🌹🌻โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน🌻🌹
"🌷🌻.ตามวิธีโบราณาจารย์ท่าน สอนไว้อย่างนี้นะว่า วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิด หรือวันสำคัญของเรา
🌹🌻" ใส่บาตร "🌻🌹
🌷วันไหนก็ได้ทำกับข้าวพิเศษ ตามที่เราพอใจ เท่าที่ทุนจะพึงมี จัดใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีสตางค์สร้างพระพุทธรูปสัก ๑ องค์
🌹🌻" สร้างพระพุทธรูป "🌻🌹
.🌷พระพุทธรูปนี่จะเป็นพระดิน เหนียวก็ได้เป็นพระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนพลาสเตอร์ก็ได้ หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้ว อานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายเป็นสมบัติของสงฆ์
🌹🌻" ปล่อยสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่า "🌻🌹
.🌷หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่าตายอย่างที่เขานำมาเพื่อแกง หรือที่เขาทอดแห สุ่มปลาได้ มีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสัก ๒ ตัวตามกำลัง(ตามกำลังทรัพย์) แล้วปล่อยไป
.🌷และก็อุทิศส่วนกุศลส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาผู้รักษาชีวิต
ท่านบอกว่าถ้าทำเป็นนิจคำว่า " อุปฆาตกรรม " คือกรรมที่เข้าลิดรอน ก่อนอายุขัยก็ดี และ " อกาลมรณะ "คือกรรมที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มี สำหรับ ผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ถ้ากรรมอย่างนี้เข้ามาถึง แค่ป่วยไม่มาก ก็เป็นธรรมดา
🌹🌻.ด้านอนุสติ.🌻🌹
🌷🌻.เรื่องการต่ออายุ มีในพระพุทธศาสนา แต่ว่าวิธีการต่ออายุของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าเดี๋ยวนี้ก็จ่ายหนักอยู่เหมือนกัน เอาพระไปสวดตั้ง ๗ วัน เรื่อง การต่ออายุขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเดี๋ยวนี้ที่ทำกันก็จ่ายหนัก อยู่เหมือนกันนะ เอาพระไปสวดตั้ง ๗ วันนี่ เสียทั้งข้าว ทั้งน้ำนี่ บางทีต้องจ่ายสตางค์ด้วย แย่เหมือนกันนะ พระเองก็จะทนไม่ไหว
.🌷ก็เลยใช้สายสิญจน์ก็แล้วกัน แต่ว่าสายสิญจน์ ที่ทำกันนั้น ก็อย่าลืม พระรัตนตรัยแต่ทางที่ดีญาติโยม พุทธบริษัท ถ้าจะทำ อย่างนั้นนะ ถ้าคนป่วยจริงๆอย่าปล่อย ให้ไม่มีความรู้สึก(ทำตอนที่ยังมีสติอยู่) ตอนที่สติยังดีๆอยู่ ให้นิมนต์พระไปสวดสักครั้ง หนึ่ง แต่ไม่ใช่สวดอภิธรรม หากสวดพระปริตร วงสายสิญจน์ล้อมรอบ ถ้าผู้ป่วยจะต้องตายเพราะ สิ้นอายุขัยก็ต้องตายแน่ๆ สายสิญจน์ป้องกันไม่ได้
.🌷แต่ถ้าผู้นั้นจะตายอย่าลืมว่าคนป่วยก็เหมือนคนคนที่ตกน้ำว่ายน้ำไม่เป็น เราส่งอะไรให้เกาะ เขาก็ จะเกาะ ส่งไม้ให้เกาะ เธอก็จะเกาะ ส่งสุนัขให้เกาะเธอก็จะเกาะเพราะต้องการทรงชีวิตอยู่ก็เช่นกันถ้าคนป่วยเห็นพระ และสวดพระปริตร
.🌷จิตคนป่วยในตอนนั้นได้รับ สมาทานศีลก่อน เวลานั้นก็จะได้รับการ สมาทานศีลอยู่ด้วย สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ทำให้เป็นคนมีศีล
.🌷เวลาที่มีการสวดพระปริตรจิตก็จะฟังพระสวดด้วยความ เคารพ จิตจะยึดอยู่กับพระ หลังจากพระกลับแล้ว จิตจะจับอารมณ์ นั้นตลอด เพราะในขณะที่ป่วยไม่มีโอกาสทำลายศีลต่อไปอีก เพราะกำลังป่วยอยู่ ไม่สามารถที่จะไปฆ่าใคร หรือทำร้ายใคร หรือลักขโมยใคร ถือว่าคนป่วยที่มีศีลบริสุทธิ์
.🌷ถ้ามีการถวายทานด้วยไม่ว่าทานนั้น จะเป็น ธูป เทียน ดอกไม้ หรือปัจจัย โภชนาหารก็ตาม ถือว่าเป็นการถวายทานแก่ พระสงฆ์ กำลังของทาน จะช่วยคนป่วยได้อีกแรงหนึ่ง ด้าน อนุสติ
.🌷ถ้ามีพระพุทธรูปด้วย จิตของเธอก็จับพระพุทธรูป เป็น " พุทธานุสติ " การจำเสียงสวด เป็น " ธัมมานุสติ " การนึกถึงพระสงฆ์เป็น
" สังฆานุสสติ "
🌷.ถ้าเป็นอายุขัยที่จะพึงตายบาปกรรมใดๆที่ทำมาแล้ว ในกาลก่อน จะไม่มีโอกาสให้ผลในเวลา นั้น เหลือแต่บุญอย่างเดียว ที่จะประคับประคองคนน้นไป สวรรค์ ไปพรหมโลก หรือไปนิพพาน.🌻🌹"
.
"ทาน" นั้นเป็นปัจจัยตัดโลภะ ความโลภ
เป็นก้าวหนึ่งที่จะถึงนิพพาน
"ศีล" เป็นเหตุตัดโทสะ ความโกรธ
เป็นก้าวที่สองที่จะทำให้ถึงนิพพาน
"ภาวนา" เป็นตัวตัดกิเลสตัวสำคัญ
ทั้งใหญ่และเล็ก เป็นปัจจัยให้กิเลส
หมดจริง เข้าถึงนิพพานแน่นอน
แล้วทั้ง ๓ อย่างนี้ จะถืออะไรสำคัญ
กว่ากันไม่ได้เลย ต้องถือว่าสำคัญเท่ากัน
ถ้าเราขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะถึง
นิพพานไม่ได้
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง🙏🙏🙏
.ที่มา
🌷.หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี🌷
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
กราบขอบพระคุณที่มาจาก...นิตยสารธัมมวิโมกข์(ธรรมที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์)นิตยสารธรรมปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๓๙๖ หน้า ๑๒ - ๑๓.รวบรวมจัดพิมพ์โดยคณะสงฆ์และคณะเจ้าหน้าที่ธัมมวิโมกข์วัดท่าซุง ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี.(สงวนลิขสิทธิ์ห้ามคัดลอกเพื่อการค้าอย่างเด็ดขาด)🌻
🔯🔯🔯🔯🔯🔯🔯🔯🔯🔯🔯🔯🔯
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น