสมบารมี 40 อสงไขย 100,000 กัป
วิริยาธิกพุทธเจ้า สะสมบารมีโดยใช้ความเพียร ใช้เวลาสะสมบารมี 80 อสงไขย 100,000 กัป
5. พระโพธิสัตว์ คือผู้ที่อยู่ในเส้นทางการสะสมบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตหลังจากได้รับพุทธทำนาย ซึ่งจะมีบุญบารมีสูงกว่ามนุษย์ทั่วไป จิตของพระโพธิสัตว์จะยังไม่มีทางบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน เพราะรอที่จะบรรลุในชาติสุดท้ายที่มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า
ในประเทศไทย มีครูบาอาจารย์ได้กล่าวถึงท่านเหล่านี้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ได้แก่ หลวงปู่ทวด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) รวมถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ด้วย
6. บารมีที่จะต้องบำเพ็ญ คือ บารมี 10 ตัว ซึ่ง 10 ชาติสุดท้ายก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้านั้นต้องบำเพ็ญอย่างยิ่งยวดเหนือกว่าคนธรรมดาจะทำได้ เช่น การเสียสละลูกของพระเวสสันดรเพื่อ ทานบารมี
7. พระพุทธเจ้า มี 2 ประเภท คือ
ปัจเจกพุทธเจ้า คือผู้ที่เกิดในยุคที่ไม่มีพุทธศาสนาแล้วตรัสรู้ธรรมได้ด้วยตนเอง แต่ท่านไม่ได้ประกาศศาสนาเพียงแต่สอนคนไม่มากเท่านั้น ยุคนี้จึงมีเพียง พระพุทธ และ พระธรรม แต่ไม่มีพระสงฆ์
สัมมาสัมพุทธเจ้า คือผู้ที่เกิดในยุคที่ไม่มีพุทธศาสนาแล้วตรัสรู้ธรรมได้ด้วยตนเอง และท่านได้ประกาศศาสนาออกไปสู่คนจำนวนมาก ยุคนี้จะมีพระรัตนไตยครบองค์ ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์
คำว่า ตรัสรู้ ใช้กับพระพุทธเจ้าเท่านั้น ส่วนผู้ที่บรรลุธรรมในสมัยที่ยังมีพุทธศาสนาอยู่ แม้จะเป็นพระอรหันต์ไม่ถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าทั้ง 2 ประเภท แต่จัดอยู่ในประเภท สาวกภูมิ
8. การบำเพ็ญบุญ บารมี ที่ดีที่สุด คือการเกิดเป็นมนุษย์ ฉะนั้น 10 ชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้าจะเป็นมนุษย์ส่วนใหญ่
9. ชาติสุดท้ายก่อนที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไม่ใช่ชาติที่เกิดเป็นพระเวสสันดร แต่เป็นพรหมที่ชื่อ สันตุสิตเทพบุตร ในสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อรอเวลาอุบัติมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
10. ปัจจัย 5 อย่างที่เหมาะสมที่จะมีพระพุทธเจ้าได้แก่
อายุขัยมนุษย์ต้องอยู่ในช่วง 100,000 – 100 ปี
อยู่ในชมพูทวีป (ไม่ใช่อินเดีย แต่เป็นแผ่นดินที่มีมนุษย์อาศัยอยู่)
อยู่ในประเทศที่เหมาะสม
เกิดในตระกูลกษัตริย์ หรือพราหมณ์เท่านั้น
เกิดในมารดาที่ต้องมีศีล 5 มีการบำเพ็ญบารมีมา 100,000 กัป พุทธมารดาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์หลังจากประสูติพระพุทธเจ้าแล้วจะสิ้นพระชนม์ภายใน 7 วัน เพราะ ไม่สามารถให้กำเนิดมนุษย์ที่บารมีน้อยกว่าได้อีก
11. พระพุทธเจ้าทุกองค์มีเหตุการณ์ที่เหมือนกัน ดังนี้
เดิน 7 ก้าวเมื่อประสูติ
หากเกิดเป็นกษัตริย์จะได้รับคำทำนายว่าจะออกบวช และพุทธบิดาจะกีดกันทุกอย่างเพื่อไม่ให้บวช
มีการครองเรือน คือ มีพระชายาเหมือนคนทั่วไป และจะมีบุตรคนเดียวเท่านั้น
ออกบวชด้วยเหตุเดียวกันหมด คือ เห็น คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช
ก่อนตรัสรู้จะมีคนมาถวายข้าวมธุปายาส เป็นมื้อสุดท้าย และลอยถาดทวนน้ำ
มีกองทัพพญามารมาขัดขวางก่อนจะตรัสรู้
มีแก่นคำสอนเหมือนกันหมด เช่นเรื่อง อริยสัจ4 ขันธ์5 ไตรลักษณ์ กรรมฐาน วิปัสสนา (แต่ภาษาที่ใช้เปลี่ยนตามยุคสมัย)
มีการชุมนุมของพระอรหันต์โดยมิได้นัดหมาย จำนวน 1-3 ครั้ง
เสด็จขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อโปรดพุทธมารดา
12. วัดแห่งแรกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ตั้งอยู่ในพิกัดเดียวกันหมด รวมถึงกุฎิของท่านด้วย
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ “พระพุทธเจ้า ไม่ได้มีแค่หนึ่ง”
ขอบคุณที่มา
http://www.sabaiclub.com/?p=26078
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น