..." พระยายมราช กับ ท่านลุง ( นายบัญชี ) มาเที่ยววันออกพรรษา..
~ บอกว่า : "คนที่ผมจะช่วยได้ ต้องเฉพาะคนที่ผ่านสำนักผม เท่านั้นนะ"
~ ถามท่านว่า : ลุงมีข่าวอะไร ส่งข่าวบ้างล่ะ
~ ท่านบอก : "ไม่มี.. ผมหยุดนรกการ ๓ วัน "
~ รู้จักไหม ชาวบ้านเขาหยุดราชการ ใช่ไหม ท่านหยุด นรกการ ๓ วัน เมื่อวานนี้ ( ออกพรรษา ) วันนี้ ( ปวารณา ) และ พรุ่งนี้..
~ ถาม : ทำไม
~ ท่านบอก : "วันสำคัญนี่ วันมหาปวารณา ผมไม่สอบสวน"
~ เลยถามว่า : ถ้าเวลาที่ลุงไม่สอบสวน พวกที่คอยการสอบสวน เขามีอิสระ ใช่ไหม
~ ท่านบอกว่า : "ตามปกติ เขามีอิสระอยู่แล้ว ไอ้ที่ไปยืนที่นั่น เขายืนรอคน ไม่ให้ ลงนรก เท่านั้นเอง"
.. คือว่า ท่านมีหน้าที่ไม่ให้ลงนรก แต่ก็ต้องไปตามกฏของกรรม ถ้ารู้กฏของบุญนิดหนึ่ง ท่านให้ไปสวรรค์ก่อนเลย ท่านจัดอย่างนั้น.
~ เลยถามท่านว่า : ถ้าเขามีอิสระอย่างนี้ เขาไปได้ไหม..
~ ท่านบอกว่า : "เขาไปไหนก็ได้ ถึงเวลาสอบสวน เขาก็มาเอง กฏของกรรม มันบังคับ"
~ หมายความว่า เขาจะต้องถูกสอบสวน ไม่งั้นเขาจะลงนรก ทันที ถ้าเขามาที่นั่น ยังมีโอกาส พ้น หรือ ไม่พ้น ยังไม่แน่..
~ เลยถามว่า : ถ้าบรรดาญาติเขา อุทิศส่วนกุศลให้ เขาจะมีโอกาสได้รับไหม..
~ ท่านบอกว่า : "ถ้าญาติฉลาด ได้รับทุกคน"
~ "ญาติฉลาด" หมายความว่า ทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ตรงคนเดียว อย่าให้คนอื่น แต่ต้องออกชื่อ นะ.. เพราะเวลานั้น ยังเป็นเวลาปลอดอยู่ มีสภาพคล้าย สัมภเวสี..
~ ก็ถามท่านว่า : ทำบุญอย่างไหน พวกนี้จึงจะไปสวรรค์ชั้นสูง มีความสุขมาก มีความสุขน้อย หรือ ไม่ได้รับเลย
~ ท่านบอกว่า : "แดนใดที่ไม่มีบุญ ทำแล้วก็ไม่ได้รับเหมือนกัน"
~ หมายความว่า พระเรานี่ละ เป็นพระแต่หัว แต่ผ้าเหลือง มีไหม.. นี่แหละ ทำไปเท่าไร เจ๊งหมด ขาดทุน..
~ ท่านบอกว่า : "อย่างนี้ ทำเท่าไรก็ไม่มีผล อุทิศส่วนกุศลให้แก่พวกนั้น เขาก็ไม่ได้รับ เพราะรับไม่ไหว ถ้าทำบุญที่เขตมีบุญน้อย เขาก็มีอานิสงส์น้อย เขาก็มีความสุขน้อย"
~ นี่ เราไม่ต้องพูดกัน.. ทำบุญที่มีอานิสงส์ใหญ่ ที่เป็นบุญมาก ก็ได้รับผลมาก .. ก็ถามถึงบุญ..
~ ท่านบอก : "สังฆทาน นี่ ดีที่สุด"
~ แล้วท่านก็บอกว่า : "ไปบอกชาวบ้านเขา นะ ว่า คนที่ผมจะช่วยได้จริง ๆ ต้องเฉพาะคนที่ผ่านสำนักผม เท่านั้นนะ"
~ อย่าง สัมภเวสี เปรต อสุรกาย.. ไม่ผ่านท่าน ท่านช่วยไม่ได้ แล้วคนที่ลงนรกทันทีทันใด ก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่ได้ผ่านสำนักท่าน คนที่ต้องผ่านสำนักท่าน เมื่อผ่านสำนักท่าน ก็ต้องไปคอยอยู่..
~ เลยถามท่านว่า : ทำอย่างไร ถึงความแน่นอน จึงจะปรากฏ ลุงจะช่วยได้..
~ ท่านก็เลยบอกว่า : "เอาอย่างนี้.. เวลาเขาทำบุญเสร็จ.. อุทิศส่วนกุศลให้แก่คนตาย ถ้ายังไม่มั่นใจ ให้บอกว่า.. ถ้าบุคคลนี้ยังไม่มีโอกาสโมทนาเพียงใด ขอพระยายม เป็นพยานด้วย ถ้าหากพบเธอเมื่อใด ขอให้บอกเธอโมทนา เมื่อนั้น"
~ ท่านบอก : "เพียงแค่เท่านี้แหละ ผมก็ไม่ต้องสอบสวน มันโผล่หน้าเข้าไป ผมก็บอกว่า เฮ้ย ! เขาทำบุญอย่างโน้น มึงโมทนาเว้ย.. มันก็ไปสวรรค์เลย แค่นี้ละ ผมก็ไม่ต้องเหนื่อย..."
( จากหนังสือ *หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม* เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๘๗ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี..คัดลอกโดย ยุพยง พัฒนเจริญ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น