🍀ให้เอาจิตมาจดจ่ออยู่กับลมหายใจอย่างเดียว ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องราวอื่นๆ ให้มีสติสัมปชัญญะอยู่ในลมหายใจอย่างเดียว ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องราวอื่นๆ
ให้มีสัมปชัญญะอยู่ในลมเท่านั้น มันจะไม่ดี จะโง่ จะมืด จะหนาอย่างไรก็ช่างมัน มุ่งดูลมอย่างเดียวจนจิตเป็นเอกัคคตารมณ์
🍀ต่อไปความรู้ก็จะผุดขึ้นในตัวของมันเอง ไม่ต้องไปนั่งคิดถึงว่าอะไรมันจะอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความรู้เขาจะบอกเรื่องราวเหล่านี้แก่เราเองอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ไม่ใช่ความรู้ตามสัญญาที่ได้ยินเขาบอกเล่า แต่เป็นความรู้ซึ่งเกิดจากวิปัสสนาปัญญา
🍀จิตและลมของเรามีอยู่ถึง ๕ ขั้น
ขั้นที่ ๑ ลมหยาบที่สุดก็ได้แก่ลมที่เราหายใจเข้า “พุท” หายใจออก “โธ” อยู่ขณะนี้
ขั้นที่ ๒ ลมหายใจที่ผ่านลำคอเข้าไปแล้วเชื่อมต่อกับธาตุต่างๆ ภายในให้เกิดความสบายหรือไม่สบาย
ขั้นที่ ๓ ลมหยุดนิ่งอยู่กับที่หมด ไม่วิ่งไปมา ทุกๆ ส่วนในร่างกายที่เคยวิ่งขึ้นบนลงล่างก็หยุดวิ่ง ที่เคยไปข้างหน้ามาข้างหลังก็ไม่ไปไม่มา ที่เคยพัดในลำไส้ก็ไม่พัด ฯลฯ หยุดนิ่งสงบหมด
ขั้นที่ ๔ ลมที่ทำให้เกิดความเย็นและเกิดแสง
ขั้นที่ ๕ ลมละเอียดสุขุมมากจนเป็นปรมาณู แทรกแซงไปได้ทั่วโลก มีอำนาจ ความเร็วและแรงมาก
🍀รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นี้ก็อยู่อย่างละ ๕ ขั้น เหมือน ๆ กัน เช่น เสียงหายไป ขั้นที่ ๑ ก็ได้แก่ เวลาที่พูดแล้วดับไป ขั้นที่ ๒ พูดแล้วยังดังอยู๋ถึง ๒-๓ นาที จึงจะดับ ขั้นที่ ๓ อยู่ได้นานมากแล้วจึงจะหายไป ขั้นที่ ๔ พูดแล้วได้ยินถึงพรหมโลก ยมโลก และขั้นที่ ๕ เป็นเสียงทิพย์ พูดแล้วได้ยินอยู่เสมอ พูด ๑๐๐ ครั้ง ก็มีอยู่ทั้ง ๑๐๐ ครั้ง เสียงไม่สูญไปจากโลก เพราะอำนาจแห่งความละเอียดจึงสามารถแทรกแซงอยู่ได้ทุกปรมาณูอากาศ
🍀ฉะนั้น ท่านจึงว่า รูป รส กลิ่น เสียง ไม่สูญไปจากโลก เพราะโลกนี้เปรียบเหมือนกับจานเสียงที่อัดอะไรๆไว้ได้ทุกอย่าง
รูป รส กลิ่น เสียง หรือกรรมดี กรรมชั่วอันใดก็ดีที่เรากระทำไว้ในโลกมันย่อมจะย้อนกลับมาหาเราเมื่อตายทั้งหมด
🍀เหตุนั้น ท่านจึงว่า “บุญ บาป” ไม่สูญหายไปไหน คงติดอยู่ในโลกนี้เสมอ จิตละเอียดที่สุดซึ่งเปรียบเหมือน “ปรมาณู” นั้น มีอำนาจความแรงเหมือนกับดินระเบิดที่จมลงในพื้นแผ่นดิน แล้วก็สามารถระเบิดทำลายมนุษย์ให้ย่อยยับพินาศไปได้ ฉันใด จิตละเอียดที่จมลงในลมก็สามารถระเบิดคนสัตว์ให้พินาศย่อยยับไปได้เช่นเดียวกัน
🍀คือเมื่อจิตละเอียดถึงที่สุดถึงขั้นนี้แล้ว ความรู้สึกในตัวตนของเราก็จะดับไปสิ้นไม่มีเหลือ จิตนั้นก็จะหมดความยึดถือในอัตภาพร่างกายตัวตนคนสัตว์ใดๆ ทั้งสิ้น จึงเหมือนกับ “ปรมาณู” ที่ทำลายคนสัตว์ ทั้งหลายฉันนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น