คำว่าจิตทรงฌานไม่ใช่ว่าไปนั่งสมาธิทั้งวัน ไอ้นั่นน่ะมันบ้าแล้ว ถ้านั่งสมาธิทั้งวันนี่เป็นโรคประสาท เป็นบ้าแน่ #คำว่าสมาธิเขาแปลว่าตั้งใจ #ต้องทำกำลังใจเบาๆ อันดับแรกที่สุดเราจะทำงานทำการต้องทำทุกอย่าง งานอะไรมีขึ้นต้องทำไม่ใช่ทำสมาธิแล้ว ฉันไม่ทำงาน อันนี้ตกนรกแน่ ไม่ช้าความปรารถนาไม่สมหวังเกิดขึ้น ในเมื่อความปรารถนาเกิดขึ้นอารมณ์มันก็ฟุ้งซ่านมีความเดือดร้อน เกิดการเดือดร้อนขึ้นมา จิตใจก็เดือดร้อน ลงนรกไปเลย #อย่านึกว่ามีฌานเป็นของดี #ฌานน่ะดีแน่ #แต่ทำให้มันถูก
คำว่า #ผู้ทรงฌาน แปลว่า #ผู้มีจิตใจปกติ #จะไม่ตกเป็นทาสของนิวรณ์ อำนาจของนิวรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตามจะไม่ให้มีอำนาจเหนือจิตใจ ยามว่างถ้าเรายังไม่เป็นอรหันต์ ย่อมมีนิวรณ์เข้ากินใจเป็นธรรมดา แต่ถ้าเวลาต้องการฌานเมื่อใด นิวรณ์จะต้องกระเด็นออกทันที ถ้ากระเด็นบ่อยๆ ไม่ช้ามันไม่เข้ามายุ่งกับใจ เราทำงานทำการทุกอย่างใจไม่ตกเป็นทาสของนิวรณ์
อย่าถือว่าทำฌานสมาบัติแล้ว ทำโน่นทำนี่ไม่ได้ ไอ้นั้นล่ะตัวนรกละ ไม่ช้ามานะมันจะเกิด และจะกินที่ไหนล่ะ ไม่ทำตายโหงตายห่าล่ะ มันก็ต้องทำ ทำแล้วจิตใจไม่ตกอยู่ในอำนาจของนิวรณ์เท่านั้น พระอรหันต์ท่านนั่งนิ่งที่ไหนพระพุทธเจ้าท่านไม่นั่งนิ่ง
#ถ้าเราระงับนิวรณ์ได้ #จิตเป็นฌานที่ ๑
#จิตทรงปีติ #ถ้าจิตทรงปีติมันเป็นฌานที่ ๒
#จิตตัดปีติออกเหลือแต่สุข #จิตเป็นฌานที่ ๓
#จิตตัดสุขออกเหลือแต่เอกัคคต #อุเบกขาเป็นฌานที่ ๔
#ทีนี้เวลาทรงฌานไม่ใช่มานั่งสมาธิทั้งวัน ทำงานอยู่คุยอยู่กับเพื่อน อ่านหนังสืออยู่ ฟังเทป ฟังเทศน์ ดายหญ้าวัด ทำงานทุกอย่าง หุงข้าวหุงปลา ผ่าฟืน ดายหญ้า จิตสบายใจไม่มีอารมณ์เป็นอกุศล #อย่างนี้เรียกว่าจิตทรงฌาน การที่จะรู้ว่าจิตทรงฌาน เราจะรู้กันจริงๆ มันยาก และวิธีวัดนี่ง่าย การที่จะรู้ว่าฌานเราทรงตัวไม่ทรงตัวอาศัย ๑ ในวิชชาสาม หรือว่า ๒ ในวิชชาสาม นั่นคือ #ทิพจักขุญาณ หรือ#ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
#บุพเพนิวาสานุสสติญาณ #ระลึกชาติได้
#ทิพจักขุญาณอย่างเข้ม #สามารถรู้เห็นพรหมเทวดาได้อย่างนี้จุดหนึ่ง
กำลัง #มโนมยิทธิ ที่เราฝึกได้ เราทำได้ เวลาดายหญ้าเวลาขุดดิน เวลาผ่าฟืน เวลาตักน้ำ หุงข้าว ใช้มันเวลานั้นแหละ ลองใช้เวลานั้น เวลาที่กำลังนั่งหุงข้าวอยู่ในครัว เวลาทำอยู่เราก็ใช้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ นึกปั๊บ..ไอ้งานประเภทที่เราทำอย่างนี้เราทำมาแล้วกี่ชาติ ชาติก่อนๆ เราเคยทำไหม ก็ดูภาพ ภาพมันจะปรากฏทันที อันนี้เรียกว่าเราชนะนิวรณ์ ต้องทำอย่างนี้
ถ้าไปเจอะหมาขี้เรื้อน ก็นึกว่า ไอ้ภาพอย่างนี้เราเคยเป็นไหม ขอดูภาพ ภาพจะปรากฎทันที โดยไม่ต้องไปใช้กำลังสมาธิให้เสียเวลาแม้แต่ ๑ วินาที มันจะปรากฏกับใจ แหม...หลายชาติ ชาติละหลายตัว เราเคยเกิดเป็นหมาขี้เรื้อนมาหลายชาติ เราคุยไปคุยมา นั่งดายหญ้านั่งผ่าฟืน นึกถึงเทวดา เทวดาท่านมีความสุข ก็นึก เอ..เราเคยเป็นเทวดา มันจะปรากฏทั้งตัวเราเองและวิมานในสมัยที่เป็นเทวดา
นี่เขาต้องทำอย่างนี้ อย่างนี้ถือว่าถึง
#สังฆัง #สรณังคัจฉามิ นี่อย่างย่อนะ คือการปฏิบัติ #มโนมยิทธิ ต้องทำแบบนี้ ถ้ายังต้องเข้าสมาธิ เครียด ยังใช้ไม่ได้ เวลาจะตายมันไม่ทันเวลาของนรก เวลาจะตายจริงๆ ไปนั่งขัดสมาธิได้ยังไง มันป่วยไข้ไม่สบาย ต้องใช้กำลังใจเป็นปกติญาณต่างๆ ต้องใช้ให้คล่องคือ ใช้ทุกวันถ้าเราทิ้งไม่ใช้เพียงแค่ ๒ - ๓ วันมันก็มีอารมณ์เฝือ
(สองจิต)
“หลวงพ่อเจ้าคะ ขณะที่ทำงานอยู่คล้ายๆ ใจมี ๒ จิต คือใจหนึ่งก็ทำงาน ใจหนึ่งก็ทำสมาธิพร้อมกัน อย่างนี้จะเรียกว่าขาดสติหรือเปล่าเจ้าคะ”
อย่างนั้นสติมันสมบูรณ์ เพราะว่าทำงานด้วย จิตก็มีอารมณ์เป็นสมาธิด้วย คือว่าอยากทำสมาธิแล้วทิ้งงานทิ้งหน้าที่ใช้ไม่ได้นะ ให้มีความเข้าใจเสียใหม่ว่าการทำงานด้วยความระวังด้วยความตั้งใจจริงเฉพาะงานนั้น เป็นการฝึกสมาธิไปในตัว แต่ว่าอารมณ์ของผู้ถามอาจจะเป็นกุศลว่าเวลานี้เราทำสมาธิ ทำงานแล้วอยากทำจิตให้สงบใช่ไหม พอจะทำจิตให้สงบก็เบื่องาน อย่าเบื่อนะ
พระพุทธเจ้าท่านทรงแนะนำ
▪️อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง
การงานดีไม่เลอะเทอะ ไม่เกลื่อนกล่น คือไม่เสีย จัดว่าเป็นอุดมมงคล การงานที่เราจำเป็นจะต้องทำ มันต้องกิน ต้องใช้เวลา ต้องอาศัยงาน ต้องพยายามตั้งใจให้ดี เวลาที่จิตอยากจะฝึกสมาธิ ว่างานที่เราทำหนังสือควรจะเขียนแบบไหน ก็ทำให้มันถูกต้องด้วยความตั้งใจ นั่นแหละเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว อารมณ์นั้นเวลากลับบ้านจิตจะเป็นสมาธิ ดีมาก..
🙏🙏พระธรรมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง)
ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
🖊️📖หนังสือ ธรรมปฏิบัติ ๓๙ หน้าที่ ๕๕~๕๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น