(เรื่องย่อจาก อรรถกถาชาดก)
(อรรถกถามหาสุบินชาดก)
(เอกนิบาต ขุททกนิกาย)
คืนหนึ่งพระเจ้าปัสเสนทิโกศลเสด็จบรรทม ณ เวลาใกล้รุ่ง ได้ทรงพระสุบินนิมิต เห็นเหตุประหลาด ๑๖ ประการ จึงสะดุ้งตกพระทัยตื่นพร้อมกับทรงพระดำริว่า อาจจะเป็นนิมิตเหตุอันตรายใหญ่หลวงเป็นแน่ เมื่อสว่าง จึงได้เรียกปุโรหิตาจารย์มาพบ ทรงเล่าสุบินนิมิตให้ฟัง ซึ่งเหล่าปุโรหิตได่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า จะเกิดอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง คือ
๑. อันตรายจักเกิดมีแก่ราชสมบัติ
๒. อันตรายคือโรคจะเบียดเบียน
๓. อันตรายจักเกิดมีแก่พระชนมชีพของพระองค์
"มีอุบายป้องกันอันตรายเหล่านี้ไหม?"
"อันตรายร้ายแรงยิ่งนัก แต่มีวิธีแก้ไขอยู่" ปุโรหิตตอบ
"วิธีแก้ไข ทำอย่างไร?"
พระเจ้าโกศลราชตรัสถาม
"ข้าแต่มหาราชเจ้า ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักทำพิธีบูชายัญด้วยสัตว์น้อยใหญ่ชนิดละ๔ตัว การบูชายัญนี้จักบำบัดอันตรายเหล่านั้นให้หมดไป พระพุทธเจ้าข้า"
พระเจ้าโกศลราชทรงมีพระบรมราชานุญาตแล้ว บรรดาปุโรหิตาจารย์ ต่างก็สั่งการให้ประกอบพิธีบูชายัญโดยจัดหาสัตว์มีชีวิตชนิดละ๔ตัวมาเพื่อฆ่าบูชายัญ ขณะนั้นพระนางมัลลิกาเทวีอัครมเหสีไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน ได้ทรงเห็นเหตุการณ์นั้นจึงทูลถาม ได้ทรงทราบความแล้ว จึงกราบทูลถามพระเจ้าแผ่นดินว่าพระองค์ได้ทรงสอบถามเรื่องนี้กับพระบรมครูแล้วหรือยัง ?
“ใครล่ะคือพระบรมครู ?” พระเจ้าโกศลราชตรัสถาม
"ข้าแต่มหาราชเจ้า พระตถาคตสัพพัญญูพุทธเจ้า คือ พระบรมครูผู้ยอดเยี่ยมที่จะทรงวินิจฉัยปัญหาในสุบินนิมิตนี้ได้ พระองค์ทรงรู้ธรรมทั้งปวง
"ดีแล้วพระเทวี ถ้าอย่างนั้น เราไปเชตวันมหาวิหารกราบทูลถามเรื่องนี้กับพระพุทธองค์เถิด" แล้วเฝ้าพระพุทธองค์พร้อมด้วยข้าราชบริพารทันที เมื่อประทับนั่งแล้วได้กราบทูลถึงมหาสุบินทั้ง ๑๖ ข้อให้ทรงทราบ
พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ตถาคตจักแสดงเหตุผล
แห่งสุบินนั้น แก่มหาบพิตร”
จากนั้นพระพุทธองค์ได้ทรงวินิจฉัยปัญหาในมหาสุบินนั้นเป็นข้อๆ ไปดังต่อไปนี้
#สุบินข้อที่_๑ ว่า ได้ทรงเห็นโคอุสุภราชสี่ตัวมีสีเหมือนดอกอัญชัญ วิ่งมาจากสี่ทิศแสดงอาการว่าจะชนกันที่หน้าพระลานหลวง ครั้นมหาชนมามุงดูกันด้วยคาดว่าโคจะชนกันจริงจัง ต่างส่งเสียงโห่ร้อง แต่พอโคทั้งสี่มาถึงกันแล้ว ต่างก็ถอยจากไปโดยมิได้ชนกันเลย ข้อนี้จะมีผลเป็นเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ?
พระพุทธองค์ทรงวินิจฉัยว่า ผลจากสุบินนิมิตนี้จักยังไม่เกิดขึ้นกาลบัดนี้ แต่จะเกิดในอนาคตกาลข้างหน้าเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ประพฤติธรรม ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เกิดอกุศลทุจริตขึ้น บาปหนาขึ้น ทำให้ตีนเมฆขาดเมฆตั้งเค้าแล้ว เหมือนฝนจะตก แล้วก็จะหายไป ไม่กลายเป็นฝน นี้ก็เหมือนโคอุสุภราชมาทำท่าจะชนกันแต่มิได้ชนกัน ฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล ขาดแคลนอาหาร ดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวน จะทุกข์ยากเดือดร้อนกันไปทั่ว
#สุบินข้อที่_๒ ว่า ได้ทรงเห็นกอไม้เล็กๆ มากมาย สูงคืบหนึ่งบ้าง ศอกหนึ่งบ้าง ผลิดอกออกผลทั้งๆ ที่ลำต้นยังเล็กๆ อยู่ ข้อนี้จะมีวิบากผลเป็นเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ?
พระบรมศาสดาตถาคตเจ้าตรัสวิสัชนาว่า วิบากผลแห่งสุบินข้อนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตกาล เมื่อโลกเสื่อมทรามลง คือ มนุษย์มีอายุน้อยลงๆ กุมารีทั้งหลายยังไม่ทันเจริญวัยก็มีจิตน้อมไปหาบุรุษ มีระดู มีครรภ์ มีบุตรธิดา กอไม้เล็กๆ มีดอกมีผลก็เหมือนกุมารีมีระดู มีครรภ์มีบุตรธิดา เมื่ออายุยังน้อย ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตกาลข้างหน้าโน้น หาเกิดขึ้นในยุคสมัยของพระองค์นี้ไม่
#สุบินข้อที่_๓ ว่าข้าพระองค์ได้เห็นนางโค ซึ่งเป็นแม่โคดื่มกินน้ำนมลูกโคซึ่งเกิดในวันนั้น วิบากผลแห่งสุบินนี้จะเป็นเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ?
พระพุทธองค์ทรงวิสัชนาว่า มหาบพิตร ! วิบากผลแห่งสุบินนี้ จักมีในอนาคตกาลเบื้องหน้า คือ เมื่อธรรมคือความเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่เสื่อมสูญหายไป สัตว์ทั้งหลายในภายภาคหน้าจะไม่มีความเอื้อเฟื้อต่อท่านผู้ใหญ่เช่น มารดาบิดา พ่อตาแม่ยาย หาทรัพย์ได้ ไม่เลี้ยงดูผู้ใหญ่ ไม่ให้ข้าวให้น้ำ ท่านเหล่านั้นก็จะต้องเที่ยวขอเขาเลี้ยงชีพ นี้ก็เหมือนกับแม่โคดื่มกินน้ำนมลูกโคที่เกิดในวันนั้น
#สุบินข้อที่_๔ ว่า ข้าพระองค์ได้เห็นชนทั้งหลาย ปล่อยปละละทิ้งโคถึกที่มีกำลังสมบูรณ์สามารถบรรทุกลากสัมภาระได้ดี แล้วไปเอาโคหนุ่มที่เพิ่งจะฝึกงานมาใช้งาน โคหนุ่มเหล่านั้นไม่สามารถทำงานได้เหมือนโคถึก จึงสลัดทิ้งงาน ข้อนี้จะมีวิบากผลเป็นประการใดพระพุทธเจ้าข้า ?
พระพุทธองค์ทรงวินิจฉัยว่า มหาบพิตร! ผลแห่งสุบินข้อนี้จักมีขึ้นในอนาคตกาล เมื่อผู้นำ ผู้บริหารบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในธรรม คือ ในอนาคตกาลข้างหน้านั้น ผู้บริหารบ้านเมืองจะไม่มีความยุติธรรม ไม่ยกย่องคนดีที่มีความรู้ความสามารถฉลาดในจารีตประเพณี ไม่แต่งตั้งผู้ฉลาดมีความรู้ความสามารถให้ทำงาน แต่กลับไปยกย่องคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่มีความชำนาญการ ผู้ใหญ่ผู้รู้เลยลาออกจากงานกันหมด ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ทำงานอย่างคะนอง งานก็ขัดข้องเสียหาย การณ์เช่นนี้ก็เหมือนคนละทิ้งโคถึกไปเอาโคหนุ่มมาเทียมเกวียนใช้งานนั่นเอง หาได้มีอันตรายในกาลบัดนี้ไม่
#สุบินข้อที่_๕ ว่า ข้าพระองค์ได้เห็นม้าตัวหนึ่งมีสองปาก มีคนให้ข้าวเหนียวแก่ม้านั้นทั้งสองปาก ม้าก็เคี้ยวกินกล้าข้าวเหนียวพร้อมกันทั้งสองปาก ข้อนี้จะมีผลดีผลเสียเป็นเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ?
พระพุทธองค์ทรงวินิจฉัยว่า มหาบพิตร! ผลแห่งสุบินนิมิตนี้จะมีขึ้นในอนาคตกาล เมื่อผู้บริหารบ้านเมืองนักปกครองไม่อยู่ในศีลในธรรม คือในยุคนั้นคนไม่มีธรรมจะแต่งตั้งคนโลเลมักโลภ ไม่เที่ยงธรรม ไว้ในตำแหน่งวินิจฉัยคดี เขาไม่สำนึกในบาปบุญคุณโทษ รับสินบนจากคู่ความทั้งสองฝ่าย แล้วตัดสินคดีไม่ชอบธรรม นี้ก็เหมือนม้าสองปากกินกล้าข้าวเหนียวด้วยปากทั้งสอง เหตุการณ์นี้จักเกิดในอนาคต หาได้เกิดขึ้นในบัดนี้ไม่
#สุบินข้อที่_๖ ว่า ข้าพระองค์ได้เห็นมหาชนเช็ดปัดขัดสีถาดทองคำมีราคานับแสน แล้วนำไปให้สุนัขถ่ายปัสสาวะรด ข้อนี้จะมีผลเป็นเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ?
พระพุทธองค์ทรงวิสัชนาว่า วิบากผลแห่งสุบินนิมิตนี้ จักมีขึ้นในอนาคตกาล คือในกาลภายหน้า ผู้บริหารบ้านเมืองผู้มีอำนาจ ไม่ยอมแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์ตำแหน่งผู้บริหารแก่บุคคลผู้ดี มีสกุล มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ เมื่อเป็นเช่นนั้นสกุลใหญ่ๆ ก็ลำบาก ผู้ตั้งใจทำงาน ก็หมดกำลังใจ ผลสุดท้ายก็จะยกลูกสาวให้ผู้มีอำนาจยุคใหม่เพื่อความอยู่รอด ผู้ดีมีตระกูลก็ค่อยๆ หมดไป การที่ตระกูลผู้ดียกลูกสาวให้ผู้มีอำนาจ แต่ขาดศีลธรรม ก็เป็นเช่นเดียวกับคนนำถาดทองคำไปรองรับฉี่สุนัขนั่นแล อันตรายนี้จักมีขึ้นในอนาคตกาล หาได้มีในกาลบัดนี้ไม่
#สุบินข้อที่_๗ มีเนื้อความว่า ข้าพระองค์ได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งนั่งฟั่นเชือกด้วยหนังสัตว์อยู่บนเตียง ปลายเกลียวเชือกได้หย่อนลงไปด้านล่าง มีนางสุนัขหิวจัดตัวหนึ่ง มานอนกัดกินด้านปลายเกลียวเชือกนั้น โดยบุรุษนั้นมิได้รู้ วิบากผลแห่งสุบินนิมิตนี้จักปรากฎเป็นเช่นไร พระพุทธเจ้าข้า ?
พระพุทธองค์ทรงมีพุทธวินิจฉัยว่า มหาบพิตร! ในอนาคตกาล สตรีจะมีความประพฤติโลเลเหลาะแหละในบุรุษ เที่ยวแสวงหาบุรุษ ลุ่มหลงในการเสพสุราเมรัยของมึนเมา ใส่ใจแต่การแสวงหาเครื่องประดับตกแต่งกาย ศึกษาไปในเรื่องลุ่มหลงมัวเมา หาศีลธรรมจรรยามิได้ มัวแต่แสวงหาชายชู้ มิได้ดูแลกิจการบ้านเรือน ผลสุดท้ายจะหุงข้าวหุงแกงตำน้ำพริกก็ไม่เป็น ทั้งผลาญทรัพย์ที่สามีหามาได้ด้วยความยากลำบาก อาการเช่นนี้ของสตรีในสมัยนั้นก็เหมือนนางสุนัขนอนเคี้ยวกินเชือกหนังที่บุรุษนั้นนั่งฟั่นอยู่นั่นแล อันตรายหาได้มีแก่มหาบพิตรไม่ แต่อันตรายนั้นจักมีในอนาคตกาลข้างหน้าโน้น
#สุบินข้อที่_๘ ว่า ข้าพระองค์ได้เห็นโอ่งน้ำใหญ่ใบหนึ่งเต็มด้วยน้ำ มีโอ่งเปล่าเป็นอันมากวางรายล้อมอยู่ ผู้คนมากมายจากทุกสารทิศ ต่างตักน้ำมาเทใส่โอ่งใหญ่นั้นใบเดียวจนน้ำล้นออกมา แม้กระนั้นพวกเขาก็ยังเทน้ำใส่โอ่งใหญ่ใบนั้นใบเดียว โดยมิได้ใส่ใจโอ่งเปล่าที่วางรายล้อมอยู่เลย วิบากผล แห่งสุบินนิมิตนี้จักเป็นเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ?
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงวิสัชนาว่า มหาบพิตร! วิบากผลแห่งสุบินนิมิตนี้จักมีในอนาคตกาล คือ ในอนาคต โลกจะเสื่อมทรามลงด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย เมืองหลวงจะสกปรกหมดโอชารส ผู้บริหารเมืองหลวงก็จักเป็นคนมีบุญญาธิการน้อย ทรัพย์คงคลังจะจับจ่ายใช้สอยก็แทบไม่มี ผลสุดท้าย ก็ต้องบีบบังคับให้ชาวบ้านเสียภาษีบำรุงจนเดือดร้อน ต้องแสวงหาเงินรายได้จากชาวไร่ชาวนามาใช้จ่าย เป็นเหตุให้ชาวบ้านยากจนไปทั่วทุกหัวระแหงเสมอกัน การที่เป็นเช่นนี้ ก็เหมือนกันกับที่หมู่ชนพากันไปขนน้ำใส่โอ่งใหญ่ใบเดียวจนล้น แต่ไม่ยอมใส่น้ำลงในโอ่งว่างเปล่าที่วางเรียงรายอยู่นั่นเอง อันตรายหาได้มีแก่มหาบพิตรในกาลบัดนี้ไม่ แต่จักต้องมีในอนาคตกาลข้างหน้าโน้น
#สุบินข้อที่_๙ ว่า ข้าแต่พระพุทธองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้เห็นสระโบกขรณีแห่งหนึ่ง มีน้ำลึกดารดาษไปด้วยบัวเบญจพรรณ มีท่าสำหรับเหล่าสัตว์ลงไปดื่มน้ำโดยรอบ แต่แปลกที่ น้ำที่ลึกตรงใจกลางสระนั้นขุ่นมัว ส่วนที่ริมฝั่งโดยรอบน้ำกลับใสสะอาด แม้สัตว์ลงไปดื่มกินมากก็ไม่ขุ่นมัว ข้อนี้จักมีผลเป็นเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ?
พระบรมศาสดาจารย์ได้ตรัสวิสัชนาว่า มหาบพิตร! วิบากผลแห่งสุบินนิมิตข้อนี้จักมีปรากฎในอนาคตกาลข้างหน้า นั่นคือ ในยุคนั้นผู้บริหารบ้านเมืองไม่มีศีลธรรม มีแต่อคติ มีความโลภหลงในทรัพย์ รับสินบน ขาดเมตตากรุณาในประชาชนคนในแว่นแคว้น ทั้งมีนิสัยหยาบช้าบีบคั้นประชาชนคนทั้งปวงให้ยอมรับตน ใช้อุบายลวงเอาทรัพย์ประชาชน จนประชาชนทนไม่ไหว หนีออกจากในเมืองไปหากินที่อื่นกันเป็นจำนวนมาก ในเมืองเกิดความว่าง ชนบทกลับหนาแน่น การที่ประชาชนหนีออกจากเมืองไปอยู่ชนบทก็เหมือนน้ำใสที่ขอบสระ ส่วนในเมืองที่เต็มไปด้วยอธรรมก็เหมือนน้ำขุ่นในกลางสระนั่นเอง ข้อนี้ เป็นอันตรายในอนาคตกาล หาได้มีแก่พระองค์ในกาลบัดนี้ไม่
#สุบินข้อที่_๑๐ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้เห็นข้าวที่เขาหุงในหม้อใบหนึ่ง ครั้นตักออกมาพิจารณาดูก็เห็นอาการสามอย่าง คือข้างหนึ่งสุก ข้างหนึ่งเปียกแฉะ อีกข้างหนึ่งไม่สุก วิบากผลแห่งสุบินนิมิตนี้จักเป็นอย่างไรพระพุทธเจ้าข้า ?
สมเด็จพระบรมศาสดาได้ตรัสวิสัชนาข้อนี้ไว้ว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร ข้อนี้ก็จักมีผลในอนาคตกาลโดยแท้ คือ เมื่อสมัยที่เจ้าหน้าที่ผู้บริหารบ้านเมืองไม่ประพฤติอยู่ในศีลในธรรม ประชาชนคนในบ้านเมืองไม่ประพฤติศีลธรรม รุกขเทวาอารักษ์ก็ไม่ประพฤติธรรม เทพชั้นอื่น ๆ ก็ไม่ประพฤติธรรม ในยุคสมัยนั้นลมก็จะพัดวิปริต ฝนก็จะตกวิปริต อากาศก็วิปริตแปรปรวน แม้ฝนจะตกทั่วไปแต่ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่การทำอาชีพใด ๆ อีกประการหนึ่ง เวลาฝนตกก็จะไม่ตกในที่ควรตก ข้าวกล้าในนาก็จะถูกน้ำท่วมเสียหายบ้าง แห้งเฉาตายหมดไปบ้างเหลืออยู่เป็นหย่อม ๆ บ้าง นี้ก็อุปมาเหมือนข้าวในหม้อที่สุกบ้าง เปียกแฉะบ้าง ไม่สุกบ้าง หาใช่เป็นอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ในปัจจุบันนี้ไม่ แต่จะเกิดในอนาคตกาลข้างหน้าโน้น
#สุบินข้อที่_๑๑ ว่า พระพุทธเจ้า! ข้าพระองค์ได้เห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทน์อันมีราคานับแสน ไปแลกกับนมบูด วิบากแห่งผลแห่งสุบินนี้จะเป็นอย่างไร ?
พระบรมศาสดาจารย์ได้ตรัสพยากรณ์ทำนายว่า ข้อนี้ก็เช่นเดียวกัน ผลจักเกิดมีในอนาคตกาล ในสมัยนั้น ศรัทธาในศาสนาของตถาคตเสื่อมลง ภิกษุอลัชชีมีมาก ไม่ละอายบาป มักมากในปัจจัยสี่ แสดงธรรมกำจัดความโลภให้ผู้อื่นฟังเพื่อสละทรัพย์ให้ตน แต่ส่วนตนกลับไม่อาจปลดเปลื้องความโลภได้ แสดงธรรมไปเพื่อลาภแต่เพียงอย่างเดียว พวกอลัชชีอื่น ๆ ก็จะทำตามเพื่อหวังลาภสักการะ มุ่งมั่นแต่จะประจบสอพลอพระราชามหากษัตริย์และเศรษฐีคฤหบดี การบิดเบือนพระธรรมวินัยก็ดีการแสดงธรรมเพื่อหวังลาภก็ดี ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่มหาชนเอาแก่นจันทน์ไปแลกกับนมบูดนั่นแล ผลนี้จักเกิดขึ้นในอนาคตกาลนานไกลโน้น หาเป็นอันตรายแก่มหาบพิตรในกาลบัดนี้ไม่
#สุบินนิมิตข้อที่_๑๒ พระเจ้าโกศลราชกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในสุบิน นั้นหม่อมฉันได้เห็นผลน้ำเต้าที่เข้าคว้านเนื้อออกแล้วจำนวนมาก ซึ่งควรจะลอยอยู่บนผิวน้ำ แต่กลับจมลงในน้ำ วิบากผลแห่งสุบินนี้จะเป็นอย่างไรพระพุทธเจ้าข้า ?
สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสวิสัชนาว่า มหาบพิตร! วิบากผลแห่งสุบินนิมิตนี้จักมีในอนาคตกาลเมื่อโลกแปรปรวน ในยุคสมัยนั้นผู้บริหารบ้านเมืองจะไม่แต่งตั้งผู้มีความรู้ดี ความสามารถดี มีความเพียบพร้อมด้วยจารีตประเพณีระเบียบวินัยไว้ในตำแหน่งบริหาร แต่กลับยกย่องคนพาลคนใจหยาบไว้ในตำแหน่งสำคัญๆ ในการบริหารบ้านเมือง ได้เป็นใหญ่เป็นโต คำพูดของคนดีจะด้อยราคา ไม่มีใครนำไปปฏิบัติตาม แต่คำพูดของคนพาล กลับเป็นคำได้ที่รับความนิยมยกย่องมีคนเชื่อถือ นำไปปฏิบัติ อีกอย่างหนึ่ง ถ้อยคำของบรรพชิตผู้ทุศีล แต่อาศัยฝีปากเอก จะเป็นเสมือนคำนำสัตว์โลกออกไปจากทุกข์ได้ทันที มีพระสงฆ์ชื่นชม เชื่อถือ ส่วนคำพูดของภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ผู้มีความละอายต่อบาป แม้เป็นคำพูดที่สามารถนำสัตว์ออกจากทุกข์ได้ แต่กลับเป็นคำพูดที่ไม่ได้รับความยอมรับจากคณะสงฆ์และคฤหัสถ์อุบาสกอุบาสิกา ในอนาคตจักมีเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้มีศีลมีธรรม พระสงฆ์ผู้ทรงศีลจะด้อยราคา ส่วนคนพาลและภิกษุผู้ทุศีลจะเป็นผู้ได้รับการยอมรับหนักแน่นเหมือนน้ำเต้ากลวงเปล่าที่จมน้ำ สุบินนี้หาได้เป็นอันตรายแก่มหาบพิตรไม่ แต่จะเป็นอันตรายอันพึงเกิดมีขึ้นในอนาคตกาลโน้น
#สุบินเรื่องที่_๑๓ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นศิลาแท่งทึบใหญ่ขนาดเรือนยอดลอยน้ำเหมือนเรือ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า ?
สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสวิสัชนาว่า มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้ ก็จักมีในกาลเช่นนั้นเหมือนกัน คือว่า ในครั้งนั้น ผู้บริหารบ้านเมืองผู้ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม จักแต่งตั้งยศอำนาจแก่คนไม่มีศีลธรรม พวกนั้นจักเป็นใหญ่ พวกมีศีลธรรมจักตกที่นั่งลำบาก พูดหรือเสนออะไรไป คนก็ไม่เชื่อถือ ผู้คนจะเชื่อถือแต่คำของผู้มียศอำนาจซึ่งไม่มีศีลธรรม แม้ในที่ประชุมของภิกษุสงฆ์ ก็เช่นเดียวกัน พวกภิกษุก็จักไม่ยอมรับนับถือภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ถ้อยคำของท่านเหล่านั้น จะไม่หนักแน่น คือไม่มีใครยอมรับ เหมือนศิลาลอยน้ำ ภัยเพราะสุบินนี้ ยังไม่มีแก่มหาบพิตร ดอก
#สุบินเรื่องที่_๑๔ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ ขนาดดอกมะซาง วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ๆ กัดเนื้อขาดเหมือนตัดก้านบัวแล้วกลืนกิน อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตร ผลแห่งแม้สุบินข้อนี้ ก็จักมีในอนาคต ในเมื่อโลกเสื่อมโทรมดุจกัน คือว่า ในครั้งนั้น พวกมนุษย์จะมีราคะจริตแรงกล้า ปล่อยตัวปล่อยใจ ตามอำนาจของกิเลสตัณหา ตกอยู่ในอำนาจแห่งภรรยาเด็กของตน ข้าวของ ทรัพย์สิน เงินทองในเรือน รวมถึงอำนาจในเรือนทั้งหมด จะอยู่ในครอบครองของพวกนางทั้งสิ้น เมื่อพวกสามีถามถึงเงินทองหรือข้าวของต่างๆว่าอยู่ที่ไหน มีอยู่เท่าไหร่ พวกนางจักพากันตอบว่า มันจะอยู่ที่ไหน มีอยู่เท่าไหร่ ท่านอย่ายุ่ง และจะด่าทอสามีประการต่างๆ การที่สามีซึ่งเคยเป็นใหญ่ในเรือน ตกเป็นเบี้ยล่าง ตกอยู่ในอำนาจของภรรยา ก็จักเป็นเหมือนเวลาที่ฝูงเขียดขนาดดอกมะซาง พากันขยอกกินฝูงงูเห่า ซึ่งมีพิษนั่นแล ภัยเพราะสุบินนี้ ยังไม่มีแก่มหาบพิตร ดอก
#สุบินเรื่องที่_๑๕ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นฝูงพญาหงษ์ทอง ที่ได้บอกว่าทอง เพราะมีขนเป็นสีทอง พากันแวดล้อมกาผู้ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ เที่ยวหากินตามบ้าน อะไรเป็นผลแห่งพระสุบินนี้ พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคต ในรัชกาลของพระราชาผู้ทุรพลนั่นแหละ ด้วยว่าในภายหน้า ผู้เป็นใหญ่ในบ้านเมือง จะไม่ใช่คนผู้มีความรู้ความสามารถ ผู้ฉลาดในศิลปศาสตร์ต่างๆ ไม่แต่งตั้งอำนาจหน้าที่แก่บุคคลผู้เหมาะสม ผู้มีความรู้ความสามารถในหน้าที่การงานนั้นๆ แต่จะแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดตน ผู้ไม่มีความรู้ในภาระงานนั้นๆ ให้มาทำหน้าที่ นี่ก็จักเป็นเหมือนฝูงพญาหงษ์ทองแวดล้อมเป็นบริวารกา ภัยเพราะสุบินนี้ ยังไม่มีแก่มหาบพิตร
#สุบินเรื่องที่_๑๖ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในกาลก่อนๆ เสือเหลืองพากันกัดกินฝูงแกะ แต่หม่อมฉันได้เห็นฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง กัดกินอยู่มุ่มม่ำๆ ที่นั้นเสืออื่นๆ คือ เสือดาว เสือโคร่ง เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้งกลัวถึงความสยดสยองพากันวิ่งหนีหลบเข้าพุ่มไม้และป่ารก ซุกซ่อนเพราะกลัวฝูงแกะ หม่อมฉันได้เห็นอย่างนี้ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้ ก็จักมีในสมัยแห่งผู้ปกครองบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในธรรม ในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่าในครั้งนั้น พวกไม่มีศีลธรรม จะได้เป็นใหญ่เป็นโต มีอำนาจบริหารบ้านเมือง พวกคนมีศีลธรรมจะตกยาก พวกที่ไม่มีศีลธรรมเหล่านั้น จะรุกเอาที่ดินไร่นาเรือกสวนเป็นต้น ที่ตนต้องการ เมื่อเจ้าของที่โต้เถียงว่า ไม่ใช่ของพวกท่าน เป็นของพวกเราแล้วพากันมาฟ้องร้องยังโรงศาลเป็นต้น ก็จะถูกผู้มีอำนาจแต่ไร้ศีลธรรมเหล่านั้นขับไล่ ขู่คุกคามด้วยประการต่างๆ พวกเจ้าของที่เกรงกลัว ก็จะยกที่ดินให้ พลางขนของออกจากบ้านเรือน นอนหวาดผวาไปตามๆกัน
แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลาย ก็จักพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักตามชอบใจ พวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักเหล่านั้นไม่ได้ที่พำนัก ก็พากันเข้าป่าแอบแฝงอยู่ในที่รกๆ
การที่พวกคนมีศีลธรรมทั้งหลาย และภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักทั้งหลาย ถูกคนไร้ศีลธรรม และถูกภิกษุผู้ลามกทั้งหลาย เข้าไปประทุษร้ายอย่างนี้ จักเป็นเหมือนกาลที่พวกเสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลาย พากันหลบหนีและกลัวฝูงแกะฉะนั้น ภัยเพราะสุบินนี้ ยังไม่มีแก่มหาบพิตร แต่จักเกิดขึ้นในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น