รังสีออร่า (Aura) พลังงานแห่งชีวิตมันไม่ใช่อภินิหารย์ แต่เป็นปรากฎการณ์ประหลาด
มหัศจรรย์ ที่วิทยาศาสตร์ชาวโลกยังหาคำตอบที่เหมาะสมมิได้.?...
Aura หรือการเปล่งรังสีแสงพลังงานแห่งชีวิต หรือ รัศมีเรืองรองบางอย่างออกมารอบๆ ตัวเรา อาจจะเป็นแสงเรืองสีต่างๆ กัน ซึ่งตาเนื้อของเราจะมองไม่เห็น แต่สามารถมองเห็นได้ด้วยเครื่องมือบางอย่าง และ มองเห็นได้ด้วย "ทิพย์จักษุ" สำหรับผู้มีญาณขั้นสูง
การเปล่งรัศมีเหล่านี้มีความเข้มข้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะปรากฎเข้มข้นเฉิดฉายมากในบุคคลที่มีการพัฒนาการทางจิตอย่างสูง และ รองลงมาจะมีรังสีแจ่มกระจ่างในบุคคลที่มีจิตใจอยู่ในสภาวะปิติ เบิกบานใจอยู่เสมอ
ปรากฎการณ์รังสีออร่า จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางจิต วิญญาณเสียเป็นส่วนใหญ่
คุรุฯ ทางด้านการเข้าฌาณขั้นสูงได้จำแนกลักษณะของรังสีออร่าของมนุษย์ไว้ 5 แบบด้วยกัน กล่าวคือ...
1 สุขภาวะรังสี
2 กรรมรังสี
3 ชีวรังสี
4 บุคลักษณะรังสี
5 วิญญาณรังสี
นอกจากนี้สีสันของรังสีออร่ายังเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอารมณ์ เช่น สีแสด ส้ม จะเกิดเมื่อมีอารมณ์โกรธ หรือ เกลียด หรือถูกกดดันจนทำให้เกิดความเครียดขึ้นในจิตใจ
สีแดงเข้มคลํ้าจะเกิดขึ้นเมื่อมีอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ หรือ อยู่ในโทสะจริต หรือ กำลังลุ่มหลงด้วยโลภราคะ
สีนํ้าตาลจะปรากฎขึ้นเมื่อเกิดอารมณ์ตระหนี่ถี่เหนียว หรือ เกิดความงกขึ้นในใจ ความหึง
หวง
สีแดงดอกกุหลาบจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในอารมณ์แห่งความรัก ความใคร่ทางกามารมณ์
สีเหลืองจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในอารมณ์เป็นกลางหรือในขณะใช้ความคิดทางสติปัญญา
สีม่วงจะปรากฎออกมาเมื่อเกิดอารมณ์ที่สงบเงียบ ปลีกวิเวก
สีนํ้าเงินจะปรากฎได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในอารมณ์มีความเชื่อมั่น และ มีจิตศรัทธากับสัจจธรรม
บางอย่างในศาสนาที่ตนนับถือ หรือ กำลังสร้างบุญกุศลความอิ่มอกอิ่มใจออร่านั้นก็จะปรากฎสีนํ้าเงินนี้ขึ้นมา
สีเขียวจะปรากฎเกิดขึ้นมาถ้ามีอารมณ์อิจฉา ริษยา
แต่คุรุฯ ผู้มีญาณยังเคยเห็นสีของออร่าอื่นๆ ยืนยันได้ว่า "ออร่า" ของคนใกล้ตายจะเปล่งรังสีออกมาเป็นสีเทาทึบๆ คล้ายหมอกควันดำ และ และ ออร่าสีเทาดำนั้นจะเป็นสีที่เกิดขึ้นก่อนที่จิตจะสละร่างเนื้อออกไป
ว่ากันว่า "ฉันทพรรณรังสี" จะประกอบไปด้วยแสงรังสี 6 สี กล่าวคือ สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน สีเหลืองเหมือนหรดาลทองแดงเหมือนคล้ายตะวันอ่อนๆ ยามเช้า สีขาวเหมือนแผ่นเงิน สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่สีแดงนั่นล่ะ และ สีประภัสสรคือ คล้าย
เลื่อมพรายแวววาวคล้ายสีในผลึกแก้ว
รังสีออร่ายังสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่างๆ ได้ ในยามที่คนเราได้รับแรง
กดดัน หรือ อยู่ในสภาวะตึงเครียด ฉะนั้น มันจึงไม่มีความหมายที่พวกเราจะไปตระหนักรู้
ไปที่รังสีของออร่า แต่พวกเราควรจะรู้วิธีที่จะทำให้ พลังของรังสีออร่าให้เป็นคลื่นพลัง
งานที่ใหญ่โตขึ้น ตรงนี้แหละที่มันมีความหมาย...
วิธีการ เช่น การนั่งสมาธิสามารถปรับสมดุลออร่าของกายเนื้อเราได้ แต่พ่อมีวิธีการที่ดี
กว่า ง่ายกว่านั้น และ เป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อน สิ่งที่พ่อว่านั้น คือรอยยิ้มของพวกเรานั่นเอง
ง่ายมากใช่ไหม แต่ต้องไม่ใช่รอยยิ้มที่เสแสร้งแกล้งทำขึ้นมานะ
แต่พวกเราจะต้องรู้สึกสนุกสนานจริงๆ และ มีความสุขจริงๆ มันก็จะเกิดรอยยิ้มที่เป็น
ธรรมชาติขึ้นมา เมื่อพวกเรายิ้มอย่างจริงใจ ออร่า รอบๆ ตัวของพวกเราก็จะเปล่งประกาย
แวววาว และ
เมื่อพวกเรามองรอยยิ้มของคนอื่นเราก็จะมีความสุขตามไปด้วย เพราะสวิทซ์อารมณ์ของ
เรานั้นอยู่ในร่างแสงรังสีออร่านั้นเอง แล้วเราก็จะสัมผัสกับพลังงานนั้น และ ร่วมสั่นสะเทือนไปด้วยกันนั้นด้วย แต่สีออร่า ณ.ตอนนั้น...
ก็จะเหมาะสมกับตัวตนเราเป็นที่สุด เพราะความสว่าง และ การเปล่งประกายนั้นสำคัญกว่า
ไม่ว่าออร่าของพวกเราจะเป็นสีไหนก็ตามแต่เถอะ ฉะนั้นอย่าไปเครียดกับสีออร่าต่างๆ
ฉะนั้น พ่อจึงอยากให้พวกเราใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยรอยยิ้มเพื่อเติมเต็มหัวใจของพวกเรา
ให้มีความสุข
นี่แหละก็จะเป็นตัวตนของเราที่แท้จริง เพราะจะเป็นการมีตัวตนอยู่ที่มีประสบการณ์ความ
ความสวยงาม รังสีออร่าของเราก็จะเปล่งประกายแวววาว และ งดงาม สื่งดีๆ ทั้งหลาย
ก็จะหลั่งไหลมาสู่ตัวตนเราเอง...
ที่มา
Teucer Rom...
แสงสว่าง มองการไกล....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น