พระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้เคยเล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า เมื่อประมาณ
ปี พ.ศ. 2484 ท่านได้มีโอกาสเดินธุดงค์ไปถึงป่าแถบเมืองเชียงตุง ได้พบเจดีย์ยอดด้วนองค์หนึ่ง เป็นเจดีย์เก่า อยู่ใกล้ต้นยางใหญ่ ท่านและเพื่อนสหธรรมิกร่วมธุดงค์ด้วยกันอีก
สองรูปตัดสินใจว่าจะอาศัยเขตเจดีย์เป็นที่จำวัด เนื่องด้วย
รอบบริเวณนั้นมีต้นไม้ใหญ่เป็นที่ร่มรื่นและอยู่ใกล้ภูเขา เมื่อท่านเดินเข้าไปใกล้องค์เจดีย์ ก็ปรากฏพระภิกษุรูปหนึ่งออกมาต้อนรับท่านและคณะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ถามพระคุณเจ้ารูปนั้นว่าอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ ท่านตอบว่าอยู่นานแล้ว ถามว่าแถบนี้มีบ้านเรือนผู้คนหรือไม่ ท่านตอบว่าไม่มี จึงถามว่าแล้วอาหารบริโภคของพระคุณเจ้าได้มาจากที่ใด ท่านตอบว่าได้มาจากบ้าน ท่านเดินจนชินแล้ว จะไกลเพียงใดท่านเดินสักพักหนึ่งก็ถึงแล้ว
พอเวลาเช้า พระคุณเจ้ารูปนั้นก็ห่มจีวร สะพายบาตรเดินออกไปหลังเขา หายไปสักสิบกว่านาที ก็กลับมาพร้อมกับอาหารหลายอย่าง มาอยู่กับท่าน 2-3 วัน ท่านก็ออกบิณฑบาตมาเลี้ยงทุกวัน
เมื่ออาศัยอยู่กับท่าน ก็ได้คุยกันในฐานะนักปฏิบัติด้วยกัน
รู้สึกว่าท่านมีความรู้ดีมาก มานั่งนึกในใจว่า นี่เราพบ
พระอรหันต์เข้าแล้วหรือนี่ พอนึกเพียงเท่านี้ ท่านก็ยิ้ม
บอกว่านึกอย่างนั้นไม่ถูก เราไม่ควรนึกว่าคนอื่นเขาจะเป็นอะไร ใครเขาจะเป็นอะไรก็ช่างเขา ข้อสำคัญเราชำระจิตใจของเราให้สะอาดเป็นพอ
วันที่ลาท่านกลับ ท่านถามว่าจะไปไหน ก็ตอบไปว่าตั้งใจจะไปขึ้นรถไฟที่ลำปาง ท่านก็ชวนออกมานอกถ้ำที่ท่านอาศัยอยู่ แล้วชี้ให้ดูยอดเจดีย์ บอกว่าเจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์เก่ามาก ต่อจากนี้ไป ถ้าจะมาเยี่ยมเยียนท่าน ก็ให้สังเกตยอดเจดีย์ให้ดี เจดีย์ตั้งอยู่ตรงนี้ เขาตั้งอยู่หลังเจดีย์ แล้วต้นยางต้นนี้ตั้งอยู่ด้านขวาของเจดีย์ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ท่านชี้ให้ดูยอดเจดีย์จนเพลิน แล้วจู่ ๆ ท่านก็พูดว่า ถึงสถานีลำปางแล้ว
พอท่านพูดขึ้นมาว่าถึงสถานีลำปางแล้วเท่านั้น ก็มองเห็นรถไฟวิ่งไปวิ่งมา กำลังสับเปลี่ยนราง ก็ตกใจ พูดคุยกันเบา ๆ กับเพื่อนสหธรรมิกว่า พระองค์นี้เป็นพระอรหันต์ทรงปฏิสัมภิทาญาณ เพียงพูดกันเบา ๆ เท่านั้น ท่านก็หันมายิ้ม เตือนอีกว่าอย่าสนใจกับคนอื่นสิขอรับ สนใจใจของท่านเองดีกว่า ชำระจิตให้สะอาดเป็นดี คนอื่นจะดีจะชั่วก็เรื่องของเขา
เมื่อถึงสถานีรถไฟลำปาง ท่านก็พาแวะเข้าไปในร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อฉันเสร็จ เจ้าของร้านก็บอกว่ามีเจ้าภาพชำระค่าอาหารให้แล้ว เมื่อจะขึ้นรถไฟ ก็มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถวายตั๋วรถไฟมาลงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรงตามที่พระคุณเจ้าท่านบอกไว้ล่วงหน้าทุกประการ เป็นเรื่องอัศจรรย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น