26 กันยายน 2563

#อานิสงส์กฐินทาน...ติณณปาลบุรุษ


......ในครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มาอุบัติในโลก มีบุรุษเข็ญใจไร้ญาติพี่น้อง ทั้งทรัพย์สินเงินทองก็ขาดแคลน อาศัยเลี้ยงชีพอยู่ในเมืองพาราณสี
ไปหาสิริธรรมมหาเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ แล้ววิงวอนขออยู่เป็นลูกจ้าง ท่านเศรษฐีมีความสงสารจึงถามว่ามีความรู้อะไรบ้าง
บุรุษเข็ญใจบอกว่า ข้าพเจ้าไม่มีความรู้อะไรเลย มีแต่กำลังกายเท่านั้น ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปรักษาหญ้าเราจะให้ข้าววันละหม้อ

ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บุรุษก็รักษาหญ้าจนมีชื่อว่า ติณณปาละ

อยู่มาวันหนึ่ง ติณณปาละมาคิดว่าตัวเรานี้ ในชาติปางก่อนคงจะไม่ได้ทำบุญกุศลอันใดไว้เลย มาถึงชาติ นี้เราจึงได้ลำบากยากแค้น แม้แต่อาหารจะรับประทานไปวันหนึ่งๆ ก็ทั้งยาก
แต่นี้ต่อไปเราจะต้องขวนขวายให้ทานทุก ๆ วัน

เมื่อมีความตั้งใจอย่างนี้แล้ว ก็แบ่งอาหารออกเป็น ๒ ส่วน ๆ

หนึ่ง ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์

อีกส่วนหนึ่งไว้บริโภคเอง ทำอย่างนี้มาตลอดทุก ๆ วันมิได้ขาด

ด้วยอำนาจบุญกุศล ที่ติณณปาละทำนั้น
ก็ทราบไปถึงสิริธรรมเศรษฐีผู้เป็นนายจ้าง
จึงสั่งให้เพิ่มอาหารขึ้นอีกเป็นสองหม้อ

ติณณปาละก็แบ่งออกไปอีกเป็น ๓ ส่วน

ส่วนหนึ่งถวายภิกษุสามเณร

อีกส่วนหนึ่งให้แก่ยาจก

อีกส่วนตนเก็บไว้บริโภค ทำอยู่อย่างนี้เป็นลำดับมา

จนถึงฤดูออกพรรษาประชาชน และท่านสิริธรรมเศรษฐีได้พากันทำกฐินทาน เพื่อจะถวายแก่ภิกษุสงส์ ผู้อยู่จำพรรษาด้านไตรมาส สามเดือน
ติณณปาละได้ทราบข่าวดังนี้แล้ว ก็เข้าไปหาสิริธรรมเศรษฐีถามถึง อานิสงส์ผลของกฐินทาน ว่าการถวายทานอย่างนี้ คงจะมี ผลเป็นอันมาก เพราะประชาชนไม่นิ่งนอนใจ ช่วยกันหลายคน เศรษฐีบอกถึงคุณานุภาพ ของกฐินทานโดยละเอียด จนติณณปาละเกิดศรัทธาแก่กล้า
ก็ถามว่าอีกเมื่อไรจะถึงกำหนดถวาย
เศรษฐีบอกว่าอีก ๗ วัน

ติณบาลได้ฟังก็ดีใจยิ่งนัก เขามีความศรัทธายินดีเต็มใจที่จะร่วมทำบุญกฐินนี้ด้วย แต่ตนเองเป็นคนยากจน ไม่มีเงินทองข้าวของเครื่องใช้จะอนุโมทนากับเศรษฐี จะมีแต่ก็ผ้าผืนเดียวที่นุ่งอยู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจ เปลื้องผ้าที่นุ่งอยู่ไปซักฟอกให้สะอาด เอาใบไม้มาเย็บนุ่งแทนผ้า แล้วเอาผ้านั้นไปเร่ขายในตลาด ชาวตลาดพากันหัวเราะลั่น เมื่อเห็นอาการนั้น

ติณบาลประกาศว่า

“ ท่านทั้งหลายหยุดก่อน อย่าหัวเราะข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ายากจน ไม่มีผ้าจะนุ่ง จะขอนุ่งใบไม้แต่ในชาตินี้เท่านั้น ชาติหน้าจะนุ่งผ้าทิพย์ ”

ในที่สุด เขาขายผ้านั้นได้ในราคา ๕ มาสก (๑ บาท)
แล้วนำไปอนุโมทนากับเศรษฐี
ก็พอดีกับบริวารกฐินทุกอย่างบริบูรณ์
เว้นแต่ขาดด้ายเย็บผ้าอย่างเดียวสำหรับเย็บไตรจีวร
เศรษฐี ได้นำเงินนั้นซื้อด้ายเย็บไตรจีวร

ในกาลครั้งนั้นเกิดโกลาหลไปทั่วในหมู่ชนตลอดจนเทพเทวาในสรวงสวรรค์ ต่างพากันแซ่ซ้องสรรเสริญ ทานของติณบาล เสียงสาธุการ ความเสียสละในทานของติณบาล ดังลั่นเข้าไปถึงพระราชวัง พระเจ้าพาราณสี ทรงทราบเหตุผล รับสั่งให้นำติณบาล ให้เข้าเฝ้า แต่ติณบาลไม่กล้าเข้ามาเพราะไม่มีผ้านุ่ง พระองค์ทรงตรัสถามความเป็นมาของเขาโดยตลอด
ให้ราชบุรุษนำผ้าสาฎกราคาแสนตำลึงไปพระราชทานแก่ติณบาล นอกจากนั้นได้พระราชทานบ้านเมือง
ทรัพย์สมบัติ ช้าง ม้า วัว ควาย ทาสี ทาสา เป็นอันมาก
และโปรดให้ดำรงตำแหน่งเศรษฐี ในเมืองพาราณสี
มีชื่อว่า “ ติณบาลเศรษฐี ” จำเดิมแต่นั้นเป็นต้นไป

กาลต่อมา ติณบาลเศรษฐี เมื่อดำรงชีวิตอยู่พอสมควร แก่ อายุขัยแล้ว ก็จุติไปจากโลกมนุษย์ ไปเป็นเทพบุตรในดาวดึงส์สวรรค์ เสวยทิพยสมบัติอยู่ในวิมานแก้ว สูง ๕ โยชน์ (๑ โยชน์ = ๑๖ กิโลเมตร) มีนางเทพอัปสร หนึ่งหมื่นเป็นบริวาร

ส่วนสิริธรรมเศรษฐี ครั้นจุติจากโลกมนุษย์แล้ว
ไปเกิดเป็นเทพบุตรบนดาวดึงส์สวรรค์
มีนางฟ้าเป็นบริวาร เช่นเดียวกับ ติณบาลเศรษฐี ดังนี้

นี่คือ อานิสงส์ของกฐินทานที่ติณบาลได้ตั้งใจกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในทานมัยในเขตบุญของพระพุทธศาสนา

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...