คือการพัฒนาสติ ปลุกสภาวะรู้ขึ้นมา
ซึ่งเป็นทางสายเดียวที่จะพาพวกเราทุกคน
ก้าวพ้นจากฝั่งวัฏสงสาร ฝั่งที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
.
เข้าสู่ฝั่งพระนิพพาน
ฝั่งที่พ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง
พบความสุขที่แท้จริงของชีวิตได้
.
ดั่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า...
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
ความระงับแห่งสังขารทั้งปวงเป็นสุข
พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
เริ่มจากจิตของผู้ที่ยังไม่รับการฝึกสติ
ก็จะไหลไปกับอารมณ์ต่างๆ
เกิดความชอบ ความชัง ความทุกข์
ความกังวลความเร่าร้อน ทุกข์กาย ทุกข์ใจต่างๆ
เกิดตัวตน เกิดภพ เกิดชาติ ในทุกๆขณะจิต
#สัมมาสติ / #สติ
แต่เมื่อมารู้จักการเจริญสติ รู้สึกกาย รู้สึกใจ
ระลึกรู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อสภาวะรู้ เริ่มตื่นขึ้น
ในขณะที่สภาวะรู้ตื่นขึ้น
กระแสของจิตที่ไหลไปกับอารมณ์ต่างๆ
ก็จะถูกตัดลงไป ถูกละลงไป
อุปาทาน ความยึดมั่น
ตัณหา ความยึดติด
ก็จะถูกละออกไป ณ ขณะนั้นๆ ที่สภาวะรู้ ตื่นขึ้นมา
.
ใหม่ๆ สภาวะรู้ตื่นขึ้นมา เดี๋ยวจิตมันก็ไหล
ไปกับอารมณ์ต่างๆ
นึกคิดปรุงแต่ง เพลิดเพลินอยู่กับอารมณ์ต่างๆ
เมื่อผู้ปฏิบัติหมั่นเจริญสติระลึกรู้สึกตัวอยู่เสมอ
สภาวะรู้ก็จะเริ่มตื่นขึ้น ตื่นได้บ่อยขึ้น
ต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ
.
ณ ขณะที่สภาวะรู้ตื่นขึ้น จิตที่ไหลไปกับอารมณ์ต่างๆ
ก็จะถูกละลงไป ธรรมชาติของจิตในชั้นของ
กามาวาจร ก็จะเกิดตามอายตนะต่างๆ
เกิดทางตา เกิดการเห็น
เกิดทางหู เกิดการได้ยิน
เกิดทางจมูก เกิดการได้กลิ่น
เกิดทั้งลิ้น เกิดการลิ้มรส
เกิดทางกาย เกิดสัมผัสทางกายขึ้นมา
เกิดผัสสะ เกิดเวทนา
เกิดความชอบ ความชัง ความติดใจ ความไม่พอใจ
.
ในขณะที่มีสติ สภาวะรู้ตื่นขึ้นมา
กระแสของจิตเมื่อเกิดตามอายตนะต่างๆ
ก็จะถูกละลงไป
ไม่เกิดความชอบ ไม่เกิดความชัง
เหลือแค่รู้ แค่รู้สึก ณ ขณะนั้นๆขึ้นมา
#สัมมาสมาธิ / #สมาธิ
เมื่อผู้ปฏิบัติเพียรเจริญสติ ทำความรู้สึกตัวอยู่เสมอ
สภาวะรู้ก็จะเริ่มตื่นขึ้น มีกำลังขึ้น
เมื่อสภาวะรู้มีความตั้งมั่น
มีกำลังพอ จิตก็จะถูกละออกไป ไม่ส่งออกไปในอารมณ์ต่างๆ
เกิดที่อายตนะใจอย่างเดียว
ก็จะเข้าสู่สภาวะของชั้นสมาธิรูปาวาจร
สติมั่นคง จิตตั้งมั่น
.
กระแสของปฏิจจสมุปบาทก็จะถูกละลงไป
เหลือแค่เกิดตามอายตนะต่างๆ
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
เกิดจิตตั้งมั่นขึ้นมา
.
เมื่อสภาวะรู้มีกำลังทรงตัวพอ
ก็จะเกิดสภาวะของความรู้สึกตัวทั่วพร้อมขึ้นมา
เกิดจิตตั้งมั่นขึ้นมา
กระแสของปฏิจจสมุปบาทก็จะถูกทวนกระแส
ออกมาเรื่อยๆ
จากปกติที่จิตไหลไปกับอารมณ์
เกิดตัณหาอุปาทาน ตัณหาอุปาทานก็ถูกละออกไป
จากจิตที่เกิดตามอายตนะ
ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
อายตนะทั้ง 5 ก็ถูกละลงไป เกิดที่ใจอย่างเดียว
ในสภาวะของสัมมาสมาธิ ชั้นรูปาวจร
#สัมมาญาณ / #ปัญญา
เมื่อผู้ปฏิบัติพัฒนากำลังสติไปเรื่อยๆ
สภาวะรู้มีกำลังทรงตัวพอ
จิตซึ่งเกิดจากอวิชชา ซึ่งบดบังสภาวะรู้อยู่
ก็จะเริ่มเกิดการหลุดออก แยกออกจากกัน
.
เมื่อสภาวะรู้มีกำลังพอ เมื่อจิตกับสภาวะรู้
ถูกแยกออกจากกัน
สิ่งที่บดบังสภาวะรู้อยู่ถูกละออกไป
ธรรมทั้งหลายก็จะปรากฏตามความเป็นจริง
เกิดการรู้เห็นตามความเป็นจริง
รูปนามขันธ์ 5 ก็จะเกิดการแตกดับตามความเป็นจริง
เห็นจิตเกิดดับตามความเป็นจริง
เข้าสู่วิปัสสนาญาณเกิดการรู้เห็นตามความเป็นจริง
#สัมมาวิมุตติ / #วิชชาวิมุตติ
เมื่อเกิดการรู้เห็นตามความเป็นจริงอยู่เนืองเนือง
เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมา
ย่อมเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
จากสิ่งที่ยึดที่หลงอยู่
ก็จะคืนสู่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เข้าถึงสภาวะรู้ที่บริสุทธิ
เมื่อสภาวะรู้มีความละเอียดถึงขีดสุด
ย่อมเห็นปฐมเหตุ
ที่ทำให้อวิชชาเกิดขึ้น เป็นอนุภาคอิสระเคลื่อนที่
ท่ามกลางความว่างแห่งสภาวะรู้
ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง สลัดคืนจากทุกสิ่ง
คืนสู่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เข้าถึงสภาวะรู้ที่บริสุทธิ์
ที่พ้นจากการปรุงแต่งทั้งปวง
เมื่อสภาวะรู้มีความละเอียดถึงขีดสุด
ย่อมเห็นปฐมเหตุ
ที่ทำให้อวิชชาเกิดขึ้น เป็นอนุภาคอิสระเคลื่อนที่
ท่ามกลางความว่างแห่งสภาวะรู้
ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง สลัดคืนจากทุกสิ่ง
คืนสู่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เข้าถึงสภาวะรู้ที่บริสุทธิ์
ที่พ้นจากการปรุงแต่งทั้งปวง
เมื่ออยู่กับสภาวะรู้ ก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ
ภายนอกจะวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม
ภายใน นิ่ง ว่าง สงบอยู่ ไร้อัตตาตัวตน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น