15 มีนาคม 2563

โรคห่า คือโรคอะไร ?

@ ความหมายของโรคห่า ?

สำหรับคำว่าโรคห่า นั้น หมายถึง  โรคระบาดร้ายแรงที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ โดยในสมัยนั้นผู้คนยังไม่ทราบว่าโรคระบาดที่เกิดขึ้นนั้นคือโรค­­อะไร แต่ด้วยความรุนแรงของโรคที่คร่าชีวิตคนจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็­­ว() เดิมทีชื่อนี้อาจจะเพี้ยนมาจากคำว่า "อหิวากตโรค หรือโรคท้องร่วง" โดยคำว่าห่าอาจจะมาจากคำว่า "อะหิวา"แล้วเพี้ยนมาเป็นคำว่า "ห่า"ก็ได้ 

อนึ่ง หากพิจารณาจากความหมายของศัพท์ในภาษาไทย คำว่า "ห่า" ตามพจนานุกรมของราชบัณฑิตฉบับปี ๒๕๕๔ (ล่าสุด)คำว่า "ห่า" หากเป็นคำนาม หมายถึง ชื่อผีจำพวกหนึ่ง ถือกันว่าทำให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้คนตายจำนวนมาก เช่น โรคลงราก (อหิวาตกโรค) กาฬโรค จึงเรียกโรคนี้ว่า โรคห่า. (ถิ่น-พายัพ ห่า ว่า ฝูง, หมู่). เวลาเกิดโรคนี้ขึ้นมักจะเรียกว่า "ห่ากิน หรือห่าลง" (ราชบัณฑิตยสถาน http://www.royin.go.th/dictionary/) นอกจากนั้น คำว่าห่า หากเป็นคำนามที่มุ่งถึงจำนวนการตกของฝนจะเรียกว่า ห่าฝน หมายถึง หน่วยวัดปริมาณน้ำฝนโดยกำหนดว่า ถ้าตกลงมาเต็มบาตรขนาดกลางที่ตั้งรองไว้กลางแจ้ง เรียกว่า น้ำฝนห่าหนึ่ง หรือ โดยปริยายใช้กับสิ่งที่มาหรือตกลงมาเป็นจำนวนมาก เช่น ฝนตกลงมาห่าใหญ่, บางทีก็ใช้ว่า ห่าฝน เช่น ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มข้าศึกเป็นห่าฝน.

ดังนั้น คำว่า ห่า หาก(๑)มุ่งถึงโรค เรียกว่าโรคห่า แต่ถ้า (๒) มุ่งถึงปริมาณน้ำฝนเรียกว่า ห่าฝน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บแต่อย่างใด แต่ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงเฉพาะความหมายที่ (๑) หมายถึง ห่าที่เป็นโรคห่าหรือเป็นโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น ซึ่งเมื่อกล่าวถึงความหมายเช่นนี้ก็จะเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของ "คำด่าของคนไทย"ที่มักด่ากระทบกันด้วยเรื่องของโรคนี้ว่า "ไอ่ห่า" หรือไอ้ห่าลาก" เป็นต้น

@ โรคห่าเกิดได้แก่โรคอะไรบ้าง ?

สำหรับโรคระบาดที่จัดว่าเป็นโนโรคห่านี้ตามพระราชบัญญัติสำหรับโรคระบาด ปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ระบุโรคห่าไว้ ๓ โรค คือ กาฬโรค อหิวาตกโรค และไข้ทรพิษ กล่างคือ (๑) กาฬโรคกาฬโรค (อังกฤษ: plague) เป็นโรคติดเชื้อถึงตายที่เกิดจากเอ็นเทอโรแบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งตั้งตามชื่อนักวิทยาแบคทีเรียชาวฝรั่งเศส-สวิส อเล็กซานเดอร์ เยอร์ซิน กาฬโรคเป็นโรคที่อยู่ในสัตว์ฟันแทะ และหมัดเป็นตัวแพร่สู่มนุษย์ โรคดังกล่าวรู้จักกันตลอดประวัติศาสตร์ เนื่องจากขอบเขตการเสียชีวิตและการทำลายล้างที่โรคอื่นเทียบไม่ได้ กาฬโรคเป็นโรคระบาดหนึ่งในสามโรคที่ต้องรายงานต่อองค์การอนามัยโลก (อีกสองโรค คือ อหิวาตกโรคและไข้เหลือง) 

กาฬโรคสามารถแพร่ในอากาศ ผ่านการสัมผัสโดยตรง หรือโดยอาหารหรือวัสดุที่ปนเปื้อน ขึ้นอยู่กับการติดเชื้อที่ปอดหรือสภาพสุขาภิบาล อาการของกาฬโรคขึ้นอยู่กับบริเวณที่มีเชื้อมากในแต่ละบุคคล เช่น กาฬโรคที่ต่อมน้ำเหลือง (bubonic plague) กาฬโรคแบบโลหิตเป็นพิษ (septicemic ) ในหลอดเลือด กาฬโรคแบบมีปอดบวม (pneumonic plague) ในปอด ฯลฯ กาฬโรครักษาได้หากตรวจพบเร็ว และยังระบาดอยู่ในบางส่วนของโลก(https://th.wikipedia.org/wiki/กาฬโรค) (๒) อหิวากตโรค (อังกฤษ: cholera) คือ โรคระบาดชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae ที่ลำไส้เล็ก ผู้ป่วยจะมีอาการท้องร่วงเป็นน้ำและอาเจียนเป็นหลัก เรียกว่า "ลงราก" จึงเรียกโรคนี้ว่า "โรคลงราก" ก็มี และถ้าเกิดแก่สัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ วัว ควาย เรียก "กลี" ร่างกายจะขับน้ำออกมาเป็นจำนวนมาก ในผู้ป่วยรุนแรงอาจทำให้มีผิวสีออกเทา-น้ำเงินได้ การแพร่เชื้อเกิดขึ้นจากการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ติดเชื้อเป็นหลัก ซึ่งผู้นั้นแม้ไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อได้ (https://th.wikipedia.org/wiki/อหิวากตโรค)
(๓) ไข้ทรพิษ หรือโรคฝีดาษ (Smallpox)  เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสวาริโอลา (Variola Virus) สามารถติดต่อกันได้ผ่านการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่อยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก หรือน้ำลายของผู้ป่วย ... วาริโอลา ไมเนอร์ (Variola Minor) เป็นโรคฝีดาษที่ไม่รุนแรง และพบได้น้อย มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าชนิดแรก

โดยโรคทั้ง ๓ ชนิดนี้จัดว่าเป็น "โรคระบาดร้ายแรง"ที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตของคนจำนวนมากมาก่อนในอดีตสังคมไทยได้เผชิยกับโรค "ห่า" ทั้ง ๓ ชนิดนี้มาแล้ว ซึ่งหลักฐานจามเทวีวงศ์ พงศาวดารของเมืองลำพูน ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑ ซึ่งระบุไว้ว่า ในยุคสมัยนี้ก็เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านในเมืองพากันย้ายเมืองหนี ละทิ้งผู้ป่วยไว้กับความตายเพียงลำพัง เนื่องจากเชื่อว่าวิธีหนีห่างจากผู้ป่วยเป็นการป้องกันโรคระบาดที่­­ดีที่สุด ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าโรคห่า­­ที่เกิดขึ้นในยุคนี้เป็นโรคอะไรกันแน่ ทว่ามีการคาดเดาว่า การระบาดครั้งนั้นไม่น่าจะใช่โรคอหิวาตกโรค เนื่องจากแพร่เชื้อแค่เพียงการสัมผัส แต่นี่ก็นับเป็นการเกิดโรคระบาดที่ร้ายแรงมากครั้งหนึ่งในประวั­­ติศาสตร์ไทย

ต่อมาในช่วงก่อตั้งกรุงศรีอยุธยาในสมัยของพระเจ้าอู่ทอง โรคระบาดก็ยังตามมาหลอกหลอนไม่ขาด ทำให้ต้องอพยพผู้คนหนีโรคอีก โดยตามข้อมูลซึ่งระบุโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เชื่อว่าโรคระบาดครั้งนี้น่าจะเป็นโรคไข้ทรพิษ

          อย่างไรก็ตาม สุจิตต์ วงษ์เทศ นักประวัติศาสตร์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ กลับระบุว่า โรคห่าสมัยนั้นคือกาฬโรค เพราะช่วงหลัง พ.ศ. ๑๘๐๐ เกิดโรคกาฬโรคระบาดที่ประเทศจีน ซึ่งมีหนูเป็นพาหะ แล้วหนูนั้นก็อาศัยไปกับเรือสำเภาบรรทุกสินค้า จึงนำกาฬโรคไปแพร่ยังเมืองท่าต่าง ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่ยังระบาดไปยังยุโรป จนมีผู้คนล้มตายนับล้านคน

          ต่อมาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๘ แห่งกรุงศรีอยุธยา ก็ยังเกิดโรคห่าระบาดรุนแรงอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าเป็นไข้ทรพิษ แต่ในครั้งนี้พบหลักฐานว่าเริ่มมีการวางระบบจัดการเพื่อควบคุมโรคระบาด จำกัดขอบเขตเฉพาะพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการในการป้องกันโรคอย่างมีแบบแผนมากยิ่­­งขึ้น(โรคห่า โรคระบาดน่าสะพรึงในประวัติศาสตร์ คร่าชีวิตผู้คนนับหมื่นhttps://health.kapook.com/view119013.html)

@ มูลเหตุการเกิดโรคห่า ?

สำหรับข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับการเกิดโรคห่านี้ ในยุคโบราณท่านมักจะบอกว่าเกิดมาจาก "ผีชนิดหนึ่งเรียกว่า "ผีห่า"ที่ดลบันดาลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บกับบ้านเมืองได้จนเป็นเหตุให้เมืองๆนั้นกลายเป็นเมืองร้างอันเนื่องมาจากว่าผู้คนได้อพยพหนีโรคร้ายนั้นไปอยู่ที่อื่น แต่สำหรับสมัยใหม่มักจะเชื่อกันว่าหรือค้นพบว่าโรคห่าพวกนี้เกิดมาจากเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดความป่วยไข้กับผู้คนหรือสัตว์เลี้ยงได้

เอาล่ะครับนี่คือข้อมูลเบื้องต้นของคำว่า "โรคห่า"อันเป็นโรคที่เราเคยรู้จักกัยมานานและปัจจุบันโรคห่าชนิดใหม่ก็กำลังเกิดขึ้นก็คือ "โรคห่ากินปอด" หรือโควิด-๑๙ ที่กำลังระบาดและสร้างความหวาดกลัวให้กับคนเราในทุกวันนี้อยู่ ในตอนหน้าเราจะมาพูดกันถึงโรคห่าในพระไตรปิฎกและแนวทางในการรักษากันครับ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ
ที่มา
Naga King

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...