คนบนโลกยุคนี้ มากราย หลายบุคคล และเพิ่มจำนวนมากขึ้น ที่ได้นำกำลังบุญอันตนได้สร้างไว้แต่ชาติปางก่อน มาสร้างบาปสร้างเวรมหันต์ในภพชาติปัจจุบันนี้
เช่น คนที่กำลังคดโกง ทำลายชาติบ้านเมืองของตน ทำลายไปจนกระทั่งถึงโลก ถึงจักรวาล..
คนเหล่านี้ ล้วนมีบุญแต่ปางก่อนมาทั้งสิ้น มิฉะนั้นเขาย่อมจะไม่มีกำลังทรัพย์ กำลังอำนาจ ในภพชาติปัจจุบัน
แต่การที่เขามีมิจฉาทิฐิแรงกล้านำกำลังบุญมาสร้างบาป ด้วยความรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม นั่นคืออภิมหาบาป เป็นบาปหนาสาหัสทับซ้อนกันหลายทบหลายซ้อน เป็นบาปอย่างเดียวกับพระเทวทัต ที่ได้เกิดมาในราชนิกุลแห่งศากยะอันสูงส่ง แต่แล้วจิตกลับเป็นพาล จึงนำกำลังบุญของตนแต่ชาติปางก่อนมาสร้างบาปมหันต์ในปัจจุบันชาติ เป็นบาปร้ายแรงชนิด "อนันตริยกรรม" ด้วยการ
- ทำสงฆ์ให้แตกแยกเป็นหมู่เหล่า
- ทำร้ายพระวรกายพระพุทธเจ้าอย่างประสงค์ให้สิ้นชีพ
- ยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาต เป็นต้น
จุดจบของเทวทัต ก็คือ ถูกพระธรณีสูบ ตกไปสู่ใต้ถุนอเวจีมหานรก ไม่อาจผุดเกิดมาเป็นสัตว์ชนิดใดก็ตามบนโลกได้อีก
ตราบกระทั่งพระพุทธเจ้าหลายพระองค์เสด็จมาตรัสรู้ เทวทัตก็ยังต้องจมอยู่ในอเวจีนั้นตลอดกาลนาน
แต่ยังนับว่าโชคดีที่ก่อนกายสังขารล่วงลับ เทวทัตสำนึกผิด กล่าวขอขมาต่อพระพุทธเจ้าและคณะสงฆ์ จึงยังทำให้พระเทวทัตยังมีโอกาสได้บำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ในกาลเบื้องหน้าอีกยาวไกล หลายล้านอสงไขยมหากัป
ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ที่สงสัยหนักหนาว่า คนใหญ่คนโต คนร่ำคนรวย ในยุคนี้ เหตุไฉนหนอ พวกเขาจึงไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักพอ ก่อกรรมทำชั่วอยู่ร่ำไปไม่ว่างเว้นเลย
ลูกหลานเอ๊ย.. คนพวกนี้จิตวิญญาณพอกหนาด้วยอวิชชาดำมืด ถูกมารครอบงำ เขามีบุญเก่ามาดี จึงมีทรัพย์ มีชาติตระกูล เกิดมาในชนชั้นสูงในภพชาติปัจจุบัน แต่กลับกลายเป็นคนเลวร้ายทั้งโดยโจ่งแจ้งและซ่อนเร้นแอบแฝงด้วยประการต่างๆนานา แต่ใจเขามิได้คิดดอกนะว่าตนเองเลวร้าย ยังคงเข้าข้างตนว่าเป็นคนดี คิดว่าความชั่วที่ตนเองทำอยู่นั้นเป็นความดี นี่แลคือ อวิชชา
ยิ่งเข้าข้างตนเองเช่นนี้ ยิ่งกระหายอำนาจ กระหายทรัพย์ เช่นนี้ ก็ยิ่งเพิ่มพูนมูลรากบาป-อกุศลแก่ตนหลายทบหลายซ้อน
โอกาสต่อไป แม้หากสำนึกบาป ต้องการแก้ไข แกะออก ก็จักยากยิ่งนัก
ฉะนั้น ลูกหลานจงรู้เท่าทัน แต่อย่าได้นำใจนำกายเข้าไปหมกมุ่นเกลือกกลั้วกับเหล่าคนพาลสันดานหยาบช้าดังหลวงปู่ใหญ่ได้พรรณนามาเป็นอันขาด. ด้วยพวกเขากำลังหมกหมำดำดิ่งอยู่ในอวิชชา กำลังทำบาปใหญ่ เราไปเกลือกกลั้วด้วย ย่อมจักพลอยเป็นบาปไปด้วย.
ที่สำคัญ อย่าได้กลายเป็นคนพาลอภิมหาบาปหยาบช้าชนิดนั้นเสียเอง นะลูกนะ
แล้วอารมณ์ใจลูกหลานก็จงอย่าเป็นลบ อย่ารังเกียจขยะแขยงคนชนิดนั้นด้วย. จงเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อย่างถูกต้องสอดคล้องกับกาลเทศะ. ความขุ่นข้องหมองหมางในอารมณ์จิต ก็อย่าพึงมี.. นะลูกหลานเอ๊ย ๚
ในยุคนี้ ณ กาลปัจจุบันนี้ พระสัทธรรมท่านกำลังทำหน้าที่จำแนกสัตว์ทั้งหลาย จึงมีสรรพสัตว์สำแดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นแจ่มชัดขึ้น ถ้าเลวร้ายก็เลวร้ายสุด ๆ ถ้าดีก็ดีอย่างยิ่ง เช่นกัน
เมื่อจำแนกสัตว์ได้แล้ว ท่านก็จะตัดสินชะตากรรมของโลก ว่าโลกนี้สมควรดำเนินไปสู่เบื้องสูง หรือ จ่อมจม ถล่มทลายลง สู่เบื้องต่ำ ตามน้ำหนักพฤติกรรมดี-ชั่วของสรรพสัตว์ นั่นแล ๚
--------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น