พระปฐมชาติที่เปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิ ในชาตินี้พระโพธิสัตว์จุติจากเทวโลก มาบังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล ชื่อว่า พรหมกุมาร ได้ศึกษาไตรเพทอันเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพราหมณ์ และได้เป็นอาจารย์สอนไตรเพทแก่ลูกศิษย์ 500 คน
เมื่อมารดาและบิดาสิ้นชีพแล้ว ท่านได้บริจาคทรัพย์ทั้งหมดแก่ลูกศิษย์ จากนั้นจึงออกบวชเป็นดาบสบำเพ็ญพรตอยู่ใกล้ภูเขาบัณฑร ต่อมาลูกศิษย์ทั้ง 500 คน ก็ได้ออกบวชตามพระโพธิสัตว์ด้วย วันหนึ่งพระโพธิสัตว์และลูกศิษย์คนหนึ่ง เดินทางขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อหาผลไม้
ในขณะที่หาผลไม้อยู่นั้น พระโพธิสัตว์มองลงไปที่เชิงเขาเห็นแม่เสือตัวหนึ่งพร้อมกับลูกน้อยที่พึ่งเกิดมาได้ไม่นาน แม่เสือตัวนั้นมีร่างกายที่ผอมโซ กำลังมองลูกของตนด้วยอาการดุร้าย � พระโพธิสัตว์เห็นแล้ว ก็รู้ว่าแม่เสือนั้นจะกินลูก จึงรำพึงว่า �โอหนอ! นี่หรือชีวิตของสัตว์โลก
พระโพธิสัตว์จึงให้ลูกศิษย์ไปหาเศษเนื้อมาโดยด่วน ระหว่างท่านรออยู่นั้น พลันคิดขึ้นว่า �ร่างกายของเรานี้ปราศจากแก่นสาร ยังเกลือกกลั้วด้วยบาปอกุศลที่หมักดองใจมานานแสนนาน และร่างกายนี้เองเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลาย จึงคิดอีกว่า จะมีวิธีใดที่จะปลดเปลื้องความทุกข์นั้นได้ จึงทราบชัดว่ามีแต่เพียงบารมีเท่านั้น ที่จะช่วยตนและสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้�
เมื่อพระโพธิสัตว์พิจารณาเห็นอย่างนี้แล้ว จึงคิดว่า �บัดนี้ เราจักให้สรีระของเรากับทั้งชีวิตนี้เป็นทานแก่เเม่เสือตัวนั้น แล้วได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า �ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมเป็นเครื่องพ้นจากทะเลแห่งทุกข์ในอนาคต ขอให้ข้าพเจ้าได้ช่วยสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร
และได้เปล่งวาจาว่า �ข้าแต่ทวยเทพทั้งหลาย ผู้สถิตอยู่ ณ ทั่วทุกแห่งหน ขออัญเชิญมาประชุมรวมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นพยานแห่งการตรัสรู้ธรรมของข้าพเจ้าในภายภาคหน้าด้วยเถิด จากนั้นพระโพธิสัตว์ก็ทิ้งตัวลงจากยอดเขา เเม่เสือเห็นร่างพระโพธิสัตว์ที่ตกลงบนพื้นแล้ว ก็กระโจนเข้ามากินสรีรทานของท่าน ส่วนพระโพธิสัตว์ผู้ละโลกแล้วก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลกด้วยกุศลกรรมนั้นเอง
จะเห็นว่าพระโพธิสัตว์มีนํ้าพระทัยที่เด็ดเดี่ยว อาจหาญอย่างยิ่งยวด มิได้ทรงอาลัยใยดีต่อร่างกายและชีวิตเลยแม้แต่น้อย พระองค์ยอมสละชีวิตเข้าแลกกับพระโพธิญาณอย่างนี้มาจนนับครั้งไม่ถ้วน และนับจากชาตินี้เป็นต้นไปพระองค์ยังต้องใช้เวลาสร้างบารมีอีก 9 อสงไขยกัป จึงได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกจากพระทีปังกรพุทธเจ้า
ที่มา
อ้างอิงจาก : พระเทพมุนี (วิลาส ญาณวโร) (ม.ป.ป.).ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า.หน้า 108-112.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น