#กราบหลวงปู่เทพโลกอุดรในฝัน
ผ่านมาประมาณ 10 ปีแล้ว
#คืนนั้นฝันแปลก เดินหลงเข้าไปในป่าลึกลับ ไม่น่าเชื่ออยู่ในป่าลึกขนาดนี้ยังมีพระภิกษุสงฆ์อยู่เต็มไปหมด มีเสนาสนะปลูกเป็นกระต๊อบเรียงรายเป็นแถว เหมือนเป็นสถานที่สำหรับผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมโดยเฉพาะ
ขณะที่เดินอยู่นั้น เห็นผู้คนนั่งห้อมล้อมพระเถระรูปหนึ่งซึ่งนั่งแคร่อยู่ จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ สังเกตุรูปร่างลักษณะขององค์ท่านได้อย่างชัดเจน องค์ท่านมีผิวพรรณค่อนข้างคล้ำๆ ครองจีวรสีกรักเข้มคล้ายในรูป ที่สะดุดตาที่สุดคือ เส้นเกศาเป็นสีขาวทั้งศรีษะรูปร่างดูอิ่มกว่ารูปเล็กน้อย
จึงเดินเข้าไปกราบท่าน แล้วถอดสร้อย (ช่วงนั้นใส่บูชาครูอาจารย์) ขอโอกาสท่านอธิฐานจิตให้ เสร็จแล้วท่านยื่นคืนกลับมา ระหว่างนั้นจึงนึกขึ้นได้ จึงกำหนดจิตถามว่าท่านชื่ออะไร องค์ท่านคงรู้ด้วยจิตแต่ไม่ได้เอ่ยเป็นภาษาพูดออกมา มีแต่ตัวหนังสือลอยออกมาเป็นคำว่า #อุตระ
ช่วงนั้นผู้โพสต์เพิ่งเข้ามาศึกษาและปฏิบัติธรรมใหม่ๆ จึงไม่ค่อยมีความรู้และรู้จักครูบาอาจารย์มากเท่าไหร่ ต่อมาภายหลังจึงได้รู้ว่า
#พระอุตระ ก็คือ #หลวงปู่เทพโลกอุดร นี่เอง
................................................................
#หลวงปู่มั่นเคยเกิดเป็นสามเณรน้อยติดตามคณะหลวงปู่เทพโลกอุดรมาเผยแผ่พุทธศาสนา ณ แคว้นสุวรรณภูมิ
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เล่าให้หลวงปู่อุ่น ชาคโรฟังว่า สมัยพระโสณะ กับ พระอุตตระ (คณะหลวงปู่เทพโลกอุดร) มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแคว้นสุวรรณภูมิ คือ ประเทศไทย พม่า ลาว ปัจจุบันนี้ นั้น.
ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต #ได้เป็นสามเณรน้อยเดินทางมาด้วย. พระอาจารย์มั่นว่า สมัยนั้นท่านข้องคาอยู่ในการปรารถนาพุทธภูมิ ท่านจึงไม่ได้สำเร็จมรรคผลอะไร
ท่านผู้บรรลุมรรคผลที่เราได้กราบไหว้กันอยู่ทุกวันนี้ หลายท่านก็ได้บำเพ็ญบุญร่วมกันกับหลวงปู่เทพโลกอุดรมาทั้งนั้น ในลักษณะต่าง ๆ กัน เกินกว่าจะพรรณนาได้ว่าใครเป็นใคร ทำอะไรร่วมด้วยกับหลวงปู่ใหญ่มาบ้าง ในยุคสมัยนั้น
ท่านกล่าวว่า สมัยนั้นน้ำทะเลขึ้นไปจรดกับจังหวัดสระบุรี หรือเขาวงพระจันทร์
พระโสณะ และ พระอุตตระ ท่านชอบใช้ไม้เท้าทางกก (ทางต้น) เป็น ๘ เหลื่อม ทางปลายนั้นเป็น ๑๖ เหลื่อม
ท่านว่า เมืองไทยเรานี้มีคนมีบุญวาสนามากมาเกิดบ่อย ๆ และเป็นที่ชุมนุมของเทวดามเหศักดิ์ผู้มีฤทธิ์มาก ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระบรมสารีริกธาตุก็เสด็จมาอยู่ในเมืองไทย ประเทศอินเดียไม่ค่อยมี
เพราะเมืองไทยเรามีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองกว่าประเทศอื่น ฉะนั้นเมืองไทยเราจึงเป็นเมืองแสนสงบสุข อุดมสมบูรณ์เป็นเอกราชมาช้านาน เพราะเป็นดินแดนที่เกิดของนักปราชญ์ทั้งหลาย
[อ้างอิงจาก บันทึกส่วนตัวของ พระครูสังวรศีลวัตร (หลวงปู่อุ่น ชาคโร) เปิดเผยความลึกลับของท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น