คนที่ละสังโยชน์ ๓ ได้แล้วยังมีอารมณ์เป็นปกติเหมือนชาวบ้านธรรมดา ไม่ใช่ทำตนเลอเลิศเป็นพระอิฐพระปูน เพราะการทรงตนเพียงศีล ๕ หรือกรรมบถ ๑๐ ขอกล่าวรวมทั้งศีล ๕ และกรรมบท ๑๐ คือ
(๑). ห้ามฆ่าสัตว์ให้ตาย ถ้าบังเอิญสัตว์ต้องตายเพราะการกระทำที่ไม่
ตั้งใจ ศีลไม่ขาด ไม่ห้ามโกรธ แต่ห้ามฆ่า
(๒) ห้ามถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่นที่เจ้าของไม่ให้ด้วยความเต็มใจ
(๓) ไม่แย่งสามีภรรยาของผู้อื่นถ้าไม่รู้มาก่อนไม่เป็นไรยังมีสามีภรรยาได้ตามปกติ
(๔) ห้ามพูดปดพูดคำหยาบ พูดยุให้เขาแตกกัน พูดเลอะเทอะไร้สาระ
(๕).ห้ามดื่มสุราเมรัยเพื่อความมึนเมา สุราที่ผสมยาไม่ห้าม
(๖) ห้ามอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่นทางใจ เพราะใจชั่ว
(๗) ห้ามจองล้างจองผลาญ คิดประหัตประหารเขา ข้อนี้โกรธได้ แต่
"อย่าจองเวรจองกรรม เพราะทำให้อารมณ์เศร้าหมอง ลงอบายภูมิง่ายเกินไป
(๘) มีอารมณ์ไม่คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าอะไรว่าตามกัน
ด้วยการใช้ปัญญาพิจารณาคำสอน เห็นว่ามีสิ่งไหนพอที่จะทำได้เราทำตาม
สิ่งไหนเกินกำลังปัจจุบันรอไว้ก่อน แต่สังโยชน์ ๓ ประการนี้รอไม่ได้ ต้องกำจัดกันทันทีทันใดขั้นเด็ดขาด
สำหรับภิกษุสามเณรต้องระมัดระวังตัวให้มาก ท่านมีสิกขาบทมากกว่าฆราวาส ถ้าท่านทำได้ตามที่กล่าวมาแล้วเท่าที่เขียนนี้ สภาพความเป็นเณรเป็นพระของท่านไม่เหลือ แต่ถ้าทำไม่ได้ตามนี้ยิ่งเลวเกินที่ชาวบ้านจะขุนด้วยน้ำข้าว ขอให้รักษาสิกขาบทที่ท่านจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนและมีจริยาภายนอกอย่างหยาบตามนี้ ญาติโยมก็ควรไหว้ได้ แต่ถ้าเลวกว่านี้ จงอย่าไหว้เลย
แม้แต่ขุนด้วยน้ำข้าวก็จงอย่าขุน เพราะเลวเกินไป ไม่ทำลายเฉพาะตนทำลายพระพุทธเจ้าและพระศาสนาด้วย ช่วยให้ชาวบ้านตกนรก ขอให้ประพฤติตนให้สมควรแก่ฐานะที่เป็นคนที่ชาวบ้านถวายความเคารพ
🖊️📖หนังสือ พ่อสอนลูก(เล่มสีทอง)
หน้าที่ ๓๕๖~๓๕๗
🙏🙏พระธรรมคำสอน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
🖊️นภา อิน 🙏🙏😊😊🌿🌿
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น