26 ตุลาคม 2564

ช้างปาลิไลยกะ

*** หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ

ภาค ๑๑ .. ช้างปาลิไลยกะ 
      พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพญาณมงคล ( เสริมชัย ชยมงฺคโล ป.ธ.๖) หรือ “หลวงป๋า” ปฐมเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี เกิด พ.ศ. ๒๔๗๒ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๑ รวมสิริอายุ 90 ปี
   หลวงป๋า ได้นำวิชชาธรรมกายของหลวงปู่สด มาเผยแพร่ จนมีลูกศิษย์มากมาย
 

 ครั้งหนึ่ง หลวงป๋า ได้นำคณะพระภิกษุ และญาติโยม เข้านมัสการเยี่ยมเยือน หลวงปู่ทองทิพย์ เมื่อปี ๒๕๔๒ หลวงปู่ท่านได้ทักทายว่า
“มาแล้วเหรอ ปาลิไลยกะ” 

เมื่อ หลวงป๋า นำพระพุทธรูปหยกหน้าตักประมาณ5นิ้ว มาถวาย หลวงปู่ทองทิพย์ จึงกล่าวขึ้นมาว่า

 “องค์นี้ก็สวยดีนะ.. แต่มีอีกองค์ที่สวยกว่า องค์เขียวๆ ที่มีฐาน ที่ท่านวางไว้ ที่โต๊ะทำงานองค์นั้นหละ ” 

    หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านรู้ว่ามีพระพุทธรูปหยก หน้าตัก9นิ้ว มีฐานสูง วางไว้ที่ทำงานหลวงป๋า ทั้งๆที่ หลวงปู่ทองทิพย์ ไม่เคยไปวัดหลวงพ่อสดแต่อย่างใด และในภายหลัง หลวงป๋าท่านก็ได้อัญเชิญ พระพุทธรูปองค์นั้น มาถวายแก่หลวงปู่ทองทิพย์

  อนึ่ง ช้างปาลิไลยกะ เป็นช้างโพธิสัตว์ ที่ได้ปรนนิบัติพระพุทธเจ้าตลอดพรรษที่ ๑๐ นับตั้งแต่พระพุทธองค์ตรัสรู้ ที่ป่ารักขิตวัน ใกล้หมู่บ้านปาลิไลยกะ ใกล้เมืองโกสัมพี ช้างปาลิไลยกะได้ปรนนิบัติต่อพระพุทธเจ้า เป็นระยะเวลา 3 จนวันที่พระพุทธเจ้าจาริกไปที่อื่น พญาช้างจึงยืนร้องไห้ แล้วจึงหัวใจวายสิ้นลงทันใด จึงได้เกิดในสวรรค์เป็นเทพบุตร ชื่อ “ปาลิไลยกะเทพบุตร” ในสวรรค์ดาวดึงส์  

 มีพุทธพยากรณ์ เกี่ยวกับช้างปาลิไลยกะว่า

“ ช้างปาลิเลยยโพธิสัตว์ ..จักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า “สุมังคละ” ในอนาคตกาล ”

อนึ่งมีครูอาจารย์ หลายองค์ ที่กล่าวถึง ช้างปาลิเลยยโพธิสัตว์ ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นามว่า.พระพุทธะสุมังคละ หรือ พระพุทธเจ้าในอนาคตกาล องค์ที่๑๐ ต่อจาก พระศรีย์..

 หลวงปู่ตื้อ (อจลธมฺโม) กล่าวว่า “อดีตชาติครูบาศรวิชัย คือ ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า  

บ้างบอกว่า คือ หลวงปู่เจ้าคุณพระราชกวี วัดโสมนัส หรือ หลวงปู่อ่ำ คือ ช้างป่าเลไลย์ ซึ่งหลวงปู่อ่ำเล่าว่า ตอนเย็นท่านกำลังนั่งอยู่บนม้าหินอ่อน อยู่ ๆ มีอีกกายหนึ่งหลุดออกจากตัว เดินขึ้นฟ้า เห็นดอกบัวดอกหนึ่งใหญ่โตมโหฬาร ก้านบัวใหญ่กว่าเสาอีก อยู่สูงลิบเลย เห็นว่ามีสารพัดสี แล้วดอกบัวก็ลดลงมา ๆ เห็นพระโพธิสัตว์นั่งอยู่ข้างบนนั้น

 "พระโพธิสัตว์องค์นั้น ท่านบอกว่าท่านคือ "พระศรีอาริยเมตไตรย" แล้วพระโพธิสัตว์องค์นั้น เล่าให้หลวงปู่อ่ำฟังว่า..หลวงปู่อ่ำปารถนาอะไร..สมัยนั้น..เกิดเป็น.....

 บ้างบอกว่า อาจาร์ยทิพากร รินไธสงค์ แห่งจังหวัดชัยภูมิ คือ ช้างป่าปาลิไลยกะ 

คำกล่าวครูอาจารย์ล้วนถูกทั้งหมด ตามญาณทัศนะอันบริสุทธิ์ญาณทัศนะ ของแต่ละองค์ท่าน ที่เห็นจริง 

***...แต่สิ่งที่ซ่อนในสิ่งที่เห็น มีความหมายที่ลึกซึ้งเกินกว่า เหตุผลทั่วไปมาวัดได้..เพราะดวงจิตแห่งมหาโพธิสัตว์ มีทั้ง จิตแบ่ง ด้วยจิตที่มีบารมีมาก ได้แบ่งดวงจิตลงมาเกิด เพื่สร้างบารมีในโลกมนุษย์..ได้หลายดวง ในช่วงเวลาเดียวกัน. เพื่อย่นระยะการเกิด. เหมือนดัง หยดน้ำที่แตกกระจายในพื้นไม้ขัดมัน..ย่อมมีหยดน้ำ แตกมาหลายหยด แต่ละหยด ไม่เท่ากัน อยู่แยกกันอิสระ ทั้งๆที่มาจากฐานหยดน้ำเดียวกัน.

***ดังนั้นถ้าดวงจิต ที่แตกมาหลายๆดวงนั้น เมื่อทำจิตให้ลึกลงไปถึง “สัญญาจิตข้างใน” แต่ละดวงจิตที่แบ่งมา จึงพบว่า รู้ว่า “ตนเองเคยเกิดเป็น...........” เหมือนกัน   

    และบารมีจิตแบ่ง ที่แบ่งมาของแต่ละดวงจิต จะไม่เท่ากัน บางดวงแบ่งมา ๑๐ ส่วน บ้างแบ่งมา ๒๐ ส่วน...เมื่อแบ่งแล้ว จะเป็นดวงจิตอิสระ สร้างกรรมรับกรรมเอง บางดวงอาจกลับมารวมกับ ดวงจิตเดิม บางดวงไปตามวิถีทางของเจตจำนงของดวงจิตนั้นๆ.ทั้งๆที่อยู่ในข่ายมหาโพธิสัตว์เดียวกัน.
………..

ที่มา 
มโนธาตุ โพธิญาณ

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...