การภาวนานี้คือยาแก้กิเลส เวลามันยุ่งมาก เราจดจ่อทางคำภาวนาของเราให้มาก เช่นพุทโธ ใครชอบคำไหนก็ตาม ตามแต่จริตนิสัยชอบ พุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ หรือธรรมบทอื่นใดก็ตาม ขอให้ถูกกับจริต ให้นำมาบริกรรม ให้จิตเกาะอยู่กับคำบริกรรมนั้น ให้รู้อยู่กับนั้น เช่นพุทโธๆ ก็ให้รู้อยู่กับพุทโธ สติควบคุมอยู่นี้ มันอยากคิดไปไหน บังคับไว้ไม่ให้คิด คำว่าอยากคิดคือกิเลสละมันลากออกไป ให้อยากๆ นี่ละกำลังของกิเลส มันอยากให้คิดนั้นคิดนี้
.
มันอยากเราก็ไม่ออกไป เราบังคับไว้ไม่ยอมให้มันออก นี่เรียกว่าบังคับกัน ในเบื้องต้นเป็นอย่างนั้น บังคับไม่หยุด เอ้าทางนั้นอยากมาก ทางนี้ตั้งใจบังคับมากเข้า สักเดี๋ยวสู้ทางธรรมไม่ได้ แล้วค่อยสงบเข้ามา สงบเข้ามาแล้วแน่วนิ่งนะ สงบแน่ว ความคิดความปรุงที่เป็นเรื่องของกิเลสสงบตัวไปด้วยอำนาจของการภาวนา นี้แหละที่เรียกว่าน้ำดับไฟ คือจิตฟุ้งซ่านรำคาญ ผสมกับกองทุกข์ไปในขณะเดียวกัน เราภาวนาบีบบังคับ พอจิตสงบมันก็เป็นน้ำดับไฟ ใจสบาย โล่ง พากันจำทุกคน
.
นี่แหละแก่นของศาสนาพุทธ พุทธศาสนาของเราอย่างแท้จริงคืออันนี้เอง นี่ละแก่นศาสนา รากแก้วของศาสนาคือการภาวนา ทีนี้เวลามันได้เท่านั้นละ จิตนี่มันจะผูกพันของมันอยู่ภายใน เป็นอารมณ์พออกพอใจอยู่ภายในตัวเองนั่นละ อย่างที่เราเรียนหนังสือหรือทำงานอะไรอยู่ก็ตาม จิตมันจะอยู่ในนี้ ผลที่เคยได้เคยสงบ ถึงมันจะไม่สงบมันก็เป็นอารมณ์กับความสงบ ที่เคยมีและผ่านไปแล้วนั้นอยู่นั่นแล ทีนี้จิตก็ค่อยตีตะล่อมเข้ามาและค่อยสงบ นี่ละที่สาระสำคัญเห็นได้ชัด ในร่างกายของเราทั้งหมดไม่มีอะไรเป็นสาระ มีจิตดวงรู้นี้เท่านั้นเป็นสาระ ยิ่งรู้เด่นเท่าไร ยิ่งเป็นสาระ ยิ่งแปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นเป็นลำดับลำดา
.
ทีนี้มันก็จ้าขึ้นละซิ เมื่ออบรมบำรุงรักษาตลอด ไม่ให้กิเลสมาทำลาย เมื่อเจ้าของรักษาตลอดเวลาจิตก็ค่อยแคล้วคลาดปลอดภัยไป ความสงบเย็นใจก็มีหนาขึ้นๆ สว่างไสว นี่ละมันสว่างตรงนี้นะ
.....................................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาสณ วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ (ค่ำ)
"ภาวนาคือยาแก้กิเลส"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น