ปาราชิก 4 : ข้อ 4 ห้ามอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน
ในสมัยพุทธกาลมีเรื่องอยู่ว่า…..
ช่วงเข้าพรรษาในสมัยนั้น สาวกของพระพุทธเจ้าก็แยกย้ายกันไป จำพรรษาตามโคนต้นไม้ ตามป่า ตามเขาเพื่อปฏิบัติธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน ซึ่งในสมัยนั้นการที่พระจะบิณฑบาตแล้วได้ข้าวมาฉันให้อิ่มท้องนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะในสมัยนั้นชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆก็ยังไม่รู้จักศาสนา แต่ก็มีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งวางแผนหลอกชาวบ้านเพื่อให้ชาวบ้านถวายข้าวและอาหารให้กินอิ่มท้อง จึงออกอุบายว่า ให้ไปโกหกชาวบ้านว่า พระมีอิธิฤทธิ์ สามารถมองเห็นอนาคต สารพัดที่พระกลุ่มนั้นจะหลอกเอาอาหารมาจากโยมได้ ทำให้พรรษานั้น พระกลุ่มนั้นอิ่มหนำสำราญเลย พอถึงเวลาที่พระแต่ละกลุ่มที่แยกย้ายกันไปจำพรรษาต่างสถานที่ ต้องกลับมารวมที่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็สังเกตว่า พระกลุ่มอื่นๆ ผอม แห้ง ดูไม่ค่อยแข็งแรง เหมือนคนไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน และพระพุทธเข้าก็สังเกตพระกลุ่มหนึ่ง ดูอวบ อ้วน ดูมีเนื้อมีหนัง ซึ่งต่างจากพระทุกกลุ่มเลย พระพุทธเจ้าจึงถามพระกลุ่มนั้นว่า เธอไปทำด้วยวิธีไหนมา ถึงได้รับการใส่บาตรจากโยม พระกลุ่มนั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พระพุทธเจ้าฟัง พระพุทธเจ้าก็บัญญัติสิกขาบทข้อนี้ขึ้นมา คือ ห้ามอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน และพระพุทธเจ้าก็เปรียบพระกลุ่มนี้ว่า เป็นมหาโจร 5 ประเภทด้วย
เพิ่มเติม….
ถ้าพระใหม่มีโอกาสได้อ่านพระวินัย จะทราบดีว่า อุตริมนุสธรรม นั้นแบ่งด้วยกัน 2 หมวด คือ
- ฌาน 4 ก็คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และ จตุตถฌาน
- โลกุตตรธรรม ก็คือ มรรค4 ผล4 นิพพาน1
“ข้อห้าม” ใกล้ตัวในยุคปัจจุบัน
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่านี้ อุตริมนุสธรรม นั้น ก็คือ ฤทธิ์เดช หรือเป็นสิ่งที่เราไม่มี ไม่สามารถทำได้ แล้วเรามีเจตนา “อวดอ้าง” ว่าเราทำได้ (ย้ำว่า ต้องมีเจตนาอวดอ้างจริงๆ) จึงจะถือว่า ผิดศีลข้อนี้
ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น