หลวงปู่เทพโลกอุดร.... ภาค ปฐมบท
-ข้าพเจ้าบอกตนเองในใจว่า..ถ้าช่วงนี้ ได้สัมผัสความเมตตา ญาณบารมีครูอาจารย์โลกทิพย์ องค์ใด.จะขออนุญาตนำมาลงเป็นธรรมทาน ใน 1 เดือนนี้ ได้รับเมตตาจาก หลวงปู่สรวง หลวงปู่ดู่ ก็ได้ลงเรื่องราวของท่านแล้ว จนมาเมื่อคืนนี้..28 กพ.62 ..มันนิมิตได้ไปพบ พระสงฆ์สายหลวงปู่เทพโลกอุดร .ภาพแรก.ทีเห็น เป็นพระเครื่อง สมเด็จองค์ปฐม รุ่น ๑ วัดท่าซุง นวโลหะสีทอง แต่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ..ประมาณ 1 คืบ ทีแรกจะมอบให้คนอื่น..แต่คิดว่า เก็บไว้ก่อน..
....เห็นพระสงฆ์ แต่งกายจีวรสีค่อนข้างแดง..ได้เข้าไปกราบท่าน พร้อมได้น้อมถวายพานใส่วัตถุมงคล คือ ในพานนั้น มีพระธาตุสมเด็จองค์ปฐมหลายองค์ มีพระสมเด็จองค์ปฐม พระกรุวังหน้า พระธาตุปัจเจกที่แกะเป็นรูปพระพุทธรูป..ท่านพูดอะไรเบาๆ ฟังไม่ชัด สักพัก มีสีกาแต่งชุดขาว เหมือนชีพราหม์ เข้ามาร่วมสนทนาด้วย แต่ทำไมข้าพเจ้าเหมือนรู้จัก สีกาคนนี้ดี จึงได้บอกพระสงฆ์องค์นั้น เกี่ยวกับสีกาชุดขาวว่า.
“ คนนี้ ตอนนี้มีอายุ 300 กว่าปี แล้ว ยังมีหน้าที่ทางศาสนาอยู่..”..เห็นพระสงฆ์ท่านหลับตาพริ้ม ไม่พูดอะไร..ข้าพเจ้านั่งมองอยู่สักพัก .จนจิตถอนออกมา..ลืมตา ..จิตมันคิดถึง คณะเทพโลกอุดร.เพราะ..ผู้ที่มีชีวิตยืนยาวกว่าคนปกติ มักจะเกี่ยวพันกับ สายธรรมหลวงปู่เทพโลกอุดร ด้วยข้าพเจ้านิมิตพบสายหลวงปู่เทพโลกอุดร..ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ครั้งแล้ว..จึงจะขอนำมาเล่า..เพื่อยืนยันว่า..หลวงปู่เทพโลกอุดร มีจริง...โดยจะนำมาจากหนังสือหลายๆเล่มที่หลายท่านที่ได้อยู่กับหลวงปู่เทพโลกอุดร หรือ สัมผัสญาณบารมี บันทึกไว้..เช่น หลวงพ่อชาญณรงค์ อาจารย์ประถม อาจสาคร หลวงปู่ครูอาจารย์สายเทพโลกอุดรหลายๆองค์ และขอนำนิมิตบางส่วนของข้าพเจ้า..มาคัดย่อสั้นๆ ..คงไม่ต่ำกว่า 9 ตอน เป็นแน่...
**…คำว่า พระโลกอุดร หรือ พระผู้อยู่เหนือโลก หรือ พระอรหันต์ที่มีฤทธิ์อภิญญาสูง ที่สามารถดำรงขันธ์ อายุยืนนาน เป็น ร้อย เป็นพันปี เพราะคล่องในอิทธิบาท๔ (คล่องในสมาบัติ)..จริงแล้ว ถ้านับเฉพาะผู้ที่มีอายุยืนนาน ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ก็มีมากมาย มีมาก่อน พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ด้วย คือ กลุ่มปู่ฤาษี นักพรต ต่างๆ บ้างอยู่ในภูเขาเร้นลับ บ้างอยู่ที่ป่าหิมพานต์ อยู่ที่ทวีปอื่นๆ..
*/*...แต่ถ้า จะนับ เริ่มจาก สมัยพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ในยุคพุทธกาล ที่มีพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์อภิญญาสูง และยังมีชืวิตอยู่ จนถึงปัจจุบันนี้ ก็คือ “พระปิณโฑลภารทวาชะ” ท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นสหมิกธรรมกับ “พระโมคคัลลานะ” ท่านคือ พระอรหันต์ ที่เหาะขึ้นไปเอาบาตรจากไม้จันทน์แดง ที่เศรษฐีแขวนไว้บนยอดไม้ (เศรษฐี ประกาศว่าหากพระอรหันต์มีจริงก็ให้มาเอาบาตรนี้ไป) เมื่อพระพุทธองค์ทราบเรื่องจึงตรัสแก่หมู่สงฆ์ว่าเป็นพระภิกษุไม่สมควรแสดงฤทธิ์เยี่ยงนี้อีก แต่นั้นมาจึงบัญญัติภิกษุใดแสดงฤทธิ์เป็นความผิดเรียกว่า “อาบัติ”
***..พระพุทธองค์ ไม่ต้องการให้หมู่ชนมาสนใจฤทธิ์มากกว่าธรรม และด้วยหมู่ชนมีกิเลสมาก ก็อยากให้พระอรหันต์แสดงฤทธิ์บ่อยๆ..เป็นการใช้พระอริยเจ้า..มีโทษมาก และถ้าพระอรหันต์ไม่ทำตามคำขอ แล้วโกรธ ยิ่งต้องลงนรก..ดังนั้น ถ้าจะใช้ฤทธิ์เหาะ ย่นระยะทาง จึงทำในป่าที่ผู้คนไม่เห็น..
**…. กาลต่อมา คณะของพระพุทธเจ้าเสด็จไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ “พระปิณโฑลภารทวาชะ” กำลังเย็บจีวร ด้วยความรีบจึง เข้าฌานและเหาะไปตามเสด็จ ปลายเข็มพร้อมด้าย ยังปักลงกับภูเขาหิน เมื่อท่านเหาะขึ้นไป ทั้งหมดเลยลอยกลางอากาศ พอดีมีหญิงครรภ์แก่เดินมา เห็นภูเขาลอยอยู่ เกรงว่าจะเป็นอันตรายตกใจจนแท้งลูกเสียชีวิต
**.. พระพุทธองค์ทราบด้วยพระญาณรีบรับสั่งให้พระโมคคัลลานะไปเตือน พระปิณโฑลภารทวาชะ จึงใช้นิ้วดีดภูเขาไปตั้งที่ เดิม พระพุทธองค์ ปรับความผิดครั้งนี้ ตรัสให้ พระปิณโฑลภารทวาชะ อย่าเพิ่งเข้า นิพพาน แต่ให้ดำรงสังขารขันธ์อยู่พิทักษ์รักษาศาสนาของพระพุทธองค์ ..ดังนั้น.. “พระปิณโฑลภารทวาชะ” เป็นปฐมบท แห่งคำว่า “โลกอุดร” เหนือโลก อายุยืนนาน
.พระปิณโฑลภารทวาชะนี้พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่า “เป็นเลิศทางบันลือสีหนาทประกาศพระศาสนา”
ที่มา มโนธาตุ โพธิญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น