ถ้าจะถามว่าฆราวาสเป็นพระอรหันต์ได้ไหม ก็ต้องตอบว่า "ได้" ได้เยอะแล้ว ได้ตอนไหน? คือตอนที่ก่อนจะตาย วันไหนจะตายวันนั้นเป็นพระอรหันต์ เขาเป็นกันอย่างไร?
การเป็นอรหันต์ก็มีข้อเดียวคือว่าร่างกายไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา จิตใจเวลานั้นเป็นสังขารุเปกขาญาณคือวางเฉย เมื่อป่วยหนักจะเกิดสังขารุเปกขาญาณ
การป่วยมีทุกขเวทนาจริง แต่ขึ้นชื่อว่าการห่วงในทรัพย์สินไม่มี ในเวลานั้นการห่วงคนที่อยู่ไม่มี ในเวลานั้นคิดว่าแม้แต่ชีวิตของเรามันก็จะตาย เราจะมีอะไรเป็นที่ห่วงไม่มีอีก และความตายจะมีขึ้นก็ไม่หวาดหวั่น คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของร่างกายมันต้องตาย จิตใจมันเป็นสุข
สังขารุเปกขาญาณเกิดขึ้นจิตใจเป็นสุขนะ ก็อย่าไปนึกว่ามันต้องเป๊งนะ ไม่ใช่ อยู่แบบธรรมดา ๆ ก็คุยกันแบบธรรมดา ๆ แบบอย่างนี้ ใครไปใครก็คุยกันแต่จิตไม่ตามเขา เขาพูดถึงความโลภความร่ำรวยแต่จิตไม่น้อมตามเขา คุยได้แต่จิตไม่เป็นตามเขา หรือมันไม่ยอมโลภตามเขา
เขาพูดว่าคนนั้นไม่ดีคนนี้ชั่วก็ยอมคุยกับเขาได้ไม่ขัดคอกันแต่จิตไม่น้อมไปตามเขา จิตมันวางเฉยก็ถือว่าเป็นกฎธรรมดาของคนหรือสัตว์ที่เกิดมา......
ก็เป็นอันว่าให้ตัดสินใจว่าขณะใดที่ป่วยอยู่ ถ้าเริ่มป่วยหรือยังไม่ป่วยก็ตามที เอ้า...ป่วยก็แล้วกัน ถ้าป่วยอยู่ก็คิดว่าเราป่วยคราวนี้แม้แต่น้อยหรือมากก็ตามมันอาจจะตายก็ได้ ถ้าเราตายคราวนี้ขอไปนิพพานจุดเดียว และก็ใช้คำภาวนาว่า "นิพพานะ สุขัง" นึกในใจนะ นึกถึงพระพุทธเจ้าเห็นภาพหรือไม่เห็นภาพก็ตามใจ
ถ้าพวกได้มโนมยิทธินี่สบายมาก ถ้าพวกที่ได้มโนมยิทธิแล้วก็เข้าอารมณ์จับอารมณ์จับพระพุทธเจ้าเป็นเกณฑ์ เอาจิตไปวางไว้ที่นิพพานเลย
พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์(2549),32,51-53
facebook : นิตยสารธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง
#สมัครสมาชิกนิตยสารธัมมวิโมกข์ได้ที่ ID line : thammavimok2021
(ภาพนี้ หลวงพ่อป่วยหนักก็ยังโปรดเมตตาสงเคราะห์ลูกหลาน หลวงพ่อมีขันติ เมตตา และสังขารุุเปกขาญาณมาก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น