"...ฝึกจิต... "
...จิต ต้องรับภาระทันที ดี ชั่ว ผิด ถูก
หนัก เบา เศร้าโศกเพียงใด
บางเรื่องแทบเอาชีวิตไปด้วย
ขณะนั้นจิตใจยังกล้าเอาตัวเข้าเสี่ยง
แบกหามจนได้
มิหนำซ้ำยังหอบเอามาคิดเป็นการบ้านอีก
จนนอนไม่หลับ รับประทานไม่ได้ก็มี
คำว่าหนักเกินไป ยกไม่ไหว เกินกำลังใจจะคิดและต้านทานนั้นไม่มี
งานทางกาย ยังมีเวลาพักผ่อนนอนหลับ
และยังรู้ประมาณว่าควรหรือไม่ควร
แก่กำลังของตนเพียงใด
ส่วนงานทางใจไม่มีเวลาได้พักผ่อนเอาเลย
พักได้เล็กน้อยขณะนอนหลับเท่านั้น
แม้เช่นนั้น จิตยังอุตส่าห์ทำงานด้วยการละเมอเพ้อฝัน
ต่อไปอีก
ไม่รู้จักประมาณว่าเรื่องต่างๆ นั้นควรแก่กำลังของใจเพียงใด
เมื่อเกิดอะไรขึ้น ทราบแต่ว่าทุกข์เหลือทน
ไม่ทราบว่าทุกข์เพราะงานหนัก
และเรื่องเผ็ดร้อนเหลือกำลังใจจะสู้ไหว
ใจคือนักต่อสู้ ดีก็สู้ ชั่วก็สู้ สู้จนไม่รู้จักหยุดยั้งไตร่ตรอง
สู้จนไม่รู้จักตาย หากปล่อยไปโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง
คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง
ธรรม เป็นเครื่องปกครองสมบัติและปกครองใจ
ถ้าขาดธรรมเพียงอย่างเดียว ความอยากของใจ
จะพยายามหาทรัพย์ได้กองเท่าภูเขา ก็ยังหาความสุขไม่เจอ
ไม่มีธรรมในใจเพียงอย่างเดียว จะอยู่ในโลกใด กองสมบัติใด
ก็เป็นเพียงโลกเศษเดน
และกองสมบัติเดนเท่านั้น
ไม่มีประโยชน์อะไรแก่จิตใจแม้แต่นิด
ความทุกข์ทรมาน ความอดทน ทนทานต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ
ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ
ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง
ใจจะกลายเป็นของประเสริฐ
ให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจ
ต่อเรื่องทั้งหลายทันที
จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเรา
ที่ควรได้รับการเหลียวแล
ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติ
ที่มีค่ายิ่งของตน
วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือ ภาวนา..."
.... ของดีมีอยู่กับตัว
"...ของดีมีอยู่กับตัวเราทุกคน
ก็พากันปฏิบัติเอา ทำเอา
เมื่อเวลาตายแล้วจึงวุ่นวาย
หานิมนต์พระมากุสลามาติกา
ไม่ใช่เกาถูกที่คัน ต้องรีบแก้เสียบัดนี้
คือ เร่งทำความดี(ภาวนา)แต่บัดนี้
จะได้หายห่วง อะไรๆ ที่เป็นสมบัติของโลก
มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา ตัวจริง(ศพ)ไม่มีใครเหลียวแล
สมบัติในโลกเราแสวงหามา หามาทุจริตก็เป็นไฟเผา
เผาตัวทำให้ฉิบหายได้จริงๆ
ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและความโง่เขลา
ของผู้แสวงหาแต่ละราย
ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์
สร้างความดีใส่ตน
จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา
ท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทองเครื่องหวงแหน
เป็นคนร่ำรวย สวยงามเฉพาะสมัย
จึงพากันรัก พากันห่วง จนไม่รู้จักเป็น รู้จักตาย
สำคัญตนว่าจะไม่ตาย
และพากันประมาทจนลืมตัว
เพลิดเพลินตักตวงเอาแต่สิ่งไม่เป็นท่า
ใส่ตนแทบหาบไม่ไหว..."
โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น