19 มีนาคม 2563

ก่อนจะตายเป็นพระโสดาบันตายแล้วไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต

"..อาตมาพยายามหาวิธีสอนวิชา "มโนมยิทธิ" ที่ง่ายที่สุดและมีผลสมํ่าเสมอกัน เพื่อให้บรรดาพุทธบริษัทเห็นสวรรค์ เห็นพรหมโลก เห็นพระนิพพาน เห็นนรก เปรต อสุรกายได้ รู้อดีตรู้อนาคตได้ และเป็นการพิสูจน์ว่า "ตายแล้วไม่สูญ" ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดก็ยังต้องเกิดอีก อาตมาพยายามหาวิธีนานถึง ๒๓ ปี เพราะถ้านำวิธีที่ปฏิบัติสมัยบวชอยู่กับหลวงพ่อปานมาสอน ก็จะฝึกได้ยากมาก ต้องมีกำลังใจเข้มแข็งและใช้เวลานานมาก เป็นการฝึกแบบเอากายเนื้อขึ้นไปข้างบน ไม่ใช่เอาจิตคืออทิสสมานกายขึ้นไปอย่างการฝึกมโนมยิทธิในปัจจุบัน แค่การฝึกแบบเต็มกำลังก็ยังทำได้ยากสำหรับบางท่าน ความรู้การฝึกมโนมยิทธินี้อาตมาได้มาจาก อาจารย์สุข ซึ่งเป็นฆราวาส เวลานั้นอาจารย์สุขก็ยังดื่มเหล้าอยู่ ต่อมาวันหนึ่งอาตมาได้เห็นคนที่ดื่มเหล้าในวงเดียวกันเกิดท้าทายกันขึ้นมาว่า

คนในวงเหล้า "ไอ้สุข เขาว่ามึงสอนคนไปสวรรค์ ไปนรกได้ใช่ไหม?"

อาจารย์สุข "ใช่"

คนในวงเหล้า "กูไม่เชื่อว่าสวรรค์มี นรกมี และกูก็ไม่เชื่อความสามารถในคำสอนของมึง"

อาจารย์สุข "ถ้าหากว่ากูสอนให้มึงเห็นนรกได้หรือว่าเห็นสวรรค์ได้ มึงจะยอมเสียเหล้าให้กู ๑ ขวด ไหมล่ะ"

คนในวงเหล้า "ถ้ามึงทำให้กูไปไม่ได้ มึงต้องเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดด้วยนะ"

เป็นอันว่า อาจารย์สุขก็สั่งให้หาดอกไม้มา ๓ ดอก ดอกละสี ธูป ๓ ดอก เทียนหนัก ๑ บาท๑เล่ม เงิน ๑ สลึง เป็นค่ายกครู หลังจากนั้นอาจารย์สุขก็ไปกลิ้งครกตำข้าวมา แล้วให้คนนั้นนั่งบนครกตำข้าวแล้วก็ให้ภาวนาว่า "นะมะ พะธะ" หลังจากนั้นท่านก็พรมนํ้ามนต์ เมื่อพรมเสร็จแล้วท่านก็ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วท่านก็ภาวนาว่า "นะโมพุทธายะ" เป็นการควบคุม สักครู่หนึ่งท่านก็เอาธูปหอมมาจุดให้ควันธูปโรยใกล้ๆ จมูกคนนั้นให้ได้กลิ่นหอม แล้วเอากระดาษจุดไฟช่วยแสงสว่างไปส่องข้างหน้า แล้วท่านก็ถามว่า

อาจารย์สุข "สว่างแล้วหรือยัง"

คนฝึก "สว่างแล้ว"

อาจารย์สุข "เห็นแสงขาวๆ พุ่งลงมามีไหมหรือแสงสว่างพุ่งออกไปมีไหม"

คนฝึก "เห็นแสงสว่างพุ่งลงมาจากข้างบน"

อาจารย์สุข "ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจพุ่งกายไปตามแสงทันที"

คนฝึก "เวลานี้ออกจากกายแล้ว"

อาจารย์สุข "ถ้าอย่างนั้นตั้งใจไปนรก"

คนฝึก "เวลานี้ถึงนรกแล้ว และก็อธิบายความเป็นไปของนรกได้ถูกต้องตามไตรภูมิ แล้วก็ร้อง บอกว่า อยากจะพบคุณปู่ที่ตายไปแล้ว"

อาจารย์สุข "นึกถึงท่านพระยายมราช เชิญท่านมาสงเคราะห์"

คนฝึก "เวลานี้ท่านพระยายมราชมายืนข้างๆ แล้ว"

อาจารย์สุข ให้ถามท่านว่า "คุณปู่ชื่อนี้ตายไปเมื่อใด เวลานี้อยู่ในนรกไหม"

คนฝึก "ท่านพระยายมราชบอกว่า ในนรกไม่มีคนนี้และคนนี้เมื่อมีชีวิตอยู่มีความดีมากคือ"

๑) คนนี้มีศีล ๕ ครบถ้วนมานานเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี

๒) มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง

๓) คนนี้มีจิตอยากจะไปพระนิพพาน

อาจารย์สุข ให้ถามท่านพระยายมราชว่า "ท่านไปพระนิพพานหรือยัง"

คนฝึก "ท่านพระยายมราชบอกว่า ยัง คนนี้ไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตเพราะก่อนจะตายเป็น

พระโสดาบัน" และได้ถามว่า "พระโสดาบันมีความประพฤติอย่างไรบ้าง"

อารมณ์พระโสดาบัน

ท่านพระยายมราชก็บอกว่า

๑) มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้มันจะต้องตาย คือไม่ประมาทในความตาย

๒) เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง

๓) มีศีล ๕ บริสุทธิ์

๔) คิดต้องการจุดเดียวคือ พระนิพพาน

ท่านพระยายมราช ถ้ามีความประพฤติอย่างนี้ เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว บาปกรรมทั้งหมดจะไม่สามารถจะลงโทษอีกต่อไป ถ้าไปถึงพระนิพพานไม่ได้ อย่างชั้นดุสิตต่อไปก็สามารถฟังเทศน์จากพระศรีอาริยเมตไตรยจบเดียว ก็เป็นพระอรหันต์ไปพระนิพพานเลย

คนฝึก คนอย่างผมจะเป็นพระโสดาบันได้ไหม

ท่านพระยายมราช "อย่างนี้มันเป็นไม่ได้หรอก มันต้องเป็นสัตว์นรก เพราะการที่จะมานี่ก็กินเหล้ามา เหล้านี่กินเฉยๆ ไม่มีโทษอย่างอื่นเลย ก็ต้องตกยมโลกียนรกแล้ว" พร้อมทั้งชี้ให้ดูนรก

คนฝึกร้อง "ว๊าก ตายแล้ว"

ท่านพระยายมราช ถ้ากินเหล้าแล้วโกหกมดเท็จด้วย ก็ยังมีอีกขุมหนึ่ง ถ้ากินเหล้าแล้วทำร้ายคนอื่นด้วยก็มีอีกขุมหนึ่ง ถ้าบาปหนักกว่านี้ก็ต้องลงนรกขุมใหญ่ อันนี้เป็นนรกเล็กๆ เศษๆ นรก เขาเรียกว่า "ยมโลกียนรก"

คนฝึกก้มลงกราบท่านพระยายมราชแล้วบอกว่า "ถ้าผมจะเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์และปฏิบัติตามอย่างปู่จะไปเหมือนปู่ได้ไหม"

ท่านพระยายมราช "ได้ ทำไมจะไม่ได้ ให้ทำดังนี้

๑) ให้ลืมความชั่วทั้งหมด ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดเลิกกัน ไม่คิดถึงมัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์

๒) ไม่ลืมคิดว่า สักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตาย

๓) ถ้าเราตายแล้วจะไม่ยอมมานรกอย่างที่ยืนอยู่ที่นี่เพราะมันทุกข์เราไม่ต้องการ ถ้าไปสวรรค์หรือพรหมหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องพุ่งหลาวลงนรกเพราะบาปเก่าที่มีอยู่ ฉะนั้นเราต้องการมุ่งไปจุดเดียวคือ ไปพระนิพพาน อารมณ์อย่างนี้ถ้าทรงตัวเขาเรียกว่า พระโสดาบัน

รวมความว่า ท่านคุยกันอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ คนฝึกคนนั้นก็ถอนตัวกลับ แล้วลุกขึ้นกราบอาจารย์สุข และก็มอบเงินค่าเหล้าให้ แล้วจึงหันมาบอกอาตมาว่า "นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขึ้นชื่อว่า ศีล ๕ ผมจะมีครบถ้วนครับ และผมจะไม่ลืมความตาย ผมเห็นนรกแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ผมกินเหล้าหน่อยเดียวคนในนรกเบรกกันครึ่บๆ"

ปรากฏว่านับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาจารย์สุขก็เลิกกินเหล้าเหมือนกันและก็ไม่ละเมิดศีล ๕ อาศัยคนฝึกคนนั้นเป็นเหตุ ความจริงอาจารย์สุขท่านทำได้น่าจะเลิกดื่มเหล้าได้ แต่บางครั้งการทำความดีก็ขึ้นอยู่กับกาลเวลาของแต่ละคนว่ากุศลกรรมจะส่งผลเมื่อใด เมื่ออาตมาเรียนจากอาจารย์สุขแล้วในปี ๒๕๐๘ ก็นำมาสอนคนไปได้มาก.."

จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
โดย...หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...