"..อาตมาพยายามหาวิธีสอนวิชา "#มโนมยิทธิ" ที่ง่ายที่สุดและมีผลสม่ำเสมอกัน เพื่อให้บรรดาพุทธบริษัทเห็นสวรรค์ เห็นพรหมโลก เห็นพระนิพพาน เห็นนรก เปรต อสูรกายได้ รู้อดีตรู้อนาคตได้ และเป็นการพิสูจน์ว่า "#ตายแล้วไม่สูญ" ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดก็ยังต้องเกิดอีก อาตมาพยายามหาวิธีนานถึง ๒๓ ปี เพราะถ้านำวิธีที่ปฏิบัติสมัยบวชอยู่กับหลวงพ่อปานมาสอน ก็จะฝึกได้ยากมาก ต้องมีกำลังใจเข้มแข็งและใช้เวลานานมาก เป็นการฝึกแบบเอากายเนื้อขึ้นไปข้างบน ไม่ใช่เอาจิตคืออทิสสมานกายขึ้นไปอย่างการฝึกมโนมยิทธิในปัจจุบัน แค่การฝึกแบบเต็มกำลังก็ยังทำได้ยากสำหรับบางท่าน ความรู้การฝึกมโนมยิทธินี้อาตมาได้มาจาก #อาจารย์สุข ซึ่งเป็นฆราวาส เวลานั้นอาจารย์สุขก็ยังดื่มเหล้าอยู่ ต่อมาวันหนึ่งอาตมาได้เห็นคนที่ดื่มเหล้าในวงเดียวกันเกิดท้าทายกันขึ้นมาว่า
คนในวงเหล้า "ไอ้สุข เขาว่ามึงสอนคนไปสวรรค์ ไปนรกได้ใช่ไหม?"
อาจารย์สุข "ใช่"
คนในวงเหล้า "กูไม่เชื่อว่าสวรรค์มี นรกมี และกูก็ไม่เชื่อความสามารถในคำสอนของมึง"
อาจารย์สุข "ถ้าหากว่ากูสอนให้มึงเห็นนรกได้หรือว่าเห็นสวรรค์ได้ มึงจะยอมเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดไหมล่ะ"
คุณในวงเหล้า "ถ้ามึงทำให้กูไปไม่ได้ มึงต้องเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดด้วยนะ"
เป็นอันว่า อาจารย์สุขก็สั่งให้หาดอกไม้มา ๓ ดอก ดอกละสี ธูป ๓ ดอก เทียนหนัก ๑ บาท ๑ เล่ม เงิน ๑ สลึง เป็นค่ายกครู หลังจากนั้นอาจารย์สุขก็ไปกลิ้งครกตำข้าวมา แล้วให้คนนั้นนั่งบนครกตำข้าวแล้วก็ให้ภาวนาว่า "นะมะ พะธะ" หลังจากนั้นท่านก็พรมน้ำมนต์ เมื่อพรมเสร็จแล้วท่านก็ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วท่านก็ภาวนาว่า "นะโมพุทธายะ" เป็นการควบคุม สักครู่หนึ่งท่านก็เอาธูปหอมมาจุดให้ควันธูปโรยใกล้ๆจมูกคนนั้นให้ได้กลิ่นหอม แล้วเอากระดาษจุดไฟช่วยแสงสว่างไปส่องข้างหน้า แล้วท่านก็ถามว่า
อาจารย์สุข "สว่างแล้วหรือยัง"
คนฝึก "สว่างแล้ว"
อาจารย์สุข "เห็นแสงขาวๆพุ่งลงมามีไหมหรือแสงสว่างพุ่งออกไปมีไหม"
คนฝึก "เห็นแสงสว่างพุ่งลงมาจากข้างบน"
อาจารย์สุข "ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจพุ่งกายไปตามแสงทันที"
คนฝึก "เวลานี้ออกจากกายแล้ว"
อาจารย์สุข "ถ้าอย่างนั้นตั้งใจไปนรก"
คนฝึก "เวลานี้ถึงนรกแล้ว และก็อธิบายความเป็นไปของนรกได้ถูกต้องตามไตรภูมิ แล้วก็ร้องบอกว่า อยากพบคุณปู่ที่ตายไปแล้ว"
อาจารย์สุข "นึกถึงท่านพระยายมราช เชิญท่านมาสงเคราะห์"
คนฝึก "เวลานี้ท่านพระยายมราชมายืนข้างๆแล้ว"
อาจารย์สุข ให้ถามท่านว่า "คุณปู่ชื่อนี้ตายไปเมื่อใด เวลานี้อยู่ในนรกไหม"
คนฝึก "ท่านพระยายมราชบอกว่า ในนรกไม่มีคนนี้และคนนี้เมื่อมีชีวิตอยู่มีความดีมากคือ"
๑) คนนี้มีศีล ๕ ครบถ้วนมายาวนานเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี
๒) มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง
๓) คนนี้มีจิตอยากจะไปพระนิพพาน
อาจารย์สุข ให้ถามท่านพระยายมราชว่า "ท่านไปพระนิพพานหรือยัง"
คนฝึก "ท่านพระยายมราชบอกว่า ยัง คนนี้ไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตเพราะก่อนจะตายเป็นพระโสดาบัน" และได้ถามว่า "พระโสดาบันมีความประพฤติอย่างไร"
#อารมณ์พระโสดาบัน
ท่านพระยายมราชก็บอกว่า
๑) #มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้มันจะต้องตาย #คือไม่ประมาทในความตาย
๒) #เคารพในพระพุทธเจ้า #พระธรรม #และพระอริยสงฆ์จริง
๓) #มีศีล_๕_บริสุทธิ์
๔) #คิดต้องการจุดเดียวคือ #พระนิพพาน
ท่านพระยายมราช ถ้ามีความประพฤติอย่างนี้ เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว บาปกรรมทั้งหมดจะไม่สามารถจะลงโทษอีกต่อไป ถ้าไปถึงพระนิพพานไม่ได้ อย่างชั้นดุสิตต่อไปก็สามารถฟังเทศน์จากพระศรีอาริยเมตไตรย์จบเดียว ก็เป็นพระอรหันต์ไปพระนิพพานเลย
คนฝึก "คนอย่างผมจะเป็นพระโสดาบันได้ไหม"
ท่านพระยายมราช "อย่างนี้มันเป็นไม่ได้หรอก มันต้องเป็นสัตว์นรก เพราะการที่จะมานี่ก็กินเหล้ามา เหล้านี่กินเฉยๆไม่มีโทษอย่างอื่นเลย ก็ต้องตกยมโลกียนรกแล้ว" พร้อมทั้งชี้ให้ดูนรก
คนฝึกร้อง "ว๊าก ตายแล้ว"
ท่านพระยายมราช ถ้ากินเหล้าแล้วโกหกมดเท็จด้วย ก็ยังมีอีกขุมหนึ่ง ถ้ากินเหล้าแล้วทำร้ายคนอื่นด้วยก็มีอีกขุมหนึ่ง ถ้าบาปหนักกว่านี้ก็ต้องลงนรกขุมใหญ่ อันนี้เป็นนรกเล็กๆเศษๆนรก เขาเรียกว่า "#ยมโลกียนรก"
คนฝึกก้มลงกราบท่านพระยายมราชแล้วบอกว่า "ถ้าผมจะเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์และปฏิบัติตามอย่างปู่จะไปเหมือนปู่ได้ไหม"
ท่านพระยายมราช "ได้ ทำไมจะไม่ได้ ให้ทำดังนี้
๑) ให้ลืมความชั่วทั้งหมด ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดเลิกกัน ไม่คิดถึงมัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
๒) ไม่ลืมคิดว่า สักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตาย
๓) ถ้าเราตายแล้วจะไม่ยอมมานรกอย่างที่ยืนอยู่ที่นี่เพราะมันทุกข์เราไม่ต้องการ ถ้าไปสวรรค์หรือไปพรหมหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องพุ่งหลาวลงนรกเพราะบาปเก่าที่มีอยู่ ฉะนั้นเราต้องการมุ่งไปจุดเดียวคือ ไปพระนิพพาน อารมณ์อย่างนี้ถ้าทรงตัวเขาเรียกว่า #พระโสดาบัน
รวมความว่า ท่านคุยกันอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ คนฝึกคนนั้นก็ถอนตัวกลับ แล้วลุกขึ้นกับอาจารย์สุข และก็มอบเงินค่าเหล้าให้ แล้วจึงหันมาบอกอาตมาว่า "นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขึ้นชื่อว่าศีล ๕ ผมจะมีครบถ้วน และผมจะไม่ลืมความตาย ผมเห็นนรกแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ผมกินเหล้าหน่อยเดียวคนในนรกเบรกกันครึ่บๆ"
ปรากฏว่านับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาจารย์สุขก็เลิกกินเหล้าเหมือนกันและก็ไม่ละเมิดศีล ๕ อาศัยคนฝึกคนนั้นเป็นเหตุ ความจริงอาจารย์สุขท่านทำได้น่าจะเลิกดื่มเหล้าได้ แต่บางครั้งการทำความดีก็ขึ้นอยู่กับกาลเวลาของแต่ละคนว่ากุศลกรรมจะส่งผลเมื่อใด เมื่ออาตมาเรียนจากอาจารย์สุขแล้วในปี ๒๕๐๘ ก็นำมาสอนคนไปได้มาก.."
ที่มา
คัดลอกจากหนังสือ
ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน (หน้าที่ ๑๒๗-๑๒๙)
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
🙏🙏🙏
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น