กรรมฐานแบบคนขี้เกียจ
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
การเจริญกรรมฐานจริง ๆ ถ้าทำเเป็นล่ำเป็นสัน
มันอาจจะเกินพอดีไปก็ได้ เอากันแบบคนขี้เกียจ
แต่ตายแล้วไม่ลงนรกดีกว่า ง่ายดีนะ
คนขี้เกียจเขาจะทำแบบนี้
มันอาจจะเกินพอดีไปก็ได้ เอากันแบบคนขี้เกียจ
แต่ตายแล้วไม่ลงนรกดีกว่า ง่ายดีนะ
คนขี้เกียจเขาจะทำแบบนี้
ก่อนนอนหลับ นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือนึกถึง
พระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะที่เราชอบ
จิตก็จับลมหายใจเข้าออก ภาวนา "พุทโธ" ก็ได้
อะไรก็ได้นะ เอาพุทโธเป็นเกณฑ์ก็แล้วกัน
หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ"
เพียงแค่ ๒-๓ ครั้ง มันหลับไปก็ใช้ได้
ขณะภาวนาอยู่ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌานมันจะไม่หลับ
ถ้าจิตสงบถึงฌานมันจะตัดหลับทันที
พระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะที่เราชอบ
จิตก็จับลมหายใจเข้าออก ภาวนา "พุทโธ" ก็ได้
อะไรก็ได้นะ เอาพุทโธเป็นเกณฑ์ก็แล้วกัน
หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ"
เพียงแค่ ๒-๓ ครั้ง มันหลับไปก็ใช้ได้
ขณะภาวนาอยู่ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌานมันจะไม่หลับ
ถ้าจิตสงบถึงฌานมันจะตัดหลับทันที
จะเป็นฌานขั้นไหนก็ตาม ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงก็ตาม
ท่านถือว่า ทรงฌานตลอดเวลา ถ้าตายเวลานั้น
จะเป็นพรหมทันทีเป็นอย่างน้อย ถ้าบังเอญก่อนจะตาย
ก่อนจะหลับเรานึกถึงพระนิพพาน ภาวนาด้วย
นึกถึงพระนิพพานไว้ก่อนด้วย แล้วก็หลับ
จิตเป็นฌานก็หลับ เขาถือว่าจิตทรงในด้านของนิพพาน
เรียกว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายเวลาหลับ
จะไปนิพพานทันที
ท่านถือว่า ทรงฌานตลอดเวลา ถ้าตายเวลานั้น
จะเป็นพรหมทันทีเป็นอย่างน้อย ถ้าบังเอญก่อนจะตาย
ก่อนจะหลับเรานึกถึงพระนิพพาน ภาวนาด้วย
นึกถึงพระนิพพานไว้ก่อนด้วย แล้วก็หลับ
จิตเป็นฌานก็หลับ เขาถือว่าจิตทรงในด้านของนิพพาน
เรียกว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายเวลาหลับ
จะไปนิพพานทันที
ถ้ามันไม่ตาย มันตื่น ก่อนจะขยับตัวไปไหน
ก่อนจะหลับจิตเราเป็นฌาน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว
ฌานยังไม่คลายตัว ยังทรงอยู่ ก็เริ่มจับลมหายใจ
เข้าออกใหม่ภาวนาใหม่แค่ ๒-๓ ครั้งก็ตาม
เพียงแค่นี้ทำทุกวัน ทุกคนเวลาจะตายจะไม่นึกถึง
อกุศล จะนึกเฉพาะ กุศล อย่างเดียว
ก่อนจะหลับจิตเราเป็นฌาน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว
ฌานยังไม่คลายตัว ยังทรงอยู่ ก็เริ่มจับลมหายใจ
เข้าออกใหม่ภาวนาใหม่แค่ ๒-๓ ครั้งก็ตาม
เพียงแค่นี้ทำทุกวัน ทุกคนเวลาจะตายจะไม่นึกถึง
อกุศล จะนึกเฉพาะ กุศล อย่างเดียว
ถ้าทำอย่างนี้ทุกวัน ทำแบบคนขี้เกียจนะ
ฉันมันคนขี้เกียจก็เลยสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนขี้เกียจด้วย
ถ้าทำอย่างนี้ทุกวันถ้าเราป่วยหนักขนาดไหนก็ตาม
ถ้ายังไม่เห็นเทวดา ไม่เห็นนางฟ้า ไม่เห็นพรหม
ไม่เห็นพระอริยเจ้า ไม่เห็นพระพุทธเจ้า ยังไม่ตาย
ถ้าขณะป่วยถึงแม้มันจะไม่หนัก เห็นเทวดาเห็นนางฟ้า
เต็มจักรวาล เห็นพรหม เห็นพระอริยเจ้า เห็นพระพุทธเจ้า
คราวนั้นตายแน่
ฉันมันคนขี้เกียจก็เลยสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนขี้เกียจด้วย
ถ้าทำอย่างนี้ทุกวันถ้าเราป่วยหนักขนาดไหนก็ตาม
ถ้ายังไม่เห็นเทวดา ไม่เห็นนางฟ้า ไม่เห็นพรหม
ไม่เห็นพระอริยเจ้า ไม่เห็นพระพุทธเจ้า ยังไม่ตาย
ถ้าขณะป่วยถึงแม้มันจะไม่หนัก เห็นเทวดาเห็นนางฟ้า
เต็มจักรวาล เห็นพรหม เห็นพระอริยเจ้า เห็นพระพุทธเจ้า
คราวนั้นตายแน่
ถ้าก่อนตายทุกขเวทนาหนัก ปวดเสียด แต่ก่อนจะตายจริง
สักอย่างน้อยที่สุด ๒๐ นาที หรืออาจจะ ๒ - ๓ วันก็ได้นะ
จิตที่มีทุกขเวทนามันจะหายไป จิตจะจับที่เทวดา ที่นางฟ้า
ที่พรหม ที่พระอริยเจ้า มีความเพลิดเพลินคุยกับท่าน
แบบสบาย ๆ และในที่สุดจิตก็ดับ ก็ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก
ไปนิพพานได้ตามชอบใจ
สักอย่างน้อยที่สุด ๒๐ นาที หรืออาจจะ ๒ - ๓ วันก็ได้นะ
จิตที่มีทุกขเวทนามันจะหายไป จิตจะจับที่เทวดา ที่นางฟ้า
ที่พรหม ที่พระอริยเจ้า มีความเพลิดเพลินคุยกับท่าน
แบบสบาย ๆ และในที่สุดจิตก็ดับ ก็ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก
ไปนิพพานได้ตามชอบใจ
ก่อนจะหลับให้ภาวนาว่า "พุทโธ" สัก ๒ - ๓ ครั้ง
แล้วภาวนาว่า "นิพพานัง สุขัง" ไปจนกว่าจะหลับ
เมื่อเวลาตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ให้ภาวนาว่า
"นิพพานัง สุขัง" สัก ๒-๓ ครั้ง อย่างนี้ทุกคืน
จะไปนิพพานได้ในชาตินี้ ใครภาวนา "นิพพานัง สุขัง "
ไม่ได้ ให้ภาวนาว่า "พุทโธ" อย่างน้อยที่สุด
ตายจากชาตินี้แล้วไปสวรรค์
แล้วภาวนาว่า "นิพพานัง สุขัง" ไปจนกว่าจะหลับ
เมื่อเวลาตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ให้ภาวนาว่า
"นิพพานัง สุขัง" สัก ๒-๓ ครั้ง อย่างนี้ทุกคืน
จะไปนิพพานได้ในชาตินี้ ใครภาวนา "นิพพานัง สุขัง "
ไม่ได้ ให้ภาวนาว่า "พุทโธ" อย่างน้อยที่สุด
ตายจากชาตินี้แล้วไปสวรรค์
จากหนังสือ "พ่อสอนลูก"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น