กฎแห่งต้นเหตุและผลลัพธ๋ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยกฎแห่งการกระทำ (หรือปฎิกิริยาตอบกลับ) กฎข้อนี้เป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ กฎทางฟิสิกส์ข้อนี้ เป็นกฎการ
เคลื่อนที่ข้อที่ 3 ของเซอร์ไอแซค นิวตัน ซึ่งกล่าวไว้ว่า..
"ในการกระทำต่อกันและกันใดๆ จะมีแรงที่เป็นคู่กันกระทำต่อวัตถุที่กระทำต่อกัน ขนาด
ของแรงที่อยู่บนวัตถุแรก เท่ากับขนาดของแรงที่อยู่บนวัตถุที่ สอง ทิศทางที่อยู่บนวัตถุแรก อยู่ตรงข้ามกับทิศทางของแรงที่อยู่บนวัตถุที่สอง มาเป็นคู่เสมอ มันเป็นคู่ของแรงที่เท่ากันและมีทิศทางตรงกันข้าม"
ซึ่งพอสรุปได้ว่า "ทุกการกระทำจะมีแรงที่กระทำสวนทาง ซึ่งมีขนาดเท่าเทียมกัน"
มันก็เหมือนคำพังเพยไทยที่กล่าวไว้ "กฎแห่งการหว่านพืชแล้วเกี่ยวผล" นั่นแหละ ก็เป็น
กฎแห่งต้นเหตุและผลลัพธ์ ที่พวกเราเห็นได้ชัดเจนทั่วไปในธรรมชาติ หากเราหว่านพืชด้วยเมล็ดพันธ์ชนิดใดลงไป ลงไปในดินและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับมัน
เมล็ดพันธ์นั้นก็จะเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ ประเภทที่เราตั้งใจปลูก ถ้าหากเราปลูกเมล็ดพันธ์
มะม่วงก็ไม่มีวันที่มันจะเติบโตขึ้นเป็นผลมะพร้าวได้หรอก การที่เราได้กินนํ้ามะพร้าวหรือ
เนื้อของมัน ก็มาจากเหตุที่เมล็ดพันธ์ของมันถูกปลูกลงไป ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติปลูก หรือ คนนำไปปลูกเอง ฉะนั้น จึงไม่มีความบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น
กฎแห่งการให้และรับ เป็นกฎธรรมชาติเชิงสังคม และ ศิลธรรม ที่เป็นกฎประยุกต์ของกฎ
แห่งต้นเหตุและผลลัพธ์ ไม่มีใครที่จะได้รับอะไรหากเราไม่เป็นผู้ให้ก่อน หากเราตัองการความรักจากคนอื่น เราก็ต้องให้ความรักของเราออกไปเสียก่อน
หากเราต้องการได้รับเงินมากๆ เราก็ต้องให้แรงพยายามทางความคิด คำพูด และ การ
กระทำให้ตรงกับสิ่งที่เราต้องการออกไปให้กับผู้อื่นก่อน ความรํ่ารวยเกิดจากการให้แก่
ผู้คนจำนวนมากเพียงพอ จนกระทั่งผลตอบแทนกลับมาสู่เราในจำนวนที่มากเพียงพอแก่ความต้องการของเรา
บางคนอาจถามว่า เหตุใดฉันให้ความรักแก่ใครบางคนออกไปแล้ว ฉันจึงไม่ได้รับความรัก
อย่างที่ฉันต้องการกลับมา แน่นอนเหลือเกินว่า สิ่งที่ลูกให้ไปนั้น จะต้องตรงกับจิตใจของ
ผู้รับด้วย บางที่เราให้ในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ผลตอบรับมันจะไม่กลับมา
การที่เราให้ความรักออกไปหรือสิ่งใดออกไป แล้วไม่ได้อย่างที่เราต้องการ มันไม่ได้
หมายความว่า กฎนี้ไม่เป็นความจริง แต่เพราะเราขาดทักษะ ที่ถูกต้องในการใช้กฎนี้ต่าง
หาก
กฎแห่งการชดเชยหรือ กฎแห่งการตอบแทน ก็เป็นกฎแห่งต้นเหตุและผลลัพธ์ ที่กล่าวไว้
ว่า เมื่อเราลงแรงอย่างใดออกไป เราก็จะได้รับผลตอบแทนชดเชยกลับมามากเพียงนั้น
บางคนกล่าวว่า เหตุใดคนบางคนลงแรงทำเพียงน้อยนิด แต่เขากลับได้รับผลลัพธ์ตอบแทนกลับมาอย่างมหาศาล
อันที่จริงแล้ว เราอาจลืมไปว่า ในการกระทำทุกสิ่งมันมี "ตัวคูณ" ร่วมอยู่ด้วยเสมอ หากตัว
คูณเป็นศูนย์ นั่นหมายความว่า เราก็จะได้ผลลัพธ์กลับมาเป็นศูนย์ หากเราใช้ตัวคูณเท่ากับหนึ่ง เราก็จะได้ผลลัพธ์กลับมาเท่ากับที่เราลงแรงไป หากเราใช้ตัวคูณเท่ากับสอง เราก็จะได้ผลลัพธ์กลับมาเป็นสองเท่าเป็นต้น
ก็แล้ว "ตัวคูณ" นี้คืออะไรกัน แล้วเราจะหามันมาใช้ให้มากๆ ได้อย่างไร? พ่อขอตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ ตัวคูณคือสิ่งใดก็ตามที่เราให้แก่ผู้อื่น เมื่อเรานำมาใช้แล้ว ก่อให้เกิด
"กำลังของการคูณ" ถึงแม้มันอาจจะไม่ใช่เป็นเงินเป็นทอง แต่มันอาจจะเป็นเกียรติยศชื่อ
เสียงซึ่งนำมาซึ่งการได้รับเกียรติยศสรรเสริญยกย่องก็เป็นได้
อย่างเช่น การอุทิศตัวเพื่อช่วยหมูป่าทั้ง 13 คนที่ติดถํ้า ขุนนํ้านางนอน เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด มันสั่นสะเทือนหัวจิต
หัวใจของคนทั้งโลก บุคคลที่ร่วมในทีมมีมากหน้าหลายตาเป็นจำนวนมากความดีเหล่านั้น
ถึงเราจะมีเงินทองมากมายก็ไม่อาจที่จะหาซื้อได้...
ที่มา
Teucar Rom...
แสงสว่าง มองการไกล...ผู้เรียบเรียง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น