23 มิถุนายน 2563

#การสมาทานพระกรรมฐาน

     ขอให้บรรดาท่านพุทธบริษัทพึงทราบความประสงค์ของพระพุทธเจ้า การที่ท่านทั้งหลายมาสมาทานพระกรรมฐาน โดยใช้คำว่า " #อิมาหัง_ภะคะวา_อัตตะภาวัง_ตุมหากัง_ปะริจัจชามิ" แปลว่า 
 
" #ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

คำว่า"มอบกายถวายชีวิต" หมายความว่า
เราต้องการบูชาพระรัตนตรัยด้วยชีวิต
หมายความว่า 

เราจะเคารพในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และจะปฏิบัติตามพระองค์ด้วยชีวิต กล่าวคือ จะไม่ปล่อยให้จิต
ของเราตกเข้าไปอยู่ในระบบของความชั่ว ถ้าทำอย่างนี้เรียกว่าเป็นพุทธบริษัทจริง เราจะทรงความดีในระดับกามาวจรสวรรค์ก็ดี ด้านพรหมก็ตาม หรือถึงที่สุดระดับนิพพานก็ดี อย่างนี้ชื่อว่าเป็นพุทธสาวกแท้

แต่ถ้าหากว่าสมาทานพระกรรมฐานแล้ว เราไม่ยอมรับนับถือในคำสอนของพระองค์ สมาทานศีลแล้วก็เอาศีลไปเหวี่ยงทิ้ง ในด้านธรรมก็ไม่ปฏิบัติฟังคำสอนแล้วทิ้งไปอย่างนี้ แม้จะมีการบูชาสารพัดก็ตาม หรือว่ามีการถวายความเรียบร้อย บูชาด้วยธูปเทียน ดอกไม้ เครื่องสักการะคารวะบูชาผ้าสารพัดก็ตาม #ก็ยังไม่ถือว่าเข้าถึงความเป็นพุทธสาวกของพระพุทธศาสนา

ในการที่เป็นพุทธสาวกจริงๆ ก็ต้องแสดงตนและน้อมจิตใจยอมรับนับถือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ ถ้ายังปฏิบัติสูงไม่ได้ ก็ตั้งใจไว้ว่า จะปฏิบัติในด้าน #มนุษยธรรม ให้ครบถ้วน ตายจากความเป็นคนจะสามารถเกิดเป็นคนได้ทันที

ถ้าเรามีเจตนาดียิ่งกว่านั้นก็ทำ "เทวธรรม" ให้ปรากฏ
" #เทวธรรม" แปลว่า #ธรรมที่ทำให้บุคคลเป็นเทวดา มี ๒ อย่าง คือ 
▪️ #หิริ ความละอายต่อความชั่ว 
▪️ #โอตตัปปะ ความเกรงกลัวผลความชั่วที่จะมีแก่ตน 

ถ้าบุคคลใดมีใจสะอาดมีความกลัวในผลของความชั่ว ไม่ทำความชั่วทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ชื่อว่าบุคคลนั้นมี เทวธรรม เมื่อตายจากความเป็นคนก็เป็นเทวดา

ถ้ามีอารมณ์สูงกว่านั้น ก็ตั้งหน้า #ปฏิบัติพระกรรมฐาน ทรงสมาธิจิตให้เป็นฌาน และขณะที่เราจะสิ้นชีวิตนี้ไปด้วยกำลังของฌาน เข้าฌานตายก็ไปถึงพรหม

และถ้ามีความปรารถนามากไปกว่านั้นก็ทำจิตให้ดับจากอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม ยอมรับนับถือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเห็นว่าอัตภาพร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา

ตัดอารมณ์ปรารถนาในความเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม ตัดอารมณ์ที่เห็นว่าโลกมนุษย์ก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดีเป็นของสวยสดงดงาม สิ่งที่เราต้องการ คือพระนิพพาน 

มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ตัดความโลภเสียได้ ตัความโกรธเสียได้ ตัดความหลงเสียได้ อย่างนี้เราตายเมื่อใดก็ถึง #พระนิพพานเมื่อนั้น นี่ที่เรียกว่าในระดับสูงสุด

ท่านทั้งหลายได้สมาทานพระกรรมฐานแล้ว การสมาทานพระกรรมฐานที่ว่ากันอยู่ทุกวันจงอย่าถือว่าว่ากันตามประเพณี 

คำว่า" อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจัจชามิ"ซึ่งแปลเป็นใจความว่า..

"ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

คำนี้ ว่าแล้วต้องคิดไว้เสมอทุกลมหายใจเข้าออก และเขาถวายชีวิตกันยังไงถวายชีวิตแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็มานั่งนึกดูว่า ชีวิตของเราที่พระพุทธเจ้า ให้ไว้มีอะไรบ้าง ที่ให้ไว้เป็นพื้นฐานทั่วๆ ไปก็คือ

▪️๑ #สัพพะปาปัสสะ_อะกะระณัง 
เจ้าทั้งหลายอย่าทำความชั่วทั้งหมด

▪️๒ #กุสลัสสูปสัมปะทา จงสร้างแต่ความดี

▪️๓ #สะจิตตะปะริโยทะปะนัง จงทำใจของเราให้แจ่มใสจากกิเลส

#เอตัง_พุทธานะ_สาสะนัง พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า..
"พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สอนอย่างนี้เหมือนกันหมด"

เป็นอันว่า ชีวิตของเราที่ยอมมอบถวายแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาถวายกันแบบนี้ คือ
●๑. เราตั้งใจไม่ทำความชั่วทั้งหมด ที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตกล่าวไว้ว่า #อย่างไรเป็นความชั่วนั่นเราไม่ทำ

●๒. สร้างความดี ความดีที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ได้แก่ #ศีล #สมาธิ #ปัญญา

●๓. ทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส ๓ ประการ ที่เป็นรากเหง้าของกิเลสคือ #โลภะ หรือว่า #ราคะ_โทสะ_โมหะ 

#ทั้ง๓อย่างอย่าให้มีในจิตใจของเรา
#ถ้าสิ่งทั้งหลายที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่มีในจิตใจของเรา #นั่นแสดงว่าเรามอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


ที่มา
#พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน 
วัดจันทาราม(ท่าซุง)จ.อุทัยธานี
📖:พ่อสอนลูก หน้า ๑๗๓-๑๗๖
🖊:Moddam Thammawong

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...