28 กันยายน 2563

การพัฒนาจักระผ่านพลังงานบวกจากคำพูด


คำพูดมีพลังงาน พูดดี คิดดี ทำดี ยิ่งมีพลังงาน เมื่อคำพูด ความคิดและการกระทำประสานเป็นหนึ่งเดียว พลังงานก็สูงส่ง สุดยอด oponopono ใช้คำพูดบวกๆเช่น ขอบคุณ ขอโทษ ฉันรักเธอ ในการทำงานปรับพลังงาน บำบัดรักษา เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักพลังงานจิตบำบัด ได้ผลในระดับดีมาก

เรารู้กันแล้วว่าแต่ละจักระของคนเรา มีหน้าที่เฉพาะในการทำงานให้กับร่างกายของเราแตกต่างกันไป แต่ละจักระ จึงเป็นแต่ละ Mode ของพลังชีวิตของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย หลักการในการใช้คำพูดดีๆมาช่วยในการพัฒนาจักระ ก็คือการใช้คำพูดที่สอดคล้องกับแต่ละจักระเพื่อให้เกิดความสั่นสะเทือนต่อจักระนั้นๆ เป็นการเพิ่มความสั่นสะเทือนเพื่อยกระดับการพัฒนาจักระนั้นๆขึ้นมา เราจะพบว่าเมื่อผ่านขั้นตอนดังกล่าว จักระของเรา จะมีการพัฒนาขึ้นมากโดยเร็ว เช่นมีการขยายขนาดใหญ่ขึ้น เปิดได้เต็มที่ 100%  มีพลังมากขึ้น มีสีเข้มขึ้น หมุนเร็วและแรงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งนี้จะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น  มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในที่สุด

มีหลักการว่า ในการทำงานเช่นนี้ เราต้องการเทคนิคเล็กน้อยเพื่อให้การทำงานตามขั้นตอนประสบความสำเร็จสูงสุด ได้แก่ เราควรผ่อนคลายร่างกายให้ดีก่อนแล้วนำจิตเข้าสู่สมาธิเบาๆ ไม่ต้องลึก จากนั้นโฟกัสไปที่จักระแต่ละจักระแล้วกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมาให้ได้ยินชัดเจนเพื่อให้เกิดความสั่นสะเทือนและบังเกิดผลต่อจักระโดยตรง ในขณะเดียวกันให้น้อมจิตรำลึกถึงองค์เทพองค์คุณที่เรากำลังสื่อถึงท่านไปพร้อมกันด้วย ในการกล่าวคำพูดเหล่านั้น ขอเน้นย้ำว่าให้เป็นคำพูดที่กล่าวออกมาด้วยความจริงใจ กล่าวจากใจ น้อมจิตให้รู้สึกตามนั้น ไม่เสแสร้ง เท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว

คำแนะนำในการใช้คำพูดสำหรับแต่ละจักระ

เริ่มด้วยการประกาศว่า "ข้าพเจ้ายอมรับในพลังแห่งคุณงามความดีทุกสายพลังงานโดยไร้เงื่อนไขทั้งปวง"

จักระที่ 1 ให้กล่าวคำสรรเสริญพระแม่ธรณี แสดงความกตัญญูที่ท่านเมตตาให้ที่อยู่ที่กินแก่เรา ให้พลังชีวิตแก่เรา

จักระที่ 2 ให้แสดงความชื่นชมตนเอง มีความสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง ภูมิใจในตนเอง รักตัวเองมากๆ

จักระที่ 3 ให้ขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณดิน น้ำ สายลม ไฟที่ให้ความอบอุ่น ขอบคุณภูเขา ต้นไม้ ที่ให้อาหาร ที่อยู่ ยารักษาโรค เสื้อผ้า ให้ความร่ำรวยมั่งคั่ง มั่นคง ปลอดภัยแก่เรา

จักระที่ 4 ให้กล่าวคำสรรเสริญองค์บรมศาสดาที่เรามีใจนับถือเช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงประทานพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ในการสั่งสอนพระธรรมให้สรรพสัตว์ได้รู้และเข้าใจแนวทางหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย เราอาจใช้บทสวดสรรเสริญพระรัตนตรัยได้ เน้นว่าเป็นการสรรเสริญคุณท่าน

จักระที่ 5 ให้อวยพรแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย บุคคลทั่วไปด้วยความจริงใจ อยากให้เขามีความสุข มีความสำเร็จ มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านต่างๆที่ถูกต้อง ชอบธรรม กล่าวคำขอบคุณต่อบิดามารดาและผู้มีพระคุณทั้งหลาย

จักระที่ 6 จงกล่าวสรรเสริญผู้มีปัญญาทั้งหลาย ผู้มีดวงตาเห็นธรรม มีจิตรู้ธรรม มีดวงตาอันแจ่มใส ไม่ขุ่นมัวด้วยกิเลส เช่นพระพุทธเจ้า พระศาสดาในศาสนาต่างๆ พระศิวะเจ้า เราอาจสวดบทสรรเสริญท่านด้วยบทสวดที่แสดงถึงองค์ปัญญาของท่านด้วยก็ได้

จักระที่ 7 จงขอบคุณจักรวาลที่ประทานพลังแห่งฟ้าอันไร้ขอบเขต ขอบคุณที่ประทานภูมิปัญญา ความรุ่งเรืองมั่งคั่งแก่เรา แสดงความกตัญญูต่อจักรวาลจากใจจริงของเราด้วยความรักและเคารพ ขอบคุณที่ประทานชีวิต

การทำเช่นนี้จะมีผลให้จักระเรามีพลังมาก เร่งการพัฒนาทั้งทางกายและจิตได้เร็ว บังเกิดความสำเร็จได้เร็วขึ้นอย่างชัดเจนแน่นอน

27 กันยายน 2563

ระบบการเงินใหม่

อธิบายระบบการเงินควอนตัม
Quantum Financial System (#QFS) กำลังสร้าง Virtual Private Network (VPN) สำหรับ Cross-Border Interbank Payment System (#CIPS) เป็นเครือข่ายตามอำนาจอธิปไตยและการพาณิชย์
คณะบริหารของทรัมป์มุ่งมั่นในระบบการเงินควอนตัมและเพื่อปลดปล่อยศักยภาพอันเหลือเชื่อสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความมั่นคงของประเทศ
เพื่อประสานงานความพยายามในการวิจัยระดับชาติที่ครอบคลุมหน่วยงานของรัฐบาลกลางชุมชนวิชาการและผู้นำในอุตสาหกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่สำนักงานประสานงานควอนตัมแห่งชาติของทำเนียบขาวได้เปิดตัววิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์สำหรับเครือข่ายระบบการเงินควอนตัมของอเมริกา กุมภาพันธ์ 2020
Quantum Financial System (QFS) ให้ความสมบูรณ์ที่ชัดเจนในการเคลื่อนย้ายเงินจากแหล่งที่มาของธนาคารกลางไปยังบัญชีปลายทาง

QFS จะครอบคลุมเครือข่ายทั่วโลกใหม่สำหรับการโอนสินทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุนกองทุนและสามารถแทนที่ระบบ SWIFT ที่ควบคุมจากส่วนกลางของสหรัฐฯ
ประโยชน์ที่สำคัญของ QFS คือการปกป้องทุกฝ่ายจากการทุจริตการกินดอกเบี้ยและการจัดการภายในระบบธนาคารและตรวจสอบให้แน่ใจว่าธนาคารได้รับการตรวจสอบและป้องกันเกี่ยวกับข้อตกลงในสัญญาของกระบวนการโอนเงิน
QFS เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จากระบบรวมศูนย์ที่มีอยู่และทำให้ระบบถ่ายโอนอื่น ๆ ทั้งหมดล้าสมัยไปสู่ความสามารถขั้นสูง
QFS ไม่ใช่สกุลเงินดิจิตอล แต่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนสินทรัพย์
QFS ครองตำแหน่งสูงสุดในเทคโนโลยีโฟโตนิกที่ 3.5 ล้านล้านเฟรมต่อวินาที .. แทนที่การกำหนดเส้นทางแบบไดนามิกของ IP ที่ล้าสมัยด้วยการรับรองความถูกต้องด้วย GPS ที่แท้จริงระหว่างการกำหนดเส้นทางผู้ส่งและผู้รับในขณะที่รักษาความปลอดภัยทางการเงิน 100% และความโปร่งใสของผู้ถือสกุลเงินทั้งหมด
โปรโตคอลจะถูกสร้างขึ้นพร้อมกับ QFS เพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์ควบคุมการถ่ายโอนและได้รับอนุญาตให้ควบคุมเครือข่ายการเงินทั่วโลกอย่างอิสระเว้นแต่จะได้รับการอนุมัติในระดับสูงสุด โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะจัดการการตั้งถิ่นฐานทันทีแบบเรียลไทม์โดยไม่ล่าช้า!
AI กำหนดหมายเลข "ดิจิทัล" ให้กับทุก ๆ ดอลลาร์ / ยูโร / เยนในทุกๆบัญชีธนาคารทั่วโลก ตัวเลข“ ดิจิทัล” ได้รับการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ตำแหน่ง GPS ทางกายภาพระหว่างผู้ส่งและผู้รับจะได้รับการตั้งค่าเพื่อให้มีการรักษาความปลอดภัยที่ไม่แตกหักเมื่อมีการแยกบัญชีโดยพิจารณาว่าใครเป็นผู้ส่งและบัญชีใดได้รับ
สกุลเงินอธิปไตยของสหรัฐอเมริกาคือ USN

สกุลเงินดิจิทัล
การแปลงในอนาคตจากสกุลเงินคริปโตของ Fiat เป็นเหรียญทองที่รองรับ Basel III IV และ V
เหรียญตัวเองและเหรียญเสมือนจะมีบาร์โค้ด (ความเป็นเจ้าของ) และอุปกรณ์ติดตาม GPS (ตำแหน่ง)
ACC (Asset Chain Collection) คือ“ บัญชีแยกประเภทแบบกระจาย” ซึ่งเป็นเครื่องมือของการแปลงสินทรัพย์เป็นดิจิทัลสำหรับแอปพลิเคชันระดับโลก เรียกว่า“ The AIExchange”
ระหว่างโทเค็นกระแสหลักในตลาดกับโทเค็นมาตรฐานสินทรัพย์ Asset Collection Chain ร่วมกันสร้างและจัดทำเอกสารวัตถุแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล - สกุลเงินดิจิทัล SDR "โหนด" ทั่วโลกแต่ละแห่งจะสร้าง "ภูมิภาค: โทเค็นบัญชีแยกประเภททั่วไป (GLT) สำหรับการหมุนเวียนในภูมิภาคและ SDR สกุลเงินดิจิทัล (สิทธิพิเศษถอนเงิน) จะเป็นเหรียญแลกเปลี่ยนหลักพร้อมกับโทเค็นของโทเค็นบัญชีแยกประเภททั่วไปของแต่ละโหนดในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ .
ใน "ระบบนิเวศทางการเงิน" โทเค็นของแต่ละโหนดสามารถใช้ GLT (General Ledger Token) เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในภูมิภาคและแต่ละ GLT สามารถใช้ ACC เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนระหว่างประเทศ

เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย (DLT)
DLT คือฐานข้อมูลที่“ กระจายอำนาจ” ในคอมพิวเตอร์หรือโหนดต่างๆ ทุกโหนดจะรักษาบัญชีแยกประเภทและหากข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงบัญชีแยกประเภทจะได้รับการอัปเดตเป็นมูลค่าที่แน่นอน “ การอัปเดต” ไม่ขึ้นกับแต่ละ“ โหนด” โหนดทั้งหมดมีอำนาจสถานะเท่าเทียมกัน ไม่มีหน่วยงานกลางหรือเซิร์ฟเวอร์จัดการฐานข้อมูล แต่ละโหนดสามารถอัปเดตบัญชีแยกประเภทและโหนดอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบการมีอยู่
ความโปร่งใส
โหนด AI ตรวจสอบธุรกรรมด้วย "อัลกอริทึมฉันทามติ" บางครั้งโหนดทั้งหมดสามารถเข้าร่วมได้และบางครั้งก็เลือกเฉพาะโหนดเท่านั้น เมื่อทุกโหนดได้รับ สถานะ "Go" โหนดทั้งหมดจะได้รับสถานะที่อัปเดต

ระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน (CIPS)
สกุลเงินเสมือนจริงของ CIPS จะมีลักษณะเหมือนกับ Bitcoin แต่จะได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยทรัพย์สินจริงและจะแทนที่สกุลเงินปัจจุบันทั้งหมดทั่วโลก
ธุรกรรมจะทำงานบน QFS VPN และสามารถใช้สำหรับการซื้อสินค้าและบริการทั้งหมดโดยใช้ทรัพยากรของ CIPS
100 พันล้านเหรียญจะถูกสร้างเป็นทองคำและ 100 พันล้านเหรียญจะถูกสร้างเป็นเงิน เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะไม่มีเหรียญเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง เหรียญ CIPS แต่ละเหรียญจะมีคู่เสมือน
QFS AI จะติดตามความผันผวนและจะจัดการเงื่อนไขขอบเขตทั้งหมด (ตลอดจนติดตามตำแหน่งทั้งหมด)

บล็อกเชน
“ Blockchain” เป็นเพียงบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย DLT เป็นแม่ของ Blockchain ใน Blockchain ทุกโหนดจะได้รับสำเนาบัญชีแยกประเภทเป็นของตัวเอง ธุรกรรมทันทีทั้งหมดจะถูกเข้ารหัสก่อนที่จะเพิ่มไปยังบัญชีแยกประเภท
Blockchain ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจส่วนกลาง มีการกระจายอำนาจโดยสมบูรณ์เป็น DLT Blockchain จัดระเบียบข้อมูลในรูปแบบของ "บล็อก" ที่ "เชื่อมโยง" และ "เข้ารหัส" เพื่อความปลอดภัยของ GPS เต็มรูปแบบ ข้อมูล (ธุรกรรม) ทั้งหมดมีอยู่ในประวัติและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบออกได้จึงสร้างความสมบูรณ์ที่สะอาดบริสุทธิ์ของธุรกรรมทั้งหมด
Blockchain: โครงสร้างคือบล็อกข้อมูล - "ลำดับ" ของบล็อกที่เฉพาะเจาะจง
เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย: ฐานข้อมูลกระจายไปตามโหนดต่างๆ - ไม่มีลำดับที่เฉพาะเจาะจง
ลำดับคือความแตกต่างที่โดดเด่นใน BLOCKCHAIN
Blockchain เป็นเพียง“ ชุดย่อยของบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย Blockchain ยกระดับ DLT ไปอีกขั้นเป็น (การสร้างอินสแตนซ์ของค่าดิจิทัลและการทำงานร่วมกัน)
เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายเป็นพาเรนต์ของเทคโนโลยีบล็อกเชน DLT คือวิธีการ“ กำจัด” การกำกับดูแลของธนาคาร DLT ช่วยแก้ปัญหาในอาณาจักรการเงิน - Blockchain เป็นส่วนหนึ่งของโลกสกุลเงินดิจิตอลเข้ารหัส

วิธีจัดการ“ กองทุนใหม่” (สินทรัพย์สำรอง) ใน QFS?
ฉันจะใช้เงินได้อย่างไร? หน้าจอธนาคารทั้งหมดมืดลงแล้ว!
ในระบบใหม่“ คุณ” จะได้รับการแจ้งเตือนทางอิเล็กทรอนิกส์จาก AI ว่าสินทรัพย์ที่คุณคาดหวังได้รับการสนับสนุนเงินทุนนั้นเตรียม“ บัญชีแยกประเภท” ไปยังบัญชีเฉพาะที่คุณได้ใส่คำอธิบายประกอบไว้ก่อนหน้านี้ คุณจะทำตาม "ข้อความแจ้ง" เพื่อขอรหัสการเข้าถึง "เก่า" ของคุณ (รหัสผ่าน)

สิทธิบัตร P เทียบกับ NP Problem Space
การสร้างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรงที่เรียกว่าคำถาม "P" เทียบกับ "NP" ตาม Wiki ปัญหานี้เป็นปัญหาหลักที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และเป็นหนึ่งในปัญหาเจ็ดประการของรางวัลแห่งสหัสวรรษซึ่งจะช่วยแก้ปัญหา ใครบางคนเจ๋งพันล้านดอลลาร์
สิทธิบัตรของ QFS ช่วยแก้ปัญหา Millennium Prize ทั้งเจ็ด คำถามคือปัญหาทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วด้วยคอมพิวเตอร์หรือไม่ ปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว (นี่คือ P) ปัญหาอื่น ๆ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว แต่หากแสดงคำตอบสามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว) นี่คือ NP) P เป็นชวเลขสำหรับแก้ไข ในเวลา (พหุนาม) (พหุนาม. P  ) NP เป็นชวเลขสำหรับการ  ตรวจสอบ ในเวลา (พหุนาม) (เวลาพหุนามแบบไม่ระบุตัวตน… NP)
หน่วยศูนย์ข้อมูลที่วางแผนไว้ 56 หน่วยในสหรัฐอเมริกาและดินแดนและหน่วยศูนย์ข้อมูล 192 แห่งที่วางแผนไว้ในต่างประเทศจะเพิ่มพลังความเร็วและประสิทธิภาพโดยรวมของ QFS ของเราในสภาพแวดล้อมการประมวลผลแบบขนาน QFS Cloud System ที่ดีที่สุด
เมื่อป้อนแล้วคุณจะได้รับแจ้งจาก AI ให้สร้าง "รหัสความปลอดภัยใหม่" เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น "บัญชีธนาคารเก่า" ของคุณจะถูกหักจากเงิน "Fiat" จากนั้นจะโอนเข้าบัญชีด้วยสินทรัพย์ที่สำรองไว้ (หนึ่งต่อหนึ่ง)
คุณจะได้รับแจ้งไปยังหน้าต่างถัดไปซึ่งเงินที่มีอยู่ของคุณจะแสดงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุนเช่นเดียวกับยอดคงเหลือ "บัญชีแยกประเภท" ของสินทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุนที่คุณคาดการณ์ไว้
ไม่มี "การรวมกลุ่ม"
ระบบมีความปลอดภัยโดยสิ้นเชิงและบัญชีของคุณอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณโดยสิ้นเชิง ในกระบวนการกลับคืนสู่อำนาจอธิปไตย "คุณ" ต้องเริ่มต้นบัญชีแยกประเภท - ธุรกรรม "โฟโตนิก" เกิดขึ้นจากบัญชี "ผู้ส่ง" ไปยังบัญชี "ผู้รับ" ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องของ GPS ไม่มีบุคคลอื่นสามารถเข้าถึงบัญชีได้
ธนาคารเลิกใช้แล้ว !!!!!
ข้อมูลแบบเรียลไทม์ - CIPS ให้ฟีดข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมดที่แนบมา ซึ่งหมายความว่าลูกค้าของคุณจะได้รับข้อมูลสดโดยตรงไปยังเดสก์ท็อปเว็บและไคลเอ็นต์มือถือพร้อมกัน
คุณมีอำนาจอธิปไตยในเงินทุนของคุณเนื่องจากทั้งหมดเป็นโฟโตนิกและดิจิทัล เงินทั้งหมด“ GPS ติดตามได้” ตลอดไป ธนาคารไม่ได้อยู่ในการควบคุมอีกต่อไป - ไม่มีเงินฝากอีกต่อไปตอนนี้พวกเขากลายเป็น“ ฐานะ” เนื่องจากเงินฝากหมายถึงการแยกออกจากบุคคลและเงินของพวกเขา
ในโลกการเงินใหม่นี้“ บุคคล” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ QFS นี่คือการรักษาความปลอดภัยทางประวัติศาสตร์ที่แปลกใหม่ในแง่ที่แท้จริง !!

ภาคผนวก: Quantum Financial System
QFS ยุติการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในปัจจุบันเกี่ยวกับธนาคารกลาง QFS จะครอบคลุมเครือข่ายทั่วโลกใหม่สำหรับการโอนสินทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุน มันแทนที่ระบบ SWIFT ที่ควบคุมจากส่วนกลางของสหรัฐอเมริกาด้วย Global - Decentralized Controlled CIPS (Cross Border Interbank Payment System) QFS ทำงานบนคอมพิวเตอร์โฟโตนิกใหม่ / ใช้ดาวเทียม“ 24 GPS โคจร” (ได้รับการปกป้องโดย“ Space Force” ใหม่)
จุดประสงค์ของ QFS คือการยุติการคอร์รัปชั่นกินดอกเบี้ยและการจัดการภายในระบบธนาคาร “ ธนาคาร” ไม่จำเป็นต้องสร้างผลกำไรจำนวนมากจากธุรกรรมการโอนเงินอีกต่อไป
QFS เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จากระบบ“ รวมศูนย์” ที่มีอยู่ ทำให้ระบบถ่ายโอนอื่น ๆ ทั้งหมดล้าสมัย
QFS ไม่ใช่สกุลเงินดิจิตอล หลังจาก REVAL (การประเมินค่าใหม่) สกุลเงินอธิปไตยทั้งหมดจะได้รับการสนับสนุนสินทรัพย์เพื่อให้แน่ใจว่ามีมูลค่าคงที่ซึ่งทำให้ความต้องการ cryptos ที่ไม่ได้สำรองข้อมูลล้าสมัย (กระบวนการนี้จะย่อยข้อมูลในธนาคารหน่วยความจำคอมพิวเตอร์)
การเปิดใช้งาน QFS จะสิ้นสุด“ ระบบธนาคารกลาง” ที่ทำให้สิ่งที่บางคนอ้างถึงว่าเป็น“ การเป็นทาสหนี้”
QFS ครองตำแหน่งสูงสุดในเทคโนโลยีที่ใช้และสร้าง / ความปลอดภัยทางการเงิน 100% และความโปร่งใสสำหรับผู้ถือสกุลเงินทั้งหมดไปจนถึงผู้ถือแต่ละสกุลเงิน
QFS กำหนดหมายเลขดิจิทัลให้กับทุก ๆ เงินดอลลาร์ / ยูโร / เยนในทุกบัญชีธนาคารทั่วโลก หมายเลขดิจิทัลได้รับการตรวจสอบและอัปเดตแบบเรียลไทม์: แสดงตำแหน่งที่ไป (การตรวจสอบความถูกต้องด้วย GPS) เมื่อมีการแยกบัญชีว่าใครเป็นผู้ส่งและบัญชีที่ได้รับ
QFS มีชีวิตด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่โต้ตอบกับทุกธุรกรรมทางการเงินที่ใดก็ได้ในโลกของการเงินเพื่อให้แน่ใจว่าถูกกฎหมายมีอำนาจที่ตั้งใจไว้และโปร่งใส
เฉพาะทองคำหรือสกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์ที่มีทองคำดิจิทัลหรือใบรับรองสินทรัพย์เท่านั้นที่จะโอนผ่าน QFS การอ้างอิงสกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนทอง / สินทรัพย์ทั้งหมดกลับไปที่ชิ้นส่วนของทองคำหรือสินทรัพย์ที่หนุนหลัง !!
สกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนของสินทรัพย์จะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ภายในประเทศต้นทาง สินทรัพย์เป็นเหตุผลในการกำหนดจำนวนสกุลเงินที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ
ไม่มีสกุลเงิน FIAT เป็นเงินตามกฎหมายใน QFS เนื่องจากไม่สามารถกำหนดให้เป็น "สะอาดชัดเจนไม่ก่อการร้ายหรือมาจากกิจกรรมทางกฎหมาย"
สกุลเงิน FIAT ที่อยู่ในความ "ครอบครอง" ณ เวลาที่มีการใช้งาน QFS และถือว่า "ถูกกฎหมาย" จะถูกแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากทองคำแบบหนึ่งต่อหนึ่ง กระบวนการ "กระทบยอด"
หากไม่มีความสามารถในการกระทบยอดเงิน FIAT เก่าเข้ากับ QFS ใหม่กิจกรรมธนาคารกลางทั้งหมดจะหยุดลง
ประเทศใด ๆ ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ GESARA จะถูกปล่อยออกจาก QFS ดังนั้นในที่สุดก็จะถูกปล่อยออกจาก "การค้าระหว่างประเทศ"

การรีเซ็ตสกุลเงินทั่วโลก (GCR) จะใช้สูตรเชิงปริมาณที่เฉพาะเจาะจงเพื่อกำหนดจำนวนสกุลเงินที่มีให้ "ในประเทศ" ซึ่งเป็นทองคำซึ่งได้รับการสนับสนุนใน QFS สูตรนี้จะสร้างมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ของแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับอีกรายการหนึ่ง “ ราคาทองคำ” จะไม่เกี่ยวข้องเมื่อเสร็จสิ้น สิ่งที่รวมอยู่ในสูตร ได้แก่ สินทรัพย์ในพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศจำนวนประชากร (เป็นสินทรัพย์) และพารามิเตอร์อื่น ๆ อีกมากมาย สูตรนี้ใช้กับแต่ละประเทศเพื่อให้ทัดเทียมกันได้

การใช้สูตรและมูลค่าร่วมของทองคำทั้งหมดหมายความว่าสกุลเงินของประเทศจะต้องมีมูลค่าเท่ากับสกุลเงินของประเทศอื่น   สิ่งนี้เรียกว่าการ  รีเซ็ตสกุลเงินทั่วโลก (GLOBAL CURRENCY RESET)
การกระจายความมั่งคั่งทั่วโลก (GWD) บนพื้นฐานของการพาณิชย์และอำนาจอธิปไตยแต่ละบัญชี QFS ทั่วโลกจะเป็นของเจ้าของบัญชี แต่เพียงผู้เดียวไม่ใช่ของธนาคารหรือรัฐบาล
ปัญญาประดิษฐ์จะถูกนำไปใช้กับ QFS (หนึ่งอินสแตนซ์ในแต่ละศูนย์ข้อมูล) แต่โหนดจะประสานกันผ่านการประมวลผลแบบขนาน AI จะทำงานร่วมกับ CIPS VPN ในพื้นหลังโดยให้การวิเคราะห์เชิงความหมายและการประมวลผลภาษาธรรมชาติเพื่อทำความเข้าใจว่ามีการพูดถึงผลิตภัณฑ์ธนาคารในฐานผู้ใช้ทั้งหมดอย่างไร จะอำนวยความสะดวกในการปรับตัวและจะพัฒนาไปตามกาลเวลาโดยตระหนักถึงพฤติกรรมใหม่ ๆ และแนะนำการตอบสนองฝั่งธนาคารที่เหมาะสม

#เชื่อในแผน

ชาวพุทธต้องอ่านความสำคัญของการปฎิบัติ


..สมัยพุทธกาล มีคนถามพระพุทธองค์ว่า ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร

พระพุทธองค์ตอบว่า"ไม่ได้อะไรเลย"

เขาจึงถามต่อไปว่า... ถ้าเช่นนั้นท่านจะปฏิบัติไปเพื่ออะไร

พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า ตถาคตสามารถบอกเธอถึงสิ่งที่หายไป นั้นก็คือ

ความโกรธได้หายไป 
ความหม่นหมองวิตกกังวลหายไป 
ความเศร้าท้อแท้หายไป
ความกังวลไม่สบายใจหายไป
ความเห็นแก่ตัว โลภะ โทสะ โมหะพิษร้ายทั้งสามก็หายไป
อวิชาคือความไม่รู้ที่ปิดกั้น ปุถุชนทั้งหลายก็ได้สูญสิ้นไป

พูดเหมือนง่าย... แต่เหตุผลนั้นมันลึกซึ้ง...
คนทั้งหลายที่มาสู่โลกนี้ มีเพียงสองเรื่องคือเกิดกับตาย

เรื่องแรกทำสำเร็จไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องนั้นเราจะทุกข์ร้อนไปทำไม...

มีวาสนาก็มา ... ไม่มีวาสนาก็ไป... สิ่งใดที่สมควรแก่เหตุก็มาเอง... สิ่งใดที่ไม่สมควรแก่เหตุ จะแสวงหาก็ไม่พบ อ้อนวอนก็ไม่สำเร็จ...
มีวาสนาก็ไม่ปฏิเสธ ไร้วาสนาก็ไม่ต้องแสวงหา... สิ่งที่เข้ามาหาก็ต้อนรับ สิ่งที่จากไปก็ไม่ต้องอาลัย... ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่วาสนา ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น

ผู้มีปัญญาทั้งหลายไม่เอาชีวิตไปขึ้นอยู่กับปากและตาของผู้อื่น... ให้มองเห็นจิตและใจของตนเอง... มีสติ รู้จิต ไม่ฟุ้งซ่าน... ไม่ดิ้นรนแสวงหาในสิ่งที่หลอกลวงทั้งหลาย... ไม่ดิ้นรนแสวงหา ใจเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง... จะร้อนจะหนาว จะลุกจะนั่ง จิตก็มีสติอยู่เสมอ นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม

เกิดเป็นคน อย่าเป็นคนหลอกลวงไร้สัจจะ ถ้าเป็นคนหลอกลวงจะไม่สามารถเปิดใจต่อผู้อื่นได้... ความทุกข์ที่สุดของมนุษย์คือใจที่ไร้ที่พึ่ง...

ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม จิตที่ดีงามย่อมไม่มีเรื่องทุกข์ใจฺ... 

จิตที่ประเสริฐ ย่อมไม่มีผู้ที่จะต้องเคียดแค้นชิงชัง... จิตที่เรียบง่าย ย่อมไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ... เป็นคนดี กายใจซื่อตรง ย่อมหลับเป็นสุข... ผู้ประกอบกรรมดี ฟ้าดินย่อมมองเห็น ผีสางเทวดาย่อมสรรเสริญ

ความสงบที่แท้จริงมิได้เกิดจากการนั่งนิ่งๆหลายชั่วโมง แต่เกิดจากการมองผู้คนและสิ่งทั้งหลายด้วยใจที่สงบ ได้ยินแม้แต่เสียงดอกไม้บาน... นั่งก็เป็นสมาธิ เดินก็เป็นสมาธิ 

เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ว่างเปล่า...ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้แต่เพียงเกี่ยวข้องแล้วก็ผ่านไป... พวกเราทุกคนเป็นเพียงแขกผู้ผ่านกาลเวลาเท่านั้น... วันหนึ่งเราก็ต้องบอกลาทุกสิ่งไป

ทุกสิ่งที่ปรากฎต่อหน้าเรานั้นควรจะทนุถนอม... แต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ควรต้องอาลัย... สิ่งใดที่ควรได้ก็ให้รับเขาด้วยความยินดีแต่ไม่ยึดถือ.. 

ขออวยพรแด่ทุกคนที่มีวาสนาได้เกิดมาร่วมโลกกัน

#ถ้าหากญาติธรรมอยากได้บุญเผยแพร่ธรรมทานร่วมกัน
#อย่าลืม กดแชร์ นะคับ ได้บุญมากที่สุดในหมวดของทาน
#พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การให้ธรรมะ ย่อมชนะการให้ทั้งปวง

ว่าด้วยเรื่อง เครื่องทำลายอวิชชา


ความว่า อุเบกขาและสติในจตุตถฌานเป็นความหมดจด หมดจดดี ขาวรอบ ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ถึงความไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มีอุเบกขาและสติ หมดจดดี.

         >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นทุกข์มี ๓ อย่างเหล่านี้ คือ 
                         ทุกฺขทุกฺขตา (ความเป็นทุกข์ คือทุกขเวทนา) 
                         วิปริณามทุกฺขตา (ความเป็นทุกข์ คือความเปลี่ยนแปลงของสุข) 
                         สงฺขารทุกฺขตา (ความเป็นทุกข์ คือสังขาร)

                  ปฐมวรรค เวทนาสูตรที่ ๑

    [๕๑๑] วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า เวทนามีเท่าไร?
             ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ เวทนานี้มี ๓ ประการ คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑
อทุกขมสุขเวทนา ๑.
             วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็สุขเวทนาเป็นอย่างไร ทุกขเวทนาเป็นอย่างไร อทุกขมสุขเวทนา
เป็นอย่างไร?
             ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุขสำราญ อันเป็นไปทางกาย หรือ
เป็นไปทางจิต นี่เป็นสุขเวทนา ความเสวยอารมณ์ที่เป็นทุกข์ไม่สำราญ อันเป็นไปทางกาย
หรือเป็นไปทางจิต นี่เป็นทุกขเวทนา ความเสวยอารมณ์ที่มิใช่ความสำราญ และมิใช่ความไม่
สำราญ (เป็นส่วนกลางมิใช่สุขมิใช่ทุกข์) อันเป็นไปทางกาย หรือเป็นไปทางจิต นี่เป็น
อทุกขมสุขเวทนา.
             วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็สุขเวทนา เป็นสุขเพราะอะไร เป็นทุกข์เพราะอะไร?
             ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ สุขเวทนา เป็นสุขเพราะตั้งอยู่ เป็นทุกข์เพราะแปรไป
ทุกขเวทนา เป็นทุกข์เพราะตั้งอยู่ เป็นสุขเพราะแปรไป อทุกขมสุขเวทนา เป็นสุขเพราะรู้ชอบ
เป็นทุกข์เพราะรู้ผิด.
             วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็อนุสัยอะไร ตามนอนอยู่ในสุขเวทนา อนุสัยอะไร ตามนอน
อยู่ในทุกขเวทนา อนุสัยอะไร ตามนอนอยู่ในอทุกขมสุขเวทนา?
             ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ราคานุสัย ตามนอนอยู่ในสุขเวทนา ปฏิฆานุสัย ตามนอน
อยู่ในทุกขเวทนา อวิชชานุสัยตามนอนอยู่ในอทุกขมสุขเวทนา.
             วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ราคานุสัยตามนอนอยู่ในสุขเวทนาทั้งหมด ปฏิฆานุสัยตามนอน
อยู่ในทุกขเวทนาทั้งหมด อวิชชานุสัยตามนอนอยู่ในอทุกขมสุขเวทนาทั้งหมด หรือหนอแล?
             ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ราคานุสัย ตามนอนอยู่ในสุขเวทนาทั้งหมด หามิได้
ปฏิฆานุสัย ตามนอนอยู่ในทุกขเวทนาทั้งหมด หามิได้ อวิชชานุสัย ตามนอนอยู่ใน
อทุกขมสุขเวทนาทั้งหมด หามิได้.
             วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ธรรมอะไรจะพึงละได้ในสุขเวทนา ธรรมอะไร จะพึงละได้ใน
ทุกขเวทนา ธรรมอะไรจะพึงละได้ในอทุกขมสุขเวทนา?
             ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ราคานุสัยจะพึงละได้ในสุขเวทนา ปฏิฆานุสัย จะพึงละได้ใน
ทุกขเวทนา อวิชชานุสัยจะพึงละได้ในอทุกขมสุขเวทนา.
             วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ราคานุสัยจะพึงละเสียได้ในสุขเวทนาทั้งหมด ปฏิฆานุสัยจะพึง
ละเสียได้ในทุกขเวทนาทั้งหมด อวิชชานุสัยจะพึงละเสียได้ในอทุกขมสุขเวทนาทั้งหมด หรือ
หนอแล?
             ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ราคานุสัยจะพึงละเสียได้ในสุขเวทนาทั้งหมด หามิได้
ปฏิฆานุสัยจะพึงละเสียได้ในทุกขเวทนาทั้งหมด หามิได้ อวิชชานุสัยจะพึงละเสียได้ในอทุกขม-
*สุขเวทนาทั้งหมด หามิได้ ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกมีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ ย่อม
ละราคะด้วยปฐมฌานนั้น ราคานุสัย มิได้ตามนอนอยู่ในปฐมฌานนั้น อนึ่ง ภิกษุในพระธรรม
วินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นอยู่ว่า เมื่อไร เราจะได้บรรลุอายตนะที่พระอริยะทั้งหลายบรรลุแล้วอยู่
ในบัดนี้ ดังนี้ เมื่อภิกษุนั้นเข้าไปตั้งความปรารถนาในวิโมกข์ทั้งหลายอันเป็นอนุตตรธรรมอย่างนี้
โทมนัสย่อมเกิดขึ้น เพราะความปรารถนาเป็นปัจจัย ท่านละปฏิฆะได้ด้วยความโทมนัสนั้น
ปฏิฆานุสัยมิได้ตามนอนอยู่ในความโทมนัสนั้น อนึ่ง ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน
อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็น
เหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ย่อมละอวิชชาได้ด้วยจตุตถฌานนั้น อวิชชานุสัยมิได้ตามนอนอยู่ในจตุต
ฌานนั้น.

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๙๕๒๙-๙๕๗๐ หน้าที่ ๓๙๑-๓๙๒.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=12&A=9529&Z=9570&pagebreak=0
http://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=12&item=511&items=1&mode=bracket

          [๔๔๕]  เราขอบอกอัญญาวิโมกข์ อันมีอุเบกขาและสติหมดจดดี
                          มีความตรึกประกอบด้วยธรรม แล่นไปข้างหน้า เป็นเครื่อง
                          ทำลายอวิชชา.
             [๔๔๖] ความวางเฉย กิริยาที่วางเฉย ความเพิกเฉย ความสงบแห่งจิต ความที่จิต
เลื่อมใส ความที่จิตเป็นกลางด้วยจตุตถฌาน ชื่ออุเบกขา ในอุเทศว่า อุเปกฺขาสติสํสุทฺธํ ดังนี้.
ความระลึก ความตามระลึก ฯลฯ ความระลึกชอบ เพราะปรารภถึงอุเบกขาในจตุตถฌาน ชื่อว่า
สติ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า อุเบกขา และสติ.
             คำว่า หมดจดดี ความว่า อุเบกขาและสติในจตุตถฌานเป็นความหมดจด หมดจดดี
ขาวรอบ ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ถึงความ
ไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มีอุเบกขาและสติ หมดจดดี.
             [๔๔๗] ความดำริชอบ ตรัสว่า ความตรึกประกอบด้วยธรรม ในคำว่า ธมฺมตกฺกปุเรชวํ
ดังนี้. ความตรึกประกอบด้วยธรรมนั้น มีในเบื้องต้น มีข้างหน้าเป็นประธานแห่งอัญญาวิโมกข์
แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้จึงชื่อว่า มีความตรึกประกอบด้วยธรรมแล่นไปข้างหน้า.
             อีกอย่างหนึ่ง สัมมาทิฏฐิ ตรัสว่า ความตรึกประกอบด้วยธรรม. สัมมาทิฏฐินั้นมีใน
เบื้องต้น มีข้างหน้า เป็นประธานแห่งอัญญาวิโมกข์ แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ จึงชื่อว่า มีความตรึก
ประกอบด้วยธรรมแล่นไปข้างหน้า.
             อีกอย่างหนึ่ง วิปัสสนาในกาลเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งมรรค ๔ ตรัสว่า ความตรึกประกอบ
ด้วยธรรม. วิปัสสนานั้น มีในเบื้องต้นมีข้างหน้า เป็นประธานแห่งอัญญาวิโมกข์ แม้ด้วยเหตุ
อย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า มีความตรึกประกอบด้วยธรรมแล่นไปข้างหน้า.
             [๔๔๘] อรหัตวิโมกข์ ตรัสว่า อัญญาวิโมกข์ ในอุเทศว่า อญฺาวิโมกฺขํ สํพฺรูมิ
ดังนี้ เราขอบอก ... ขอประกาศซึ่งอรหัตวิโมกข์ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า เราขอบอกอัญญาวิโมกข์.
             [๔๔๙] ความไม่รู้ในทุกข์ ฯลฯ อวิชชาเป็นดังลิ่มสลัก ความหลง อกุศลมูล ชื่อว่า
อวิชชา ในอุเทศว่า อวิชฺชาย ปเภทนํ ดังนี้.
             คำว่า เป็นเครื่องทำลายอวิชชา ความว่า เป็นเครื่องทุบ ต่อย เครื่องทำลาย เครื่องละ
เครื่องสงบ เครื่องสละคืน เครื่องระงับ ซึ่งอวิชชา เป็นอมตนิพพาน เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า
เป็นเครื่องทำลายอวิชชา. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
                          เราขอบอก อัญญาวิโมกข์อันมีอุเบกขาและสติ หมดจดดี
                          มีความตรึกประกอบด้วยธรรมแล่นไปข้างหน้า เป็นเครื่อง
                          ทำลายอวิชชา.

               อุทยมาณวกปัญหานิทเทส

รูปฌาน ๔
             [๒๐] ดูกรคฤหบดี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุ-
*ปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุข เกิดแต่วิเวกอยู่ เธอพิจารณาอยู่อย่างนี้ ย่อมรู้ชัดว่า
แม้ปฐมฌานนี้ อันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ก่อสร้างขึ้น ก็สิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
ก่อสร้างขึ้น สิ่งนั้นไม่เที่ยง มีความดับไปเป็นธรรมดา ดังนี้ เธอตั้งอยู่ในธรรม คือ สมถะ
และวิปัสสนานั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
เพราะความยินดีเพลิดเพลินในธรรม คือ สมถะและวิปัสสนานั้น เพราะความสิ้นไปแห่ง
โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เธอย่อมเป็นโอปปาติกะ จะปรินิพพานในที่นั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้น
เป็นธรรมดา.
             ดูกรคฤหบดี ธรรมอันหนึ่งแม้นี้แล ที่เมื่อภิกษุผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปอยู่
จิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่สิ้น ย่อมถึงความสิ้นไป ย่อมบรรลุถึง
ธรรมที่ปลอดโปร่งจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบไว้ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ที่ยังไม่บรรลุ
อันพระผู้มีพระภาคผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ พระองค์นั้น ตรัสไว้.
             ดูกรคฤหบดี อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน
เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่
เธอพิจารณาอยู่อย่างนี้ ย่อมรู้ชัดว่า แม้ทุติยฌานนี้ อันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ก่อสร้างขึ้น
ก็สิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ก่อสร้างขึ้น สิ่งนั้นไม่เที่ยง มีความดับไปเป็นธรรมดา
ดังนี้ เธอตั้งอยู่ในธรรม คือ สมถะและวิปัสสนานั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เพราะความยินดีเพลิดเพลิน ในธรรมคือสมถะและ
วิปัสสนานั้น เพราะความสิ้นไปแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เธอย่อมเป็นโอปปาติกะ จะปรินิพพาน
ในที่นั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา.
             ดูกรคฤหบดี ธรรมอันหนึ่งแม้นี้แล ที่เมื่อภิกษุผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปอยู่
จิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่สิ้น ย่อมถึงความสิ้นไป ย่อมบรรลุถึง
ธรรมที่ปลอดโปร่งจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบอันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ที่ยังไม่บรรลุ อัน
พระผู้มีพระภาคผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ พระองค์นั้น ตรัสไว้.
             ดูกรคฤหบดี อีกประการหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วย
นามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้
เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข เธอพิจารณาอยู่อย่างนี้ ย่อมรู้ชัดว่า แม้ตติยฌานนี้อันเหตุ
ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ก่อสร้างขึ้น ก็สิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ก่อสร้างขึ้น
สิ่งนั้นไม่เที่ยง มีความดับไปเป็นธรรมดา ดังนี้ เธอตั้งอยู่ในธรรมคือสมถะและวิปัสสนานั้น
ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เพราะความยินดี
เพลิดเพลินในธรรมคือสมถะและวิปัสสนานั้น เพราะความสิ้นไปแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕
เธอย่อมเป็นโอปปาติกะ จะปรินิพพานในที่นั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา.
             ดูกรคฤหบดี ธรรมอันหนึ่งแม้นี้แล ที่เมื่อภิกษุผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปอยู่
จิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่สิ้น ย่อมถึงความสิ้นไป ย่อมบรรลุถึง
ธรรมที่ปลอดโปร่งจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบไว้ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ที่ยังไม่บรรลุ
อันพระผู้มีพระภาคผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ พระองค์นั้น ตรัสไว้.
             ดูกรคฤหบดี อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข
ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เธอพิจารณา
อยู่อย่างนี้ ย่อมรู้ชัดว่า แม้จตุตถฌานนี้ อันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ก่อสร้างขึ้น ก็สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
อันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ก่อสร้างขึ้น สิ่งนั้นไม่เที่ยง มีความดับไปเป็นธรรมดา ดังนี้
เธอตั้งอยู่ในธรรมคือสมถะและวิปัสสนานั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้าไม่ถึง
ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เพราะความยินดีเพลิดเพลินในธรรมคือสมถะและวิปัสสนานั้น
เพราะความสิ้นไปแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เธอย่อมเป็นโอปปาติกะ จะปรินิพพานในที่นั้น
มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา.
             ดูกรคฤหบดี ธรรมอันหนึ่งแม้นี้แล ที่เมื่อภิกษุผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีคนส่งไปอยู่
จิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่สิ้น ย่อมถึงความสิ้นไป ย่อมบรรลุ
ธรรมที่ปลอดโปร่งจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบไว้ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ที่ยังไม่บรรลุ
อันพระผู้มีพระภาคผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ พระองค์นั้น ตรัสไว้.

                        อัฏฐกนาครสูตร

#วิธีนั่งบริกรรม

 

นั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งพับเพียบก็ได้
เอาตีนขวาทับตีนซ้าย 
ตั้งกายให้ตรง แล้วก็หลับตา 
แล้วก็ดูจิต คือผู้รู้นั้นเอง จิตผู้รู้มีประจำอยู่แล้วในคนทุกคน 
ไม่ต้องไปหาที่อื่น ตั้งจิตอยู่ในจิต 
ตั้งสติอยู่ในจิต ให้จิตเป็นผู้บริกรรมเอง 
ไม่เอาอะไรมากมาย เอาพุทโธอย่างเดียว 
แล้วบริกรรมพุทโธ พุทโธ พุทโธไป 
จนจิตของเรามันสงบ ในการบริกรรมพุทโธ 
ผู้บริกรรมพุทโธอยู่ตรงไหน 
ตั้งสติอยู่ตรงนั้น ให้จิตเป็นผู้ว่าเอง
ไม่ต้องว่ากับปาก ตาของเราหลับ 
แล้วให้จิตเป็นผู้ว่าเอง
ตั้งสติอยู่ตรงนั้นบริกรรมเรื่อยไป

เวลามันสงบเราจะรู้เอง 
คือจิตมันรวม มันรวมวูบลง 
แล้วก็จิตมีอารมณ์อันเดียว 
นั่นมันสงบแล้ว แล้วถ้าจิตสงบแล้ว
เราไม่ต้องบริกรรมต่อไป 
จิตกำหนดอยู่เฉยๆ 
หมายถึงว่า จิตหลุดจากคำบริกรรมไป 
นั่นจิตมันรวม จิตมันสงบ 
แล้วเราก็ไม่ต้องหันมาบริกรรมอีก ความสงบอยู่ไหนก็ตั้งสติอยู่นั้น
แล้วกำหนดดูอาการของสมาธินั้นเป็นอย่างไร 
แล้วก็ต้องจำให้ชัดเจน จิตของเราสงบแล้ว 
นี่ให้รู้จักว่าจิตของเราสงบแล้ว
กุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวง
ก็ไปรวมอยู่ที่จิตที่สงบนั้นเอง ที่สูงสุดอยู่ตรงนี้ หาที่อื่นไม่พบ 
จิตที่สงบนั้นคือตัวบุญ 
เราต้องจำให้ชัด เวลาเรารู้ เรารู้เอง 
มันผุดขึ้นมาในจิตของเรา
ให้รู้เฉพาะตน นั่นละตัวบุญที่แท้จริง

แล้วไปหาที่อื่นไม่พบหรอกบุญ 
ต้องหาจากจิตจากใจของเรา 
ถ้าจิตของเราสงบ บุญเกิดขึ้นแล้ว 
ไม่ต้องไปหาที่อื่น หาที่อื่นก็ไม่พบ 
บุญกับบาปก็ประจำอยู่แล้วทุกๆคนนั่นแหละ 
แต่บุญคือความสุข บาปคือความทุกข์ 
ทำจิตของเราให้สงบแล้ว 
หมายความว่าเราทำบุญเกิดแล้ว

🌼🌼🌼🌼🌼
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

โกงความตายด้วยเทคโนโลยีแช่แข็ง

โกงความตายด้วยเทคโนโลยีแช่แข็ง Cryonics


โกงความตายด้วยเทคโนโลยีแช่แข็ง: เทคโนโลยีการแช่แข็งร่าง Cryonics และคำถามทางจริยธรรม

Cryonics เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใช้ในการถนอมร่างกายของคนหรือสัตว์ที่เสียชีวิตแล้วในอุณหภูมิที่ต่ำมากๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เก็บรักษาร่างกายของผู้เสียชีวิตจนเมื่อถึงเวลาที่มนุษย์เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีไปจนถึงจุดที่สามารถปลุกเซลล์ที่ตายแล้วกลับมามีชีวิตใหม่ได้

บริษัท Cryonics ตั้งอยู่ ณ มลรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นบริษัทพัฒนาและนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้จริงในเชิงพาณิชย์ โดยนอกจากจะเก็บรักษาร่างกายของผู้ที่เสียชีวิตแล้ว บริษัท Cryonics ยังให้บริการแก่ ผู้ป่วยที่มีความเจ็บป่วยจากโรคที่ไม่สามารถรักษาได้

โดยผู้ป่วยสามารถเลือกที่จะแช่แข็งตนเองและถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากพอที่จะรักษาโรคร้ายนั้นได้ บริษัทอ้างว่า “การเสียชีวิต” จึงเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการรักษา ไม่ใช่จุดจบของชีวิต

ประเด็นที่น่าสนใจคือ การจำกัดความของ “การเสียชีวิต” บริษัท Cryonics ให้คำจำกัดความของการเสียชีวิต คือ การที่สมองเกิดความเสียหายจนไม่สามารถทำงานและสื่อสารสั่งการอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ และไม่สามารถซ่อมแซมได้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปัจจุบัน ในส่วนของผู้ที่ยังไม่เสียชีวิตแต่เลือกที่จะแช่แข็งตนเองนั้น บริษัทจะไม่ใช้คำว่า “เสียชีวิต” แต่จะใช้คำว่า “deanimation” หรือการหยุดการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลง (ของทุกส่วน ทุกเซลล์ในร่างกาย)

คำจำกัดความของ “การเสียชีวิต” เปลี่ยนไปตามความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอดีต การเสียชีวิตดูจากการความล้มเหลวของการทำงานของหัวใจ แต่ต่อมา เทคโนโลยีสามารถฟื้นหัวใจที่หยุดทำงานแล้วได้หากหัวใจไม่หยุดการทำงานนานเกินไปจนสมองตาย

การทำงานของเทคโนโลยี cryonics คือการรักษาสภาพเซลส์สมองให้คงอยู่ในสภาพที่สามารถปลุกให้ฟื้นขึ้นมาได้ ด้วยการแช่แข็งสมอง (ทำได้ทั้งการแช่เฉพาะศีรษะหรือทั้งร่างกาย) ด้วยไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เนื้อเยื่อสมองที่หยุดทำงานสามารถฟื้นขึ้นมาได้หลังจากการขาดเลือดประมาณ 1 ชั่วโมง และเซลล์สมองสามารถฟื้นได้หลังจากหยุดทำงานไปแล้ว 8 ชั่วโมง ณ อุณหภูมิปกติ

ผู้ที่สนับสนุนเทคโนโลยี Cryonics เชื่อว่าในอนาคต วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะก้าวหน้ามากพอที่จะสามารถปลุกร่างที่ถูกแช่แข็งเป็นระยะเวลายาวนานได้ เทคโนโลยีนี้อาจจะทำให้คำจำกัดความของ “การเสียชีวิต” ต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

เมื่อคำนึงถึงประเด็นด้านจริยธรรมแล้ว การพยายามที่จะรักษาชีวิตและการให้โอกาสแก่ผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยและให้การสนับสนุน สำหรับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเทคโนโลยีนี้ให้เหตุผลว่า Cryonics เป็นวิทยาศาสตร์ที่อยู่บนพื้นฐานของการสร้างความหวัง ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานองค์ความรู้ที่มีจริง ผู้สนับสนุนให้เหตุผลว่า แม้จะเป็นแค่ความหวังอันเลื่อนลอยแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าการไม่มีความหวังอยู่เลย

ข้อคัดค้านที่สอง คือ Cryonics สามารถเก็บรักษาร่างกายของมนุษย์ได้ยาวนานถึงพันปี ทำให้หลายคนไม่มั่นใจว่า เมื่อวันหนึ่งวิทยาศาสตร์สามารถปลุกพวกเขาขึ้นมาได้ พวกเขาจะยังคงอัตลักษณ์ของตนเองและมีความรู้สึกนึกคิดเช่นมนุษย์ปกติได้อีกครั้ง ซึ่งผู้สนับสนุนยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้สามารถเก็บรักษาสภาพของสมอง ได้เหมือนเดิมทุกประการ ดังนั้น เมื่อสมองถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งสมองก็จะทำงานต่อเนื่องเช่นเดียวกับตอนก่อนที่จะถูกแช่แข็ง

ประเด็นขัดแย้งที่สาม จากสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่า จำนวนประชากรมนุษย์จะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี หากวันหนึ่งวิทยาศาสตร์สามารถปลุกผู้เสียชีวิตที่ถูกแช่แข็งด้วยเทคโนโลยี cryonics ปัญหาประชากรล้นโลกก็จะยิ่งแย่ลง

ประการที่สี่ การแช่แข็ง ร่างกายมีราคาที่สูงมาก การแช่แข็งร่างกายด้วยเทคโนโลยี Cryonics มีราคา 200,000 เหรียญ สหรัฐฯ สำหรับการแช่แข็งทั้งร่าง และ 80,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับการแช่เฉพาะสมอง Cryonics เป็นเทคโนโลยีที่เห็นแก่ตัว เพราะเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อคนที่มีฐานะร่ำรวย คนชนชั้นรองๆ ลงมาไม่สามารถ เข้าถึงได้ แต่ผู้ที่เห็นด้วยกับ Cryonics อ้างว่า เมื่อคำนวณผลระยะยาวแล้ว ค่าบริการอาจจะถูกมาก นับเป็น 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อวัน นอกจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติ ความจำเป็นและความ มุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ของผู้ใช้บริการด้วย ผู้ที่ใช้บริการ Cryonics ก็ไม่ต่างจากผู้ที่ยอมเสียเงินจำนวน มากๆ เพื่อรับการผ่าตัดที่ซับซ้อนในปัจจุบัน ดังนั้น การเรียกผู้ใช้บริการ Cryonics ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวจึงไม่ยุติธรรมนัก

ข้อที่ห้า เกี่ยวกับหลักประกันและการคุ้มครองสถานภาพทางสังคมของผู้ที่ถูกปลุกขึ้นจากการแช่แข็งหากวันหนึ่งวิทยาศาสตร์สามารถทำได้จริง ผู้สนับสนุน Cryonics เชื่อว่า ผู้ใช้บริการ Cryonics ควรมีสิทธิเช่นเดียวกับในตอนที่พวกเขาตัดสินใจแช่แข็ง ตนเอง พวกเขาควรจะถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ที่ล้มป่วยเพราะโรคภัยเป็นระยะยาวนาน

ข้อคัดค้านที่หก คือ เมื่อผู้ใช้บริการถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมา พวกเขาจะไม่มีเพื่อนหรือครอบครัวหลงเหลืออยู่ พวกเขาอาจจะรู้สึกเหงาได้ ซึ่งผู้ที่สนับสนุน Cryonics กลับมองว่า พวกเขาสามารถสร้างเพื่อนใหม่หรือสามารถติดต่อกับทายาทรุ่น หลังๆ ของตระกูลของเขาได้ ถ้ามองโลกในแง่บวกแล้ว การได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งเป็นสิ่งที่ดีกว่าการลาจากโลกไปอย่าถาวรอย่างแน่นอน

ข้อขัดแย้งที่เจ็ด คือ ผู้ที่ถูก ปลุกให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง อาจจะ ต้องเผชิญกับโรคร้ายที่เขามีก่อนที่จะถูกแช่แข็ง ฝ่ายสนับสนุน Cryonics ค้านว่า ผู้ที่ถุกแช่แข็ง ด้วยเทคโนโลยีนี้จะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งก็ต่อเมื่อวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีในเวลานั้นสามารถรักษา โรคร้ายที่ผู้ใช้บริการเผชิญได้

ประเด็นที่แปด เทคโนโลยี Cryonics ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการเก็บรักษาร่างเป็นระยะเวลายาวนาน
 
ประเด็นที่เก้า เทคโนโลยี Cryonics ขัดแย้งต่อความเชื่อ ที่เกี่ยวกับความตายในหลายๆ ศาสนา แต่ผู้สนับสนุนกลับเห็นว่า เทคโนโลยีนี้ไม่ต่างจากการรักษาทางการแพทย์ประเภทหนึ่งที่ช่วยรักษาให้ผู้ป่วยฟื้นหลังจากการหลับลึกเป็นระยะยาวนาน ซึ่งไม่เกี่ยวกับความตาย

ประเด็นสุดท้าย เทคโนโลยี Cryonics อาจจะเป็นการสนับสนุนการการุณยฆาต (euthanasia) เพราะบางคนอาจจะรู้สึกว่า พวกเขาควรจะแช่แข็งตนเองก่อนที่โรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อม หรือความแก่ชราจะเกิดขึ้นกับร่างกายของพวกเขา ซึ่งผู้ที่สนับสนุนอ้างว่าการป้องกันสามารถทำได้โดยใช้กฎหมาย โดยห้ามแช่แข็งร่างกายกับผู้ที่ไม่เข้าข่ายที่จำเป็น

ผู้พัฒนาอ้างว่า มีเพียง 3 เหตุผลที่จะทำให้เทคโนโลยี Cryonics ล้มเหลว คือ 1) เกิดความผิดพลาด ทั้งก่อนและระหว่างกระบวนการแช่แข็งจนทำให้ร่างกายเกิดความเสียหายไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้ หรือ สมองสูญเสียข้อมูลไป 2) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอนาคตอาจจะไม่ก้าวหน้ามากพอที่จะปลุกผู้ที่ถูกแช่แข็งไว้ได้ และ 3) เกิดภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม การล้มละลายของบริษัท และสภาพสังคมและการเมืองที่เปลี่ยนไป ซึ่งอาจจะนำไปสู่สถานการณ์ที่ทำให้การปลุกผู้ที่ถูกแช่แข็งไว้ไม่สามารถทำได้

แม้ว่า ยังมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเทคโนโลยี Cryonics แต่ได้มีผู้ที่เชื่อและมีความหวังในเทคโนโลยีนี้และมีผู้ที่ได้ใช้บริการบริษัท Cryonics จริงแล้ว

ตัวอย่างหนึ่ง ในปลายปี พ.ศ. 2559 เด็กหญิงชาวอังกฤษอายุ 14 ปี ผู้ซึ่งกำลังจะเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เธอได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นสูงเพื่อขอแช่แข็งร่างกายของเธอ โดยเธอให้เหตุผลว่า “หนูยังไม่อยากตาย หนูอยากมีชีวิตอยู่ยาวนานกว่านี้ หนูอยากมีโอกาสที่จะได้มีชีวิตอีกครั้ง”

ซึ่งในที่สุด ศาลได้ตัดสินให้แม่ของเด็กหญิงเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งเธอได้อนุญาตให้ลูกสาวของเธอได้แช่แข็งร่างกายอย่างที่ตั้งใจ ในเดือนตุลาคม 2559 หลังจากที่เธอเสียชีวิต ร่างของเธอได้ถูกแช่แข็งด้วยเทคโนโลยี Cryonics ณ ศูนย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา (บริษัท Cryonics ซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 2 บริษัทที่ให้บริการด้วยเทคโนโลยีนี้ อีกบริษัทหนึ่งอยู่ที่ประเทศรัสเซีย)

เด็กหญิงผู้นี้เป็นหนึ่งในชาวอังกฤษจำนวน 10 คน และเป็นเด็กเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตจากศาลอังกฤษให้แช่แข็งร่างกายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอได้กล่าวกับครอบครัวและญาติๆ ของเธอว่า “หนูกำลังจะตาย แต่หนูจะกลับมาในอีก 200 ปีข้างหน้า”

อย่างไรก็ตาม การศึกษาดังกล่าว ยึดติดอยู่กับทฤษฎีทางสรีรวิทยาเป็นหลัก ที่ว่า อวัยวะใดทำหน้าที่ใดๆ และมันจะ สามารถทำหน้าที่นั้นต่อไป ถ้ามันได้รับการแก้ไขหรือรักษาโดยการควบคุมปัจจัยด้านความเสื่อมตามกาลเวลาไว้ แต่ในสภาพที่แท้จริงๆ กลไกธรรมชาติหลายอย่างอาจซับซ้อนกว่าที่คิด

นั่นก็คือประเด็นในด้านของจิตวิทยา เพราะเมื่อร่างกายถูกให้หยุดทำงานไปนานแสนนาน จิต ทั้งที่ เป็นจิตวิญญาณ จิตสำนึก และจิตใต้สำนึก จะยังรอคอยการกลับมาของร่างกายไหม หรือ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ คิดแค่ว่าจิตเป็นเพียงแค่กระบวนการคิดของร่างกาย ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสรีระของสมองเท่านั้น มีจิตอยู่เมือมีกายที่ทำงานอยู่ ซึ่งหากสรุปแบบนี้ ก็ค่อนข้างจะปิดกั้นมิติของวิทยาศาสตร์อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งก็มีทฤษฎีรองรับไม่น้อย ว่าจิตนั้นติดกับกาย และก็แยกจากกายได้เช่นเดียวกัน แกนของจิตนั้นอยู่ที่หัวใจและสามารถแยกออกไปได้เมื่อกายยุติการทำงานลง

ในกรณีนี้ เมื่อร่างกายถูกหยุดสมองความ คิดถูกหยุด แต่จิตจะไปรออยู่แถวไหนดี หรือออกแนวจักต้องวนเวียนอยู่รอบๆ ห้องแช่แข็งไป และที่สำคัญ กายอยู่ในห้องเก็บที่ปลอดภัย แต่จิตจะอยู่ในที่หลบภัยแบบไหนเพื่อรอวันที่ สองส่วนจะกลับมาพบกันใหม่ ถ้าไม่มีอะไรมาชักนำให้ ไปสถิตกายใหม่ที่สดใสกว่าเก่า ตัวเบากว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น วิวัฒนาการทางสังคมและทางภาษาที่มีพัฒนาการอยู่ตลอด เวลา อาจทำให้คนที่ฟื้นขึ้นมาในอนาคต พูดจาสื่อสารกับคน อื่นไม่เข้าใจ หรือประสบปัญหาในการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ใน สังคม

POSTED IN: STNEWS_FEB18, UNCATEGORIZEDTAGGED : CRYONICS,ชีววิทยา
ost.thaiembdc.org

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...