พระธรรมคำสอน "สมเด็จองค์ปฐม"
ร่างกายเป็นรังของโรค
การปฏิบัติต่อร่างกายอย่างถูกต้อง
ควรทำอย่างไร?
การปฏิบัติต่อร่างกายอย่างถูกต้อง
ควรทำอย่างไร?
การบริโภคอาหารและยา
พึงพิจารณาผล
ที่เกิดคุณและเกิดโทษแก่ร่างกาย
เป็นการยังอัตภาพให้เป็นไป
มิใช่เพื่อความเอร็ดอร่อย
หรือเพื่อความอ้วนพีผ่องใส
คนส่วนใหญ่กินอาหารด้วยความติดรส
กินยาเพื่อหวังจักให้ร่างกายไม่ตาย
พึงพิจารณาผล
ที่เกิดคุณและเกิดโทษแก่ร่างกาย
เป็นการยังอัตภาพให้เป็นไป
มิใช่เพื่อความเอร็ดอร่อย
หรือเพื่อความอ้วนพีผ่องใส
คนส่วนใหญ่กินอาหารด้วยความติดรส
กินยาเพื่อหวังจักให้ร่างกายไม่ตาย
แต่ตามความเป็นจริง
อาหารชนิดใด ยาชนิดใดก็ตาม
ไม่สามารถที่จักยับยั้ง
ความแก่-ความเจ็บ-ความตายของร่างกายไปได้
เพียงแต่ระงับทุกขเวทนา
บรรเทาการเสียดแทงของร่างกายไปได้ชั่วคราวเท่านั้น
และคนส่วนใหญ่ไม่ชอบกินยา
ซึ่งเป็นปกติธรรมของคนทั่วไป
แต่ถ้าผู้ที่เข้าใจในธรรมปฏิบัติ
จักรู้ซึ้งเข้าไปถึงคำว่าปัจจัย ๔
ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ของร่างกาย
อาหารชนิดใด ยาชนิดใดก็ตาม
ไม่สามารถที่จักยับยั้ง
ความแก่-ความเจ็บ-ความตายของร่างกายไปได้
เพียงแต่ระงับทุกขเวทนา
บรรเทาการเสียดแทงของร่างกายไปได้ชั่วคราวเท่านั้น
และคนส่วนใหญ่ไม่ชอบกินยา
ซึ่งเป็นปกติธรรมของคนทั่วไป
แต่ถ้าผู้ที่เข้าใจในธรรมปฏิบัติ
จักรู้ซึ้งเข้าไปถึงคำว่าปัจจัย ๔
ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ของร่างกาย
คำว่ายารักษาโรค
จึงต้องอยู่คู่กับร่างกายที่เป็นรังของโรค
เมื่อร่างกาย มีโรค
จึงจำเป็นต้องกินยารักษาโรค
เป็นการระงับทุกขเวทนา
เป็นการยังอัตภาพให้เป็นไปเช่นเดียวกันกับอาหาร
บุคคลผู้ฝืนไม่กินยา
ก็คือผู้ไม่ยอมรับความเป็นจริง
ว่าร่างกายนี้เป็นโรคนั่นเอง
ต่างกับผู้ที่รักษาโรคให้กับร่างกาย
จักกินยาโดยไม่ต้องฝืนใจ
จึงต้องอยู่คู่กับร่างกายที่เป็นรังของโรค
เมื่อร่างกาย มีโรค
จึงจำเป็นต้องกินยารักษาโรค
เป็นการระงับทุกขเวทนา
เป็นการยังอัตภาพให้เป็นไปเช่นเดียวกันกับอาหาร
บุคคลผู้ฝืนไม่กินยา
ก็คือผู้ไม่ยอมรับความเป็นจริง
ว่าร่างกายนี้เป็นโรคนั่นเอง
ต่างกับผู้ที่รักษาโรคให้กับร่างกาย
จักกินยาโดยไม่ต้องฝืนใจ
ยิ่งรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
เป็นเพียงที่อาศัยชั่วคราว
ก็จักทำการเยียวยารักษา
โดยไม่ให้เกิดเวทนาเข้ามารบกวน
จิตผู้อาศัยร่างกายนี้อยู่
โดยจิตผู้รู้จักทำตามหน้าที่ของผู้อยู่
อันต้องซ่อมแซมบ้าน
ที่ชำรุดทรุดโทรมไปทุกๆ ขณะ
กินยาก็คือซ่อมแซมบ้าน
โดยที่จิตผู้รู้จักไม่ทุกข์-ไม่ร้อนไปด้วย
บ้านนี้อยู่ได้ ก็อยู่ไป
เป็นเพียงที่อาศัยชั่วคราว
ก็จักทำการเยียวยารักษา
โดยไม่ให้เกิดเวทนาเข้ามารบกวน
จิตผู้อาศัยร่างกายนี้อยู่
โดยจิตผู้รู้จักทำตามหน้าที่ของผู้อยู่
อันต้องซ่อมแซมบ้าน
ที่ชำรุดทรุดโทรมไปทุกๆ ขณะ
กินยาก็คือซ่อมแซมบ้าน
โดยที่จิตผู้รู้จักไม่ทุกข์-ไม่ร้อนไปด้วย
บ้านนี้อยู่ได้ ก็อยู่ไป
แต่ก็รู้อยู่ตลอดเวลาว่า
สักวันหนึ่ง บ้านนี้พังสลายอย่างแน่นอน
ถึงวาระนั้น จิตผู้รู้ ก็จักจากบ้านนี้ไป
อย่างเป็นสุข มีบ้านอยู่ก็เป็นสุข บ้านพังไป
จากบ้านก็สุข พิจารณาปัจจัย ๔ เอาไว้
จักได้มีความสุขทั้งปัจจุบันและสัมปรายภพ
สักวันหนึ่ง บ้านนี้พังสลายอย่างแน่นอน
ถึงวาระนั้น จิตผู้รู้ ก็จักจากบ้านนี้ไป
อย่างเป็นสุข มีบ้านอยู่ก็เป็นสุข บ้านพังไป
จากบ้านก็สุข พิจารณาปัจจัย ๔ เอาไว้
จักได้มีความสุขทั้งปัจจุบันและสัมปรายภพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น