- #ทรงโปรดเทศนาญาณชนะพกาพรหมผู้มีฤทธิ์
สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใหม่ๆนั้น พระบรมศาสดา
สัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับที่ป่าสุภวัน ในครั้งนั้นพระพุทธ
องค์ทรงทราบปริวิตกของท้าวพกาพรหม ผู้ที่กำลังหลงในห้วง
แห่ง สัสสตทิฏฐิ คือ มีความเห็นว่าสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้
ล้วนเป็นของเที่ยงแท้ไม่แปรผัน จะสุขทุกข์อย่างไรก็เป็นไปตาม
นั้น หาใช่ผลแห่งการสร้างบาปสร้างบุญหรือเกิดจากผลแห่ง
กรรมของตนแต่อย่างใด อันเป็นความคิดที่ผิดหลักธรรมคำสั่ง
สอนของพระพุทธศาสนาซึ่งสอนว่าการประกอบกรรมดีหรือกรรม
ชั่ว ผลกรรมนั้นย่อมส่งผลให้สุขทุกข์สนองตามโอกาส ฯลฯ
พระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตาปรารถนาจะแสดงธรรมวิโมกข์
ประทานสงเคราะห์พกาพรหมให้มีความเห็นที่ถูกต้อง จึง
แสดงปาฏิหาริย์ เสด็จพระพุทธลีลาไปสู่วิมานสถานอันเป็น
ที่อยู่ของพกาพรหม ในครั้งนั้นพกาพรหมให้การต้อนรับด้วย
ความยินดี กราบบังคมทูลให้เสด็จประทับ ณ พระแท่นอัน
วิจิตรตระการ แต่ยังคงยืนยันความคิดของตนว่าถูกต้อง คือ
สิ่งใด ๆ ในโลกนี้ล้วนเกิดจากอำนาจแห่งมหาพรหมเป็นผู้
เสกสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น แม้ผืนดิน แผ่นฟ้า ดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์ หรือดวงดาวไม่มีสิ่งใดในจักรวาลนี้ที่มหาพรหม
จะไม่ล่วงรู้หรือซ่อนเร้นไปได้
ได้ท้าประลองฤทธิ์กับพระพุทธเจ้าครั้งแรกท้าวพกาพรหมเป็น
ฝ่ายซ่อนก่อนโดยเนรมิตกายเป็นละอองธุลีละเอียดไปซ่อนเร้น
ในเม็ดทรายใต้ท้องทะเลลึกที่เล็กที่สุด แล้วหลบลงไปซ่อนอยู่
ท่ามกลางก้นเกษียณสมุทรที่ดำมืด แต่ก็ไม่อาจหลบพ้นข่าย
พระญานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ถึงกระนั้นก็
ยังไม่ยอมสิ้นฤทธิ์กลับทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์แสดง
ปาฏิหาริย์
ครั้นถึงคราวที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นฝ่าย
ซ่อนบ้าง พระองค์ทรงเนรมิตพระวรกายให้ย่อเล็กลงเท่า
ละอองธุลีเช่นเดียว กัน แต่เสด็จขึ้นไปประทับซ่อนอยู่ในมุ่น
มวยผมบนเศียรของท้าว พกาพรหม ท้าวผกาพรหมใช้ทิพย์
เนตรมองค้นหาองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุธเจ้าจนตลอดทั่ว
ทั้งไตรภพ ก็ยังไม่สามารถมองเห็น พระพุทธองค์ได้ จึงยอม
พ่ายแพ้ พระบรมศาสดาจึงตรัสว่าทรงกำลังเดินจงกรมอยู่บน
เศียรของท่านอยู่ แล้วแสดงพระกายให้ปรากฏ
บรรดาพรหมทั้งหลายที่ชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้นจึงยอมประนม
กรถวายนมัสการชื่นชมในอิทธิปาฏิหาริย์ที่สูงกว่าเทพยดา
และพรหมทั้งหลาย ยังผลให้พวกพรหมบรรลุโสดาปัตติผล กราบนอบน้อมกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัยละเลิกจาก
มิจฉาทิฏฐิอันเคยหลงยึดติดมา แต่กาลก่อน
บางตำนานกล่าวว่าเมื่อท้าวพกาพรหมยอมแพ้แล้วจึง
กราบบังคมทูลอัญเชิญให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จลงมาจากมุ่นมวยผมอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังทรงนิ่งเฉยอยู่
จนเมื่อเหล่าคนธรรพ์พากันประโคมบรรเลงเพลงสาธุการขึ้น
จึงได้เสด็จลงมาจากเศียรของท้าวผกาพรหม ดังนั้นในเวลา
ต่อมาเพลงสาธุการจึงกลายเป็นเพลงทีใช้ประโคมบรรเลงใน
พิธีเพื่ออัญเชิญองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเฉพาะ
และท้ายสุดผลของการสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นประจำ
จะส่งผลดีอย่างมากมายทุกด้าน ดังสุภาษิต
เอตาปิ พุทฺธชยมงฺคล อฏฺฐคาถา
โย วาจโน ทินทิเน สรเตมตนฺที
หิตฺวานเนกวิวิธานิ จุปทฺทวานิ
โมกขํ สุขํ อธิคเมยฺย นโร สปญฺโญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น