ดวงจิตทั้งหลายในสังสารวัฏ มีเนื้อแท้ เจตนาแห่งจิตที่แตกต่างกัน แนวทางสร้างบารมี จึงย่อมแตกต่างกัน ด้วยมีธาตุธรรมต่างกัน ได้๓ ธาตุธรรมหลัก ดังนี้
* ธาตุธรรมพุทธภูมิ
มีลักษณะดวงจิต ที่มีความเป็นอิสระในตัวเอง มีพลังในการดึงดูดผู้อื่น คิดใหญ่เพื่อคนจำนวนมาก บำเพ็ญเพียรแบบโพธิจิต เพื่อ สรรพสัตว์ คือ จิตผู้นำ ในช่วงสะสมบารมี ธาตุธรรมของพุทธภูมิ จะ“รู้ความปรารถนาพุทธภูมิของตนเอง” เวียนว่ายตายเกิด ผ่านการเป็น มหาเทพ จนบรรลุเป็นพระมหาโพธิสัตว์ และจะไม่เข้าสู่นิพพาน จนกว่าชาติสุดท้าย จะลงมาเพื่อ บรรลุ “พุทธธรรม”เรียก “พระพุทธเจ้า”
”
ธาตุธรรมปัจเจกภูมิ
มีลักษณะดวงจิตที่มีความเป็นอิสระในตัวเอง มีพลังดึงดูดผู้อื่นน้อย สันโดษ แยกตัว ความสามารถสูง ไม่เอื้อแก่มหาชน คือ จิตโดดเดี่ยว ในช่วงสร้างบารมี จะค้นคว้าหาธรรมด้วยตนเอง เพื่อ บรรลุ “ปัจเจกธรรม” เรียก”ปัจเจกพุทธเจ้า”บรรลุแล้วจะไม่เน้นสอนใครไปนิพพาน สอนเพียง ทาน ศีล สมถกรรมฐาน
*ธาตุธรรมสาวกภูมิ
มีลักษณะดวงจิตที่ มีความเป็นอิสระในตัวเองไม่มาก มีพลังดึงดูดผู้อื่นน้อย เข้ากลุ่ม ต้องอาศัยพระศาสดา เป็นผู้สอนสั่งชี้ทางสว่างให้ จึงเป็น “ผู้ตาม ในช่วงสะสมบารมี จะซักฟอกดวงจิตโยอาศัยพระธรรมของพระพุทธเจ้านำทาง จน ธาตุธรรม” มีความบริสุทธิ์สูงมาก เพื่อ บรรลุ “อรหันต์ธรรม” เรียก “อรหันตสาวกเจ้า”ช่วย เผยแพร่ คำสอน เพื่อดำรงพุทธศาสนาให้ครบ ตามกาลของพุทธะผู้นำนั้น
** ในระหว่างเส้นทางสร้างบารมี บางดวงจิตอาจมีความปารถนา และเพียรสร้างบารมี มาทั้ง ๑-๓ เส้นทางธาตุธรรม.แต่ท้ายสุดแล้ว ดวงจิตจะต้องตัดสิน เลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งอยู่ดี..อยู่ที่เจตนาแห่งจิต และความเข้มของบารมีดวงจิตนั้น ว่าจะเลือกเส้นทางไหน ถ้ามีญานหยั่งรู้อดีตชาติ บุพเพนิวาสานุสติ ระลึกชาติได้ว่า ตนเองนั้น สร้างบารมี เส้นทางธาตุธรรม อันไหนมากกว่า ควรใช้เส้นทางนั้น ก็ย่อมจะสมความปารถนาได้ ..
ที่มา มโนธาตุ โพธิญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น