“..อย่าคิดว่าคนที่มาเจริญพระกรรมฐานจะได้ดีทุกคนเวลาตาย อาจจะเผลอไปก็ได้เพราะคนที่เจริญพระกรรมฐาน เวลาตายอารมณ์ใจไม่เสมอกัน ถ้าเป็นฌานโลกีย์ก็มีอารมณ์ไม่แน่นอนอาจจะเผลอได้ดังตัวอย่างเรื่องนี้
อาตมาไปพบแม่ชีคนหนึ่งตายเมื่อตอนกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๑ อายุ ๕๓ ปี อยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปรอการสอบสวนที่สำนักพระยายมราช เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกเธอออกมายืนแล้วเจ้าหน้าที่ก็ประกาศว่า “เมื่อเธออายุ ๑๒ ปี เธอฆ่าไก่เพื่อแกงขายเอาเงินมาใช้ใช่ไหม” เธอตอบว่า “ใช่” เจ้าหน้าที่ไม่พูดเรื่องมากมาย เพราะคนนี้จนบาป ทั้งชีวิตทำบาปครั้งเดียวคือฆ่าไก่ตัวเดียว เสียงเจ้าหน้าที่บอกว่า “บาปนอกจากนี้เธอไม่มี การเดิน นั่ง นอน ทับสัตว์ตายเพราะไม่รู้ ไม่ถือว่าเป็นบาป” จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พูดถึงบุญว่า “เธอเคยเอาเงินที่รับจ้างได้ผสมกับเงินนายจ้างที่ใช้เธอไปซื้อของเพื่อทำบุญ” เธอตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ” เจ้าหน้าที่ถามว่า “เธอไม่ประสงค์แต่งงาน เพราะเห็นว่าเป็นทุกข์ใช่ไหม” เธอตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ” เจ้าหน้าที่ถามว่า “เธอถวายสังฆทานกี่ครั้งในชีวิต” เธอตอบว่า “๑๗ ครั้งเจ้าค่ะ” เจ้าหน้าที่ถามว่า “เคยภาวนาใช่ไหม” เธอตอบว่า “ตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี เป็นต้นมา ภาวนาก่อนหลับเป็นปกติ” เสียงเจ้าหน้าที่บอกว่า ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของท่านพระยายมราช
เธอเข้ามาใกล้โต๊ะหรือแท่นของท่านพระยายมราช นั่งลงกราบแล้วก็ยืนขึ้นตามระเบียบเธอเป็นคนเรียบร้อยสงบเสงี่ยมน่ารักมาก ท่านถามว่า “เมื่ออายุ ๑๒ ปี ฆ่าไก่เพื่อแกงขายใช่ไหม” เธอตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ” ท่านบอกว่า “บาปของเธอแม้มีเพียงครั้งเดียวแต่ก็หนักมาก พยานเขามาคอยเธอนานแล้ว” พอท่านพูดจบ ไก่ก็โผล่ออกมารายงานว่า “เธอใจร้ายมาก จะจับมาเชือดคอก็กลัวว่าไก่จะเจ็บและเห็นเลือดแล้วใจไม่ดี จึงจับเอาหัวไก่ฟาดกับเสาจนหัวเละตายไปเลย” ท่านถามว่า “จริงไหม” เธอตอบว่า “จริงเจ้าค่ะ ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะความจนไม่มีเงิน พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก มีไก่เลี้ยงประจำบ้านอยู่ตัวหนึ่ง ตัวอ้วนดี มีคนมาบอกว่า ถ้าแกงไก่ตัวนี้เขาจะให้เงินมากหน่อย เพราะความจนไม่มีเงินใช้จึงทำ หลังจากนั้นมาก็พยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เพื่อให้อโหสิกรรม ทำอย่างนี้ทุกวันหลังจากที่บูชาพระและนั่งเจริญภาวนา พออายุ ๔๐ ปีเศษก็บวชชีแล้วตายเมื่ออายุ ๕๓ ปี” เป็นอันว่าบุญมากกว่าบาป
ท่านเลยถามว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องมาสำนักพระยายมราช ซึ่งไม่จำเป็นเลย ถ้าบุญขนาดนี้จะต้องไปสวรรค์หรือพรหมโลกทันที” เธอก็เลยบอกว่า “ตอนต้นเวลาป่วยก็นึกถึงบุญกุศล ภาวนาบ้าง จิตใจก็สงบ ตอนใกล้จะตายขณะที่ภาวนาอยู่ ได้ยินเสียงไก่ร้อง ก็ตกใจภาวนาก็หยุด พอจิตหวั่นไหวแป๊บเดียว เห็นท่าน ๔ คนมารับไปเลย” ซึ่งถ้าปล่อยให้ภาวนาตามปกติ เธอจะไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทันที ท่านถามไก่ว่า “เขาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี จนถึงอายุ ๕๓ ปี เจ้าไม่ได้รับหรือ” ไก่ตอบว่า “ได้รับ” ท่านถามอีกว่า “ได้รับแล้วเอ็งยังจองเวรจองกรรมอยู่อีกหรือ” ไก่ตอบ “ไม่ได้จองเวรจองกรรม” ท่านบอกว่า “แล้วเอ็งมาเป็นโจทก์ทำไม” ไก่ก็เลยบอกว่า “ที่ต้องการให้มาที่นี่ก็เพื่อจะบอกว่า ฉันอโหสิกรรมให้แล้ว” ท่านทั้งหลายอย่าประมาทนะ การทำบุญทำกุศล เจริญภาวนา มันเป็นได้ตามนี้นะ
หลังจากนั้นท่านก็บอกเทวดาที่อยู่ข้างหลัง ๕ องค์คอยส่งคน ท่านบอกว่า “คนนี้บุญบารมีเขาเจริญพระกรรมฐาน มีสมาธิทรงตัว บารมีของเขาต้องอยู่ชั้นยามา เวลานี้วิมานชั้นยามา มาแล้ว ท่านก็บอกเธอว่า “เจ้าต้องไปสวรรค์ชั้นยามา วิมานมีอยู่ที่นั่น แต่ไม่ใช่ลุงสร้างให้นะ ทานของเขาบ้าง ศีลของเขาบ้าง การเจริญภาวนาถ้าถึงอุปจารสมาธิ ก็ไปอยู่สวรรค์ชั้นยามา ถ้าฝึกกสิณจริงๆ ก็ไปเป็นพรหม” เธอยิ้มบอกว่า ชั้นยามาสบาย นึกว่าจะแย่แล้ว..”
จากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ
อาตมาไปพบแม่ชีคนหนึ่งตายเมื่อตอนกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๑ อายุ ๕๓ ปี อยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปรอการสอบสวนที่สำนักพระยายมราช เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกเธอออกมายืนแล้วเจ้าหน้าที่ก็ประกาศว่า “เมื่อเธออายุ ๑๒ ปี เธอฆ่าไก่เพื่อแกงขายเอาเงินมาใช้ใช่ไหม” เธอตอบว่า “ใช่” เจ้าหน้าที่ไม่พูดเรื่องมากมาย เพราะคนนี้จนบาป ทั้งชีวิตทำบาปครั้งเดียวคือฆ่าไก่ตัวเดียว เสียงเจ้าหน้าที่บอกว่า “บาปนอกจากนี้เธอไม่มี การเดิน นั่ง นอน ทับสัตว์ตายเพราะไม่รู้ ไม่ถือว่าเป็นบาป” จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พูดถึงบุญว่า “เธอเคยเอาเงินที่รับจ้างได้ผสมกับเงินนายจ้างที่ใช้เธอไปซื้อของเพื่อทำบุญ” เธอตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ” เจ้าหน้าที่ถามว่า “เธอไม่ประสงค์แต่งงาน เพราะเห็นว่าเป็นทุกข์ใช่ไหม” เธอตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ” เจ้าหน้าที่ถามว่า “เธอถวายสังฆทานกี่ครั้งในชีวิต” เธอตอบว่า “๑๗ ครั้งเจ้าค่ะ” เจ้าหน้าที่ถามว่า “เคยภาวนาใช่ไหม” เธอตอบว่า “ตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี เป็นต้นมา ภาวนาก่อนหลับเป็นปกติ” เสียงเจ้าหน้าที่บอกว่า ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของท่านพระยายมราช
เธอเข้ามาใกล้โต๊ะหรือแท่นของท่านพระยายมราช นั่งลงกราบแล้วก็ยืนขึ้นตามระเบียบเธอเป็นคนเรียบร้อยสงบเสงี่ยมน่ารักมาก ท่านถามว่า “เมื่ออายุ ๑๒ ปี ฆ่าไก่เพื่อแกงขายใช่ไหม” เธอตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ” ท่านบอกว่า “บาปของเธอแม้มีเพียงครั้งเดียวแต่ก็หนักมาก พยานเขามาคอยเธอนานแล้ว” พอท่านพูดจบ ไก่ก็โผล่ออกมารายงานว่า “เธอใจร้ายมาก จะจับมาเชือดคอก็กลัวว่าไก่จะเจ็บและเห็นเลือดแล้วใจไม่ดี จึงจับเอาหัวไก่ฟาดกับเสาจนหัวเละตายไปเลย” ท่านถามว่า “จริงไหม” เธอตอบว่า “จริงเจ้าค่ะ ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะความจนไม่มีเงิน พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก มีไก่เลี้ยงประจำบ้านอยู่ตัวหนึ่ง ตัวอ้วนดี มีคนมาบอกว่า ถ้าแกงไก่ตัวนี้เขาจะให้เงินมากหน่อย เพราะความจนไม่มีเงินใช้จึงทำ หลังจากนั้นมาก็พยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เพื่อให้อโหสิกรรม ทำอย่างนี้ทุกวันหลังจากที่บูชาพระและนั่งเจริญภาวนา พออายุ ๔๐ ปีเศษก็บวชชีแล้วตายเมื่ออายุ ๕๓ ปี” เป็นอันว่าบุญมากกว่าบาป
ท่านเลยถามว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องมาสำนักพระยายมราช ซึ่งไม่จำเป็นเลย ถ้าบุญขนาดนี้จะต้องไปสวรรค์หรือพรหมโลกทันที” เธอก็เลยบอกว่า “ตอนต้นเวลาป่วยก็นึกถึงบุญกุศล ภาวนาบ้าง จิตใจก็สงบ ตอนใกล้จะตายขณะที่ภาวนาอยู่ ได้ยินเสียงไก่ร้อง ก็ตกใจภาวนาก็หยุด พอจิตหวั่นไหวแป๊บเดียว เห็นท่าน ๔ คนมารับไปเลย” ซึ่งถ้าปล่อยให้ภาวนาตามปกติ เธอจะไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทันที ท่านถามไก่ว่า “เขาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี จนถึงอายุ ๕๓ ปี เจ้าไม่ได้รับหรือ” ไก่ตอบว่า “ได้รับ” ท่านถามอีกว่า “ได้รับแล้วเอ็งยังจองเวรจองกรรมอยู่อีกหรือ” ไก่ตอบ “ไม่ได้จองเวรจองกรรม” ท่านบอกว่า “แล้วเอ็งมาเป็นโจทก์ทำไม” ไก่ก็เลยบอกว่า “ที่ต้องการให้มาที่นี่ก็เพื่อจะบอกว่า ฉันอโหสิกรรมให้แล้ว” ท่านทั้งหลายอย่าประมาทนะ การทำบุญทำกุศล เจริญภาวนา มันเป็นได้ตามนี้นะ
หลังจากนั้นท่านก็บอกเทวดาที่อยู่ข้างหลัง ๕ องค์คอยส่งคน ท่านบอกว่า “คนนี้บุญบารมีเขาเจริญพระกรรมฐาน มีสมาธิทรงตัว บารมีของเขาต้องอยู่ชั้นยามา เวลานี้วิมานชั้นยามา มาแล้ว ท่านก็บอกเธอว่า “เจ้าต้องไปสวรรค์ชั้นยามา วิมานมีอยู่ที่นั่น แต่ไม่ใช่ลุงสร้างให้นะ ทานของเขาบ้าง ศีลของเขาบ้าง การเจริญภาวนาถ้าถึงอุปจารสมาธิ ก็ไปอยู่สวรรค์ชั้นยามา ถ้าฝึกกสิณจริงๆ ก็ไปเป็นพรหม” เธอยิ้มบอกว่า ชั้นยามาสบาย นึกว่าจะแย่แล้ว..”
จากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น