16 กันยายน 2563

เหตุแห่งการเกิด...

💥ทำไมเราจึงเกิด💥
ทำไมเราจึงเกิด เราเกิดเพราะว่าเราหลงหลงอยู่ในโลภะ ความโลภ ความโกรธความจริงคนทุกคนเกิดมาแล้วมันก็ทุกข์เกิดมาแล้วมันก็ตาย คนทุกคนก็มีความปรารถนาดีที่ทำอะไรไป ก็เพราะมีความปรารถนาดีเขาถึงทำอย่างนั้น แต่เราไม่ชอบใจเราก็ไม่โกรธเขาประการสุดท้ายเราก็เมาในชีวิต ชาวบ้านเขาตายเร็วก็เห็นแต่เพียงว่าเขาตาย ไม่ได้คิดว่าเราจะตายบ้างเป็นอันว่าเกิดมาเพราะอาศัยความชั่วที่ในจิต คือ
       ๑.ติดอยู่ในโลภ
       ๒.ติดอยู่ในความโกรธ
       ๓.ติดอยู่ในความหลง

ที่นี่เราไม่เอาละ เลิกเกิดมันเสียดีกว่ามีหน้าที่หากินโดยสุจริตก็ทำไปตามหน้าที่ จะมีรายได้มากเท่าไหร่ไม่สำคัญแต่เราไม่ทุจริต คิดว่าเมื่อชีวิตยังมีอยู่คนในปกครองยังมีอยู่ต้องทำมาหากินยังชีพให้ทรงตัว เพื่อให้คนในปกครองมีความสุขด้วยอามิส คือทรัพย์สินที่หามาได้ แต่ก็มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าทรัพย์สินที่หามาได้นี้ช่างมันตายแล้วจะอยู่กับใครก็ช่างเราไม่สนใจกับมันอีกชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับชีวิตเรา

ถ้าใครเขาจะสร้างความโกรธความพยาบาทให้เกิดขึ้นกับเรา เราก็ถือว่านั่นเป็นความบ้าของเขา เขาก็แสดงอาการโหดร้ายสร้างความสะเทือนใจให้เกิดเราก็ใช้อุเบกขาเสีย วางเฉยเสีย ไม่ใช่เราโกรธ แต่เมื่อพูดแล้วเขาดีด้วยไม่ได้เราก็ไม่พูด ทำใจให้สบาย ไม่ติดใจในเรื่องของความโกรธ ความพยาบาท แต่ถ้าเราคิดดูว่า ถ้าจะฆ่าคนนี้ก็น่านึกดูว่าคนที่เราจะฆ่านะ จะอยู่อีกสักกี่ปี ถ้าเราไม่ฆ่าเขาจะอยู่สัก ๕๐๐ ปี ได้ไหม ก็อยู่ไม่ได้ เราไม่ต้องฆ่าหรอก ความจริงไอ้คนจะตายน่ะ นะมันของไม่ยาก คนเกิดมาเท่าไหร่มันก็ต้องตายหมดเท่านั้นอยู่แล้ว

นี่เป็นอันว่าถ้าจิตใจของเราไม่ผูกพันในขันธ์ ๕  คำว่า ไม่ผูกพันนี่ค่อยๆ คิดค่อยๆ ปลงตั้งอารมณ์ไว้เพียงน้อยๆ ว่าหน้าที่ของเรามีเท่าไหร่ เราจะทำตามหน้าที่ที่เราเกิดมาแล้ว แต่ทว่าชีวิตนี้หรือชีวิตไหนก็ตาม ไม่ว่าจะมีกี่ชาติก็ต้องอยู่ในสภาพไม่เที่ยงเป็นทุกข์ และสลายตัวในที่สุดเหมือนชาตินี้ เป็นอันว่าคิดไว้เสมอว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับเรา ต่อไปชาติหน้าคำว่า มนุษย์ก็ดี คำว่าเทวดาก็ดี คำว่าเป็นพรหมก็ดี จะไม่มีสำหรับเรา เราต้องการอย่างเดียวคือ พระนิพพาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะให้ใกล้เข้าไปกว่านั้นนะ ใช้อุปสมานุสสติกรรมฐานเป็นอารมณ์ ท่านเรียกว่า นึกถึงนิพพานเป็นอารมณ์ทำเท่านี้แหล่ะ ทำไปเถอะ ไม่ต้องไปใช้เวลามันหนักหรอก อารมณ์มันจะชินเข้าไปทุกทีๆ

ขณะที่เรายังไม่ป่วยไข้ไม่สบายนี่ ยังไม่รู้สึกว่าอารมณ์ขนาดนี้มันดีขนาดไหน พอป่วยไข้หนักขึ้นมา เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวนี่ทุกคนอาตมาเคยสังเกต พอป่วยหนักขึ้นมาเมื่อไรจิตก็จับพั้บว่าเราต้องการพระนิพพาน พอเริ่มป่วยน้อยๆ นะก็ตั้งจิตคิดว่าคราวนี้เราคงจะตาย มันตายหรือไม่ตายก็ช่างมัน ก็คิดว่าทรัพย์สินทั้งหลายของเรามันไม่มี ญาติพี่น้องที่จะตายร่วมกับเราไม่มี ชีวิตนี้เราอาจจะตายก็ช่าง ตายก็ช่าง เราต้องการไปนิพพาน คิดบ้าง ลืมไปบ้าง อะไรก็ตาม นี่สำหรับป่วยน้อยๆ แต่พออาการเริ่มเครียดเข้ามาจิตมันจะจะเป็นอารมณ์จะเป็นเอกัคคตารมณ์ อาตมาลองมาแล้วนา

📙 ธรรมปฏิบัติ ๔๖ หน้าที่ ๙๑ - ๙๓
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร)
🛕 วัดจันทาราม (ท่าซุง) อำเภอเมือง
จังหวัดอุทัยธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...