19 มีนาคม 2563

แผ่นดินไทยศักดิ์สิทธิ์

ในมรสุมรุนแรงยังมีแสงสว่างแห่งความหวัง
ในภาวะวิกฤติแห่งไวรัสโควิด ๑๙   เมื่อคืนนี้อังคารที่๑๗ มี.ค. ๒๕๖๓  ฝันดีมากๆ  ฝันเห็นแผ่นดินขวานทองของไทย  มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายพระองค์ พระอริยสงฆ์หลายๆองค์ ปกปักษ์รักษา   พรหม เทวดา  ท้าวมหาราชทั้ง ๔    ตลอดจนพระสยามเทวาธิราชเต็มจักรวาล   และเห็นในหลวงรัชกาลที่ ๑ ถึง ๙  มาด้วย  ฝันเห็นอย่างนั้นก็ดีใจมาก   กราบแทบพระบาททุกๆพระองค์    พระท่านทรงตรัสว่า
       "  เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลกในเวลานี้   ล้วนแล้วแต่เป็นกฎของกรรมทั้งสิ้น   แต่แผ่นดินสยามเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์  มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์รักษาอยู่  จะมีเภทภัยบ้างก็นับว่า พอประมาณได้ ไม่รุนแรงเทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ
     อย่างน้อยๆคนในชาติก็มีที่พึ่งทางใจ  เป็นคนดีมีศีล๕  ก็จะปลอดภัย  ชาวพุทธมีพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่ง   แม้นศาสนาอื่นๆในประเทศไทยส่วนใหญ่ก็สอนคนให้เป็นคนดี  เขาก็มีพระศาสดาในศาสนานั้นๆเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้เช่นกัน
       ในเวลานี้ที่มีศัตรูคือโรคระบาดรุกราน   คนในชาติไม่ว่าศาสนาไหนก็ล้วนแล้วแต่ป่วยเป็น คือมีโอกาสถูกไวรัสโจมตีทั้งนั้น  
      เพราะฉะนั้นในเวลาวิกฤติเช่นนี้ จะมีอะไรมาดีเท่ากับความสามัคคีกันไว้  ร่วมมือร่วมใจกันต่อต้านไวรัส ถ้าทุกคนช่วยกันทำความสะอาดบ้านเรือน  รักษาสุขอนามัย  ออกกำลังกายให้แข็งแรง   มีสุขภาพจิตที่ดี เข้มแข็ง อดทน  มีความแจ่มใส  ไม่ทำตนให้หมดกำลังใจ   เชื่อมั่นกันไว้  บ้านเมืองก็จะปลอดภัย  "
      ทรงตรัสอีกว่า
      " ทหารเอาอยู่ "  
    ในฝันข้าพเจ้างง ? สงสัย ทำไมทหารเอาอยู่ พระองค์ก็แจงให้ฟังในฝันว่า
   "รัชกาลที่ ๑  ปฐมบรมกษัตริย์จักรีวงศ์  ทรงผูกดวงประเทศไว้กับทหาร   เพราะกษัตริย์ไทยตั้งแต่เชียงแสนมาแล้ว  ทรงเป็นนักรบมีทหารเป็นบริวาร  ทุกๆพระองค์จึงมีตำแหน่งเป็นจอมทัพ  กองทหารทุกหน่วยจึงมีไว้เพื่อสร้างความมั่นคงของชาติบ้านเมือง ทหารได้ชื่อว่าเป็นกองกำลังหลักใหญ่ของชาติมาแต่โบราณ   
     ภัยพิบัติใดๆที่เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมืองนี้  จะได้เห็นกองทหารเข้าช่วยเหลือบรรเทาสาธารณะภัยทุกครั้งไป  ช่วยขจัดทุกข์ บำรุงสุขให้ราษฎรโดยไม่เลือกหน้า
    ภัยครั้งนี้ก็เช่นกัน  ทหารเอาอยู่......เชื่อสิ !
   ถ้าจะมีการตาย การเจ็บกันบ้าง  ก็เป็นเหตุสุดวิสัย   ไม่มีใครอยากให้เหตุร้ายอย่างนี้เกิดขึ้น
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว  ก็พึงตั้งสติ  อย่าตื่นตระหนกให้เกินกว่าเหตุ   ไม่ต้องโทษใคร  ให้สามัคคีกันไว้  ตั้งใจต่อสู้ฝ่าฟันไปด้วยกัน  ในไม่ช้าไม่นานก็จะผ่านพ้นกันไปได้  "
     กราบแทบพระบาท มีกำลังใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ    
พระท่านยังตรัสว่า
"  ทุกคนจงทำใจให้สงบ สูดลมหายใจเข้าออกยาวๆสัก ๑๐ คู่  เพื่อไล่ลมหยาบ หลังจากนั้นทำจิตให้เป็นสมาธิ  เอาจิตไปรับรู้ลมหายใจเข้าออกตามปกติ  เมื่อใจสบายแล้วให้สวดบทรัตนสูตร   ตามด้วยบทมงคลจักรวาลน้อยก็ได้  ทั้ง  ๒ บทนี้ ล้วนแล้วแต่ขจัดภัยหรือโรคร้ายให้ทุเลาบรรเทาได้ ทั้งสิ้น "
วันนี้เล่าความฝันให้ฟังตามนี้ก่อนนะคะ  ขอย้ำว่าเป็นความฝันค่ะ  แต่อย่างไรก็ถือว่าฝันดีค่ะ
ขอส่งกำลังให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นทหาร  สู้ สู้ สู้ ค่ะ   ทหารต้องเอาอยู่แน่นอนค่ะ  สวัสดีค่ะ
             บทสวดระตะนะสุตตัง
      ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ
ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
สัพเพ วะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ
อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง
ตัสมา หิ ภูตา นิสาเมถะ สัพเพ
เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ
ทิวา จะ รัตโต จะ หะรันติ เย พะลิง
ตัสมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตา ฯ
ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา
สัคเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง
นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ
อิทัมปิ พุเธ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง
ยะทัชฌะคา สักยะมุนี สะมาหิโต
นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ
อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สุจิง
สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ
สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ
อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา
จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ
เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา
เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ ฯ
เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ
นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ
เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัยหะ
ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
ยะถินทะขีโล ปะฐะวิง สิโต สิยา
จะตุพภิ วาเตภิ อะสัมปะกัมปิโย
ตะถูปะมัง สัปปุริสัง วะทามิ
โย อะริยะสัจจานิ อะเวจจะ ปัสสะติ
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
เย อะริยะสัจจานิ วิภาวะยันติ
คัมภีระปัญเญนะ สุเทสิตานิ
กิญจาปิ เต โหนติ ภุสัปปะมัตตา
นะ เต ภะวัง อัฏฐะมะมาทิยันติ
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
สะหาวัสสะ ทัสสะนะสัมปะทายะ
ตยัสสุ ธัมมา ชะหิตา ภะวันติ
สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉิตัญจะ
สีลัพพะตัง วาปิ ยะทัตถิ กิญจิ
จะตูหะปาเยหิ จะ วิปปะมุตโต
ฉะ จาภิฐานานิ อะภัพโพ กาตุง
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
กิญจาปิ โส กัมมัง กะโรติ ปาปะกัง
กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา
อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏิจฉะทายะ
อะภัพพะตา ทิฏฐะปะทัสสะ วุตตา
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
วะนัปปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตัคเค
คิมหานะมาเส ปะฐะมัสมิง คิมเห
ตะถูปะมัง  ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ
นิพพานะคามิง ปะระมัง หิตายะ
อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง  ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
วะโร วะรัญญู วะระโท วะราหะโร
อะนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ
อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง  ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง
วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง
เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา
นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป
อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ
ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง
พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ฯ
ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ
ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง
ธัมมัง นะมัสสามะ   สุวัตถิ โหตุ ฯ
ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ
ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข
ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง
สังฆัง นะมัสสามะ   สุวัตถิ โหตุ ฯ
         คำแปล รัตนสูตร
     หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในเมืองนี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากาศก็ดี ขอหมู่ภูตผีปีศาจทั้งปวงนั้น จงเป็นผูมีใจดี และจงฟังธรรมของพระตถาคตเจ้าที่เรากล่าวแล้วนี้ โดยเคารพเถิด เพราะเหตุนี้ที่ท่านทั้งหลาย เป็นผู้มีใจดีอย่างนี้นั้นแล ท่านภูตผีปีศาจทั้งหลาย จงตั้งใจฟัง แล้วกระทำไมตรีจิตในชุมชนหมู่มนุษย์ ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาท รักษาหมู่มนุษย์ผู้ซึ่งสังเวยท่านด้วยพลีกรรมทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอดกาลทุกเมื่อเถิด ฯ
   ทรัพย์อันทำให้ยินดีและปลื้มใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ในโลกนี้หรือโลกอื่น หรือว่ารัตนะอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์หรือรัตนะนั้น ๆ ที่จะวิเศษเสมอด้วยพระตถาคตเจ้านั้นไม่มีเลย คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
    พระศรีศากยมุนีเจ้า ผู้มีพระทัยดำรงตั้งมั่น ได้บรรลุถึงความสิ้นไปแห่งกิเลสและความสิ้นไปแห่งราคะ อันเป็นอมตธรรมอันประณีตแล้ว สิ่งวิเศษใด ๆ จะเสมอด้วยพระธรรมนั้น ย่อมไม่มี คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
     พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ทรงสรรเสริญสมาธิว่าเป็นธรรมอันสะอาด และบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า สมาธิเป็นคุรธรรมอันให้ผลโดยลำดับสม่ำเสมอ คุณธรรมอื่น ๆ ที่จะเสมอด้วยสมาธิที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้วนั้น ย่อมไม่มี คุณวิเศษแม้อันนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
      พระอริยบุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ ที่สัตบุรุษสรรเสริญแล้วนั้น เป็นสาวกของพระสุคตเจ้า เป็นผู้ควรรับทานที่หมู่ชนนำมาถวาย ทานทั้งฟลายที่ถวายในพระอริยบุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ เหล่านั้นย่อมมีผลมาก คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประรีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
       พระอริยบุคคลทั้งหลายในศาสนาของพระสมณโคดมเจ้า เป็นผู้ประกอบด้วยความเพียรดีแล้ว มีใจมั่นคง มีความใคร่ออกไปแล้ว พระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น เป็นผู้ถึงอรหัตผลที่ควรถึง ได้หยั่งจิตเช้าสู่นิพพาน แล้วได้ความดับกิเลสโดยง่ายแบบกินเปล่า แล้วจึงเสวยผลที่ได้นั้นอยู่ตลอดกาล คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระธรรม ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
    เสาเขื่อนที่ฝังลงดินแล้วย่อมไม่หวั่นไหวสั่นสะเทือนด้วยลมพายุจาก ๔ ทิส ฉันใด เราตถาคต ย่อมเรียนบุคคลผู้มีปัญญษอันหยั่งลงเห็นอริยสัจทั้งหลายว่าเป็นสัตบุรุษผู้ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรม มีอุปมาแม้ฉันนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
     พระโสดาบันผู้กระทำให้แจ้งซึ่งอริยสัจทั้งหลาย ที่พระตถาคตเจ้าผู้มีพระปัญญาอันลึกซึ่งทรงแสดงไว้ดีแล้ว แต่พระโสดาบันนั้นก็ยังเป็นผู้ประมาทอยู่ ถึงกระนั้น ท่านย่อมไม่ก่อกรรมเป็นเหตุให้ถือเอาการเกิดในภพชาติที่ ๘ อีกอย่างแน่นอน คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
     พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ คือ สักกายทิฎฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปราสาท ได้แล้ว พร้อมด้วยความถึงพร้อมแห่งการเห็นด้วยปัญญานั้นเทียว  อนึ่ง พระโสดาบันเป็นผู้พ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔ แล้ว  เป็นผู้ไม่อาจเพื่อจะกระทำอถิฐานะ คือเหตุแห่งความฉิบหายอันยิ่งใหญ่ ทั้ง ๖ ได้แก่ อนันตริยกรรม ๕ และการไปเข้ารีตศาสนาอื่นได้อีกต่อไป คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
    พระโสดาบันนั้นยังกระทำบาปกรรมเล็กน้อย ด้วยกายหรือวาจาใจบ้าง แม้เพราะเหตุคือ การทำบ่ปกรรมแม้เล็กน้อยนี้ ก็ไม่ควรเพื่อจะปกปิดบาปกรรมอันนั้น  เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้แล้วว่า พระโสดาบันเป็นผู้เห็นทางพระนิพพานแล้ว จึงไม่ควรเพื่อจะปกปิดบาปกรรมอันเล็กน้อยนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
   พุ่มไม้ในป่า ออกยอดบานในระยะต้นเดือนที่อากาศเริ่มร้อนแห่งฤดูร้อนฉันใด  พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมอันประเสริฐ เป็นทางให้ถึงพระนิพพาน เพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่หมู่สัตว์ทั้งหลาย มีอุปมาฉันนั้น คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
     พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงรู้ธรรมอันประเสริฐ ทรงให้ธรรมอันประเสริฐ เป็นผู้นำมาซึ่งธรรมอันประเสริฐ เป็นผู้ยอดเยี่ยมหาผู้อื่นในโลกเทียบไม่ได้  ได้ทรงแสดงซึ่งพระธรรมอันประเสริฐแล้ว คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
    กรรมเก่าของพระอริยบุคคลทั้งหลายสิ้นแล้ว กรรมอันแต่งให้เกิดใหม่ย่อมไม่มี มีจิตอันหย่ายในภพต่อไปแล้ว พระอริยบุคคลเหล่านั้น สิ้นพืชคือตัณหาคือเหตุให้เกิดแล้ว ไม่มีความพอใจในภพงอกขึ้นมาอีกแล้ว เป็นผู้มีปัญญา ย่อมดับกิเลสไม่มีเชื้อเหลือเหมือนสว่างอันดับไปแล้วฉะนั้น  คุณวิเศษแม้อย่างนี้ เป็นรัตนะอันประณีตในพระอริยสงฆ์ ด้วยการกล่าวคำสัตย์จริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี ฯ
     หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในที่นี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากศก็ดี เราทั้งหลายจงพากันนอบน้อมพระพุทธเจ้า ผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น ซึ่งเป็นผู้ที่เทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี ฯ 
    หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในที่นี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากศก็ดี เราทั้งหลายจงพากันนอบน้อมพระธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี ฯ 
     หมู่ภูตผีปีศาจประจำถิ่นทั้งหลาย ที่ประชุมกันอยู่ในที่นี้ก็ดี ที่ประชุมกันอยู่ในอากศก็ดี เราทั้งหลาย จงพากันนอบน้อมพระอริยสงฆ์ผู้มาแล้วอย่างนั้น ซึ่งเป็นธรรมที่เทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสวัสดีจงมี ฯ
           บทสวดมงคลจักรวาฬน้อย
สัพพะพุทธานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง)
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง)
สัพพะสังฆานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง)
พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งระตะนะสาม คือ พุทธรตนะ ธรรมรตนะ สังฆรตนะ)
จะตุราสีติสะหัสสะธัมมักขันธานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พัน)
ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ ชินะสาวะกานุภาเวนะ
(ด้วยอานุภาพแห่งพระไตรปิฏก ด้วยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชินเจ้า)
สัพเพ เต โรคา สัพเพเต ภะยา
(สรรพโรคทั้งหลายของท่าน สรรพภัยทั้งหลายของท่าน)
สัพเพ เต อันตะรายา สัพเพ เต อุปัททะวา
(สรรพอันตรายทั้งหลายของท่าน สรรพอุปัทวะทั้งหลายของท่าน)
สัพเพ เตทุนนิมิตตา สัพเพ เต อะวะมังคะลา
(สรรพนิมิตร้ายทั้งหลายของท่าน สรรพอวมงคลทั้งหลายของท่าน)
วินัสสันตุ อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก
(จงพินาศไป ความเจริญอายุ ความเจริญทรัพย์ ความเจริญศิริ)
ยะสะวัฑฒะโก พะละวัฑฒะโก วัณณะวัฑฒะโก
(ความเจริญยศ ความเจริญกำลัง ความเจริญวรรณะ)
สุขะวัฑฒะโก โหตุ สัพพะทา ฯ
(ความเจริญสุข จงมี (แก่ท่าน) ในกาลทั้งปวง)
ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุ จุปัททะวา
(ทุกข์โรคภัย แลเวรทั้งหลาย ความโศกศัตรูแลอุปัทวะทั้งหลาย)
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ จะ เตชะสา
(ทั้งอันตรายทั้งหลายเป็นอเนก จงพินาศไปด้วยเดช)
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิ ภาคยัง สุขัง พะลัง
(ความชำนะความสำเร็จทรัพย์ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง)
สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา
(ศิริอายุแลวรรณะ โภคะความเจริญแลความเป็นผู้มียศ)
สะตะวัสสา จะ อายู จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต ฯ
(แลอายุยืนร้อยปี แลความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่จงมีแก่ท่านในกาลทุกเมื่อเทอญ.)

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...