⭐"...อย่างฉันตั้งแต่อายุ ๗ ปี ไปนอนบ้านไหน จะทราบว่า บ้านนี้มีคนตายแล้วกี่คน มีทรัพย์สินอยู่ไหนบ้าง มิใช่เราไปเห็นนะ คนที่ตายแล้วมาหามาบอก ความจริงก็ดี เรียกว่า ฌาน ประเภทนี้ติดมาแต่ชาติก่อน มีไม่มากคนนัก ก็หลายๆคนไม่มี ส่วนใหญ่ไม่มี เวลาของเก่าติดมา ก็ทำง่าย
⭐...มันมีปัญหา ไอ้เด็กๆ เจอผีกลัวไหม อย่างของฉันไปนอนบ้านไหนก็ตาม ไม่ทันหลับเขามากันเป็นแถว เขามาในภาพเดิมสมัยเป็นมนุษย์ แต่เขาไม่ให้กลัว คุยกันสบาย เขาจะบอกเขาเป็นอะไรกับเจ้าของบ้าน เป็นแม่ เป็นพ่อ เป็นน้า เป็นป้า เป็นอา มีเกือบทุกบ้าน ที่คนเก่าตายไปแล้ว ทรัพย์สินบางส่วนไม่ได้บอกลูกหลานทราบ อย่างน้อยๆก็เป็นสร้อยเป็นอะไรบ้าง
⭐... คนเก่าเขาฉลาดในการเก็บ เก็บไว้ในที่หมิ่นๆ อย่างกระดานแผ่นเล็กๆ ทับไว้ มีของไม่มีค่าทับอยู่ นั่นแหละสร้อย ก็มีบ้านหนึ่งบ้านนั้นมากหน่อย ทั้งสร้อยทั้งเงินเหรียญ ไอ้บ้านเป็นบ้านฝากระดาน บ้านสมัยโบราณทรงไทย คราวนี้แกเอาไม้ท่อนยันหลังคา ทำทีว่าไอ้ดั้ง มันจะหักเอาค้ำยันไว้ แต่ความจริงไม่ใช่ ในกระบอกนั่นมีทองคำกับเงิน พอไปนอนเข้า แกก็เล่าให้ฟัง ลูกหลานยังไม่รู้
⭐... พอตอนเช้าให้หนูตื่นขึ้นมา ก็บอกลูกหลานเอาออกมา หลังคาไม่เป็นไร พอผ่ากระบอก สตางค์ตั้งห่อใหญ่ สร้อยตั้งหลายเส้น เจ้าของบ้านมีแต่ชื่อ แต่ฉันไม่กล้าบอกชื่อนะ แกตายแล้ว ไอ้เจ้าของบ้าน มีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง...เวลาแกอยู่ ไอ้กุ้งตัวขนาดนี้ แกซื้อมา ๑ ตัว ต้มยำกิน แกกิน ๓ วัน วันแรกกินแต่น้ำ วันที่สองเอาน้ำเติม เติมน้ำปลาน้ำส้ม...กินแต่น้ำ วันที่สามถึงกินเนื้อ แต่คนนี้เวลาตาย สมัยก่อนมีเงินเป็นพันก็รวยแล้วนะ นั่นเป็นหมื่น มีเงินตั้งหลายหมื่นในกระบอก ข้างในเป็นรู แกเอาเงินใส่ไว้
⭐...เจ้าของอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบไว้ คนข้างหลังรวย แกรวยเหมือนคนจน คนที่หลังจนเหมือนคนรวย"
.
.
.
🙏โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
✍จากหนังสือธรรมะปฏิบัติ ๖๔ หน้า ๑๑-๑๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น