"...ช้างป่าเลไลย์โพธิสัตว์..."
“...ครูบาศรีวิชัย... ในสมัยพุทธกาลเกิดเป็นพญาช้างป่าเลไลย์ และจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต” จากปากหลวงปู่ตื้อที่ยืนยันตามหลวงปู่จันทร์
ท่านอาจารย์ตื้อ (อจลธมฺโม) เล่าให้ฟังว่า... “ครูบาศรีวิชัยท่านเทศน์น้อย แต่รู้จักความนึกคิดของผู้คนรู้ได้ใกล้ไกล เจริญแต่คาถาอิติปิโสฯ อยู่เป็นนิจ ทีแรกเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) จะสอนวิปัสสนากรรมฐานบอกอุบายธรรมให้
แต่เมื่อท่านเจ้าคุณพระอุปัชฌาย์ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ(จันทร์ สิริจันโท) ท่านให้พิจารณาจึงรู้ได้ว่า ยังไม่อาจที่จะบรรลุมรรคผลได้ แต่จักได้ด้วยตนของครูบาเจ้าเอง เป็นอิติปิโสฯ ได้เอง ” (สำเร็จในพุทธภูมิโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
“พวกยางปะเก่อ พวกมูเซอ คนภูเขา แห่กันมาทำบุญกับครูบาศรีวิไชย เอาเงินเหรียญใส่กระบอกไม้ไผ่ไม้เฮี้ยะ เต็มกระบอกอัดปากกระบอก แล้วเอามาถวายครูบาศรีวิไชย
“พวกสูแบกอะไรมา” (ครูบาเจ้าศรีวิชัย)
“กระบอกเงิน” (พวกชนเขา)
“เอามาดูดู๊”(ครูบาเจ้าศรีวิชัย)
พวกเขาเปิดปากกระบอกออกแล้วก็เทเป็นกอง ๆ
“เอามาถวายบูชาครูบาเจ้าตนบุญของหมู่ตูข้า สุดแท้แต่จะทำอันใด” (พวกชนเขา)
หลวงปู่ตื้อยังบอกอีกว่า ครูบาศรีวิไชย เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ บำเพ็ญมาอย่างรวยอุตมลาภชาติชีวิตนี้ไปไหนมาไหน ก็มีผู้คนแห่แหนเอาเงินเอาปัจจัยทั้ง ๔ มาทำบุญให้ทาน เพิ่นก็เอาไปสร้างวัดได้หลายร้อยวัด ทั้งบูรณปฏิสังขรณ์และทำขึ้นมาใหม่ก่อสร้างร่างแปลน แต่เช้าจนค่ำคืน นั่งปันพรให้แก่ผู้เอาเงินมาให้ถวายทานเทศน์ธรรมก็บอกแต่ว่า “ ให้สวดท่องอิติปิโส ” สอนผู้คนชาวบ้านให้ถือศาสนารักษาศีล ๕ ศีล ๘ สอนคนก็สอนจี้ลงไปที่ใจ เพิ่นภาวนาเก่ง รู้ใจผู้คนหลายอย่าง ตายแล้วยังลุกขึ้นมาสร้างสะพานข้ามปิงได้แล้วเสร็จ (เชื่อมต่อจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดลำพูน)
พระภาคเหนือรังเกียจเพิ่นมาก แต่พอเพิ่นจากไปตุ๊คนใด๋ก็อ้างว่า...
“ข้าลูกศิษย์ครูบ๋าเจ้า”
“ข้าก็ลูกศิษย์ครูบ๋าเจ้า”
********************
"ในสมัยพุทธกาลนั้นใช้ชาติเป็นพญาช้างป่าเลไลย์ เป็นหัวหน้าฝูง เกิดความเบื่อหน่ายหนีออกจากฝูง อยู่วิเวกหากินตนเดียว พระพุทธเจ้าโคตมะ หนีเข้าป่าเพราะเบื่อหน่ายในลูกศิษย์พระสงฆ์ทะเลาะกัน จึงหนีเข้าป่าพระองค์เดียวจุดประสงค์เพื่อลงโทษสงฆ์ ๒ หมู่นั้นที่ทะเลาะกันใครเตือนใครบอกก็มิฟัง และด้วยพระมหาเมตตากรุณา พระพุทธองค์ก็มาโปรดพญาช้างป่าเลไลย์โพธิสัตว์ด้วย พญาช้างป่าเลไลย์โพธิสัตว์ปฏิบัติองค์พระพุทธเจ้าโคตรมะตลอดพรรษา การปฏิบัติพุทธะอุปฏฺฐาก ตอนเช้าตอนแลงจะต้มน้ำร้อนเพื่อให้พระพุทธเจ้าทรงสรงน้ำชำระพระวรกาย โดยการหาก้อนหินใหญ่หากิ่งไม้แห้งเอามากองทับก้อนหินใหญ่ข้างบ่อน้ำ แล้วเอางวงจับไม้แห้งสีกันจนเกิดเป็นไฟ พอไฟไหม้ก้อนหินได้ทีแล้ว ก็เอางวงและเท้าค่อย ๆ กลิ้งก้อนหินร้อนลงบ่อน้ำ จากนั้นก็เอางวงจุ่มน้ำพอได้ที ก็ไปกราบนิมนต์พระพุทธเจ้ามาสรงน้ำชำระพระวรกาย ตอนเช้า ๆ ก็ออกไปหาผลไม้รากไม้ มีกล้วยสุก มีมะม่วงสุก และผลไม้อื่น ๆ ตามที่พญาช้างสิหามาได้ นำมาถวายใส่บาตรพระพุทธเจ้า พญาช้างออกหากินบ่ไกลจากที่พระพุทธเจ้าทรงประทับ เพราะมีความรักและเป็นห่วงอยากจะอยู่อุปฏฺฐากและปกป้องระวังภัย พอตกตอนกลางคืนพญาช้างก็เดินตรวจตราดูความเรียบร้อยและปกป้องระวังภัยรอบที่พักของพระพุทธเจ้าอยู่ห่าง ๆ ตลอดทั้งคืนบ่ให้สัตว์ร้ายหรือสิ่งอื่นมารบกวนพระพุทธเจ้า
พญาช้างป่าเลไลย์โพธิสัตว์ทำอยู่อย่างนี้ทุกวันเป็นนิตย์ตลอดพรรษานั้น พอออกพรรษาแล้วพระพุทธเจ้าโคตมะลาออกจากป่า พระอานนท์มหาเถระเจ้า มานิมนต์กลับเข้าบ้านเมืองเพื่อโปรดสัตว์โลกต่อไป พอออกจากป่าก็เดินตามพระพุทธเจ้า
จนพระพุทธเจ้าบอกเป็นเขตแดนมนุษย์เจ้าไปต่อกับเราตถาคตไม่ได้จักเป็นอันตรายแก่เจ้าเอง พอพระพุทธเจ้าเดินลับตาเท่านั้น ด้วยความอาลัยในพระพุทธเจ้าหัวใจก็สลายวายตายลงตรงนั้น ไปจุติเกิดเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นฟ้า
แล้วมาชาตินี้มาเกิดเป็นครูบาศรีวิไชย เมืองลำพูน นักบุญแห่งล้านนา ”....ต่อไปในภายภาคหน้าจักได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๐(พระสุมังคโลพุทธเจ้า) มาตรัสรู้อยู่เมืองเชียงใหม่ นับจากพระศรีอาริยเมตไตรโย... หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม
กล่าว
กล่าว
ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านหัวยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น