"จะแผ่เมตตาจะปราบช้างต้องดูกาลเทศะด้วย ไม่ใช่แผ่ดะไป" เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนในวิชาคชศาสตร์ที่หลวงพ่อเดิม ท่านได้สอนแก่หลวงพ่อจรัญ สุดยอดพระวิปัสสนากรรมฐานยุคปัจจุบัน เมื่อครั้งที่หลวงพ่อจรัญได้ไปเล่าเรียนวิชาอยู่กับหลวงพ่อเดิม ซึ่งหลวงพ่อเดิมท่านได้บอกว่า"ฉันไม่เคยสอนให้ใครมาก่อนเลย ต้องการให้เธอสืบวิชาไว้ไม่ให้ตายตามหลวงพ่อไปพร้อมกัน"
ซึงส่วนหนึ่งของวิชาคชศาสตร์ที่หลวงพ่อเดิมได้สอนหลวงพ่อจรัญนั้นมีอยู่ว่า
"ช้างตกมันนั้นมันดุและร้ายที่สุด จะสยบได้ต้องเพ่งเมตตาพระกรรมฐานให้มากที่สุด จะเผลอไม่ได้เลยต้องแน่วแน่อย่างที่สุดไม่อย่างนั้นแล้วจะต้องเอาชีวิตไปสังเวยมัน มันไม่เห็นแล้วตอนนั้นว่าใครเป็นใครเพราะมันตกมัน มันมืดบอดไปหมด เทวดาที่รักษาช้างเท่านั้นจะต้านช้างและเอาช้างนั้นไว้ได้ ถ้าเทวดาเขาไม่เอาด้วยล่ะก็ตาย"
อาตมาจดจำไว้หลวงพ่อเดิมท่านก็สอนต่อไปอีก ท่านสอนการกำหนดจิตเพ่งกสินและเจริญเมตตาพระกรรมฐานซึ่งการเพ่งกสินและการเจริญเมตตาพระกรรมฐานไปสยบช้างตกมันนั้น มันต้องเพ่งให้ได้ถึง80%เป็นอย่างน้อยต่ำกว่านั้นไม่ได้ ต้องรีบถอนหนี
เพราะช้างเป็นสัตว์ร้ายมันเอาตายแน่ จะแผ่เมตตาปราบช้างต้องดูกาลเทศะด้วย ไม่ใช่แผ่ดะไป อันนี้ขอบอกเตือนพระธุดงค์มือหัดใหม่อย่าได้ริอ่านทำเข้า พลาดแล้วจะกลายเป็นเหยื่อช้างตกมันไปง่ายๆ
ควาญที่เคยเลี้ยงดูมันมา เวลามันตกมัน มันยังขยี้เสียยับเยิน นับประสาอะไรกับคนอื่น
เทวดารักษาช้างนั้นสำคัญทีสุด ช้างบางตัวก็มีเทวดารักษา บางตัวก็ไม่มี ต้องกำหนดจิตให้เห็นจึงจะสามารถแผ่เมตตาให้กับเทวดารักษาช้างนั้นได้ ถ้าไม่แผ่เมตตาให้แล้วล่ะก็เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
เมื่อได้เข้าป่าเข้าผจญช้างตกมันหรือช้างป่าที่ดุร้ายหมายชีวิต ต้องเจริญกสินให้จิตหยั่งลึกลงประมาณ80%ให้ได้ แล้วเพ่งดูเทวดาที่รักษาช้าง เมื่อเห็นแล้วให้กำหนดจิตแผ่เมตตาออกไปให้เต็มที่ เพื่อให้เทวดารักษาช้างได้รับและจัดการกำราบช้าง
บทที่แผ่ออกไปว่าดังนี้
"เมตตัญจะสัพพะโร กัสสะหมิง มานะสัมภาวะเย อปริมาณัง"
ในจังหวะเดียวกันก็แผ่กระแสแห่งเมตตาธรรมออกไปให้กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต เหมือนคำบาลีที่แผ่ออกไปว่า
"เมตตัญจะ อปริมาณัง อันหมายความว่า เมตตานั้นไร้ขอบเขตจำกัด สรรพสัตว์ตลอดจน อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ย่อมได้รับกระแสแห่งความเมตตานี้ได้ทั่วกัน
กสินคุมเอาไว้ให้มั่น นั่นแหละคือการกำราบช้าง"
การคุมจิตในการแผ่เมตตานั้น หลวงพ่อเดิมท่านให้ใช้คาถาภาวนาในช่วงลมหายใจว่า
"เมตตาคุณณัง อะระหังเมตตา"
เจริญไว้ทุกลมหายใจอย่าให้ขาดตกหล่น เพราะเป็นช่วงสำคัญมาก เมื่อเทพยาดาที่รักษาช้างได้รับเมตตานั้นแล้วก็จะบังคับช้างให้เบี่ยงเบนแล้วออกไปให้พ้นจากที่ๆประจันหน้าอยู่ พูดง่ายๆก็คือเหมือนกับนักเลงโตสั่งลูกน้องว่า คนนี้เขาเป็นคนดี อย่าได้ไปทำร้ายเขา ไปที่อื่นเสียอย่างนี้ล่ะ เมตตา หลวงพ่อเดิมท่านว่าเป็นสุดยอดแห่งคุณธรรม เป็นธรรมเครื่องค้ำจุนโลก จะพินาศหมดเพราะเข่นฆ่ากันจนไม่มีใครเหลือ
หลวงพ่อจรัญท่านยังได้บอกว่า
"อาตมาจึงว่าหลวงพ่อเดิมท่านไม่ใช่ธรรมดาแต่ท่านเป็นอัจฉริยะจริงๆอาตมายอมรับว่าหลวงพ่อเดิมท่านเป็นผู้รอบรู้หมดทุกด้าน สมกับที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากยอดขุนศึกของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช อันเป็นปฐมสมภารของวัดหนองโพโดยแท้และวิชานี้ได้ตกทอดมายังหลวงพ่อเดิมและถ่ายทอดมายังอาตมาให้สืบทอดเอาไว้จนทุกวันนี้ นอกจากนั้นแล้วยังทำให้อาตมาได้ดำรงสมณะเพศมาจนวินาทีที่ได้เล่าให้โยมฟังด้วยบารมีท่าน"
คาถาบูชาหลวงพ่อเดิม
อิติอะระหัง สุขะโต พุทธสโร
หลวงพ่อเดิม นามะเต อาจาริโยเม
อายัสมา อาจาริโยเม ภันเตโหหิ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากwww.dhammajak.netมากครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น