16 ตุลาคม 2564

..อภิญญา วิชชาโลกอุดร

*** หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ

             ภาค ๕ ...อภิญญา วิชชาโลกอุดร
      ปกติหลวงปู่ ท่านจะไม่เดินทางไปไหน ยกเว้นมีภารกิจจริงๆ ก่อนที่หลวงปู่ทองทิพย์จะมาสร้างวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ท่านเดินทางข้ามโขงไปสปป.ลาวและธุดงค์ไป ดินแดนมิติอันลึกลับภูเขาควายและได้มีโอกาสพบ เล่าเรียนวิชชา พ่อปู่ฤาษีมาลัยโกฎิ (ปู่สิงห์) ในสรรพวิชาของพระเหนือโลก(เป็นวิชาของพระมหาโพธิสัตว์ที่มีบารมีเป็นปรมัตถ์) จนสำเร็จจึงเดินทางกลับฝั่งไทย

 ตอนที่หลวงปู่ท่านข้ามแม่น้ำโขง ”ตาแสง” แกเดินมาเล่นที่ริมโขง เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งอยู่บนผิวน้ำพอใกล้เข้ามา แกเห็นพระรูปนั้นนั่งทับอยู่เหมือนงู ขนาดใหญ่เท่าตุ่มน้ำ ว่ายตัดผ่ากลางกระแสน้ำ พอถึงฝั่งไทยพระรูปนั้นก้าวเท้าขึ้นฝั่ง ส่วนงูใหญ่ (”พญานาค)” ก็ดำหายลงใต้น้ำโขง พระรูปนั้นก็เดินหายเข้าป่า 

วันรุ่งขึ้นแกก็ออกเดินตามหา มาถึงดงผักพังพวย นั่งสมาธิอยู่ จนออกจากสมาธิ จึงเข้าไปสอบถาม พระรูปนั้นก็ตอบตาแสงว่า “ก็เฮาเองแหละ” ตาแสง ได้สร้างกระต๊อบมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกถวายหลวงปู่ ( ปัจจุบัน คือวัดป่าสีพระรามลักษณ์รัตนโคตร) โยมแสง จึงเป็นอุปฐากคนแรกภายหลังจากที่ปู่ข้ามจากลาว

ในการดำรงพุทธศาสนา ให้ครบถ้วน สมบูรณ์ให้มากที่สุด ยิ่งช่วงปลายศาสนา ที่จะค่อยๆเสื่อมลงๆ จำต้องมี พระสายอภิญญา หรือพระอริยะสายโลกอุดร หรือ สายแดนภูเขาควายมาดูแล มีทั้งยังมีชีวิตอยู่มายาวนาน หลายร้อย หลายพันปี..มีทั้งที่ละสังขารไปแล้ว..แต่ก็ยังทำหน้าที่ ร่วมกัน  

...พระสายโลกอุดร และพระอภิญญา หลายๆ องค์ มักมีจริยวัตร แตกต่างจากพระสงฆ์ทั่วไป บางที บางวัน ตอนเย็น ท่านยังฉันอาหารอยู่ (ฉันยามวิกาล). ..เช่น หลวงปู่เขษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ลำปาง หรือ หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ท่านหยิบฉันไม่กี่คำ คำเดียว แล้วโยนที่เหลือทิ้งหมด บางคนไม่เข้าใจ ก็หาว่าท่าน ไม่ทำตามวินัยสงฆ์ ที่ให้ลดละ การติดรสชาติอาหาร   

...จริงแล้ว...หลวงพ่อ หลวงปู่อภิญญา ท่านมีตาทิพย์ มองเห็น ทั้ง สัมภเวสี เปรต อสูรกาย จึงฉันอาหารเป็นพิธี..ให้มีแสงแห่งบุญ แผ่ออกมา อุทิศกุศลให้กับ ดวงวิญญาณชั้นหยาบ เหล่านั้น...ที่จำเป็นต้องมี.การกระทำทางกายหยาบให้เห็นด้วย..ถึงจะรับบุญได้

 หลวงปู่ทองทิพย์ ได้เรียนวิชชา ที่ภูเขาควายเทวดา มีเทวดาเนรมิตรูปจากกลางอากาศลงมา เป็นรูปถ่ายของหลวงปู่ทองทิพย์ ที่มีผมเผ้ายาวรุงรัง (ไม่ได้ปลงผม) แม้แต่รูปปู่ยี วัดดงตาก้อน เทวดาเขาก็เนรมิตรูปออกมาเป็นกระดาษ หล่นจากฟ้า เรียก”เทวดาถ่ายรูปให้”  

...มีภาพอัศจรรย์ภาพหนึ่ง เมื่อแม่ชีคณะนึงขอถ่ายรูปหลวงปู่ ในขณะที่ถ่ายรูปนั้นหลวงปู่ท่านห่มสีเหลืองตามปกติ แต่ภาพที่ออกมา กลายเป็นหลวงปู่ห่มขาว

 .*โบกมือไล่ฝน..

 ในครั้งที่หลวงปู่เดินทางไปพำนักในป่ากับคณะลูกศิษย์ และโยมอุปัฏฐาก มีภาชนะ อุปกรณ์ที่เตรียมไป ขณะเดินทางเริ่มเห็นเค้าเมฆฝนก้อนใหญ่ ดำครึ้ม สักพักลูกศิษย์สังเกตเห็นหลวงปู่แหงนหน้ามองไปทางกลุ่มเมฆฝนก้อนนั้น แล้วโบกมือไกวๆ จากนั้น กลุ่มเมฆฝนนั้นก็เคลื่อนที่ไปทางอื่นตามมือที่หลวงปู่โบกไปจริงๆ เหมือนสั่งได้ 
  
 * ปู่พระอินทร์นำยาทิพย์มาให้  

ในครั้งที่หลวงปู่ทองทิพย์เคยรับกรรม ที่ท่านเคยตาบอด ท่านก็ไม่ได้ไปหาหมอที่ไหน ก็อยู่แต่ในกุฏิ แต่ท่านก็รู้ได้หมดชัดเจน อุบาสก ศิษย์ผู้ปฏิบัติธรรม ได้ไปนิมิตฝันเห็นชีปะขาวท่านหนึ่ง นำเอายาเป็นแท่งมาให้ บอกว่าให้เอายานี้ไปฝนและให้หลวงปู่ฉัน อุบาสกก็รับไว้ จนเมื่อตื่นขึ้นก็พบว่ามียาแท่งนั้นในมือ จึงทำตามที่ชีปะขาว(ปู่พระอินทร์)บอกในฝัน คือนำยาแท่งนั้นไปฝนแล้วผสมน้ำเป็นยา ให้หลวงปู่ฉัน จากนั้นระยะหนึ่ง ปรากฏว่าอาการตาบอดของหลวงปู่ที่เคยเป็น ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ยาแท่งนั้นเมื่อใช้งานเสร็จแล้ว จู่ๆ ก็หายไปหาไม่พบอีกเลย

**…ภารกิจหลักของหลวงปู่ทองทิพย์ ท่านต้องไปร่วมประชุมเพื่อดูแลรักษาประเทศชาติและพระพุทธศาสนา สถานที่จัดประชุมอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง อยู่ใกล้ๆ กับวัดพระธาตุพนม ในที่ประชุมนั้นปรากฏว่ามีหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เข้าร่วมประชุมด้วย…(พลังจิตวิชชาโลกอุดร ทำให้กายทิพย์เข้ม หนา มีลักษณะเหมือนกายเนื้อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...