การถวายเทียนเข้าพรรษานี้เป็นปัจจัยให้ได้ทิพจักขุญาณ อย่างพระอนุรุทธพระอนุรุทธในสมัยก่อนท่านเคยถวายแสงสว่างในพระพุทธศาสนา เวลานั้นตะเกียงไม่มี เขาใช้คบเพลิง ท่านก็นำคบเพลิงไปถวายเป็นเครื่องส่องแสงให้แก่บรรดาพระสงฃฆ์ทั้งหลาย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า พระอนุรุทธทำบุญแบบนั้น ตายแล้วท่องเที่ยวเกิดบนเสวรรค์บ้าง มนุษยโลกบ้าง พรหมโลกบ้าง หลายชาติ พอมาชาติสุดท้ายนี้ปรากฏพระอนุรุทธมีทิพจักขุญาณพิเศษ เป็นผู้เลิศ แม้พระอรหันต์ปฏิสัมภิหาญาณยังมีทิพจักขุญาณสู้ไม่ได้ ความจริงพระอนุรุทธเป็นพระวิชชาสาม ตัวอย่างที่เราเห็นได้ว่า เวลาที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน เวลานั้นมีพระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์เศษ ไม่มีใครสามารถจะตามญาณของพระพุทธเจ้าได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน หรือพระจะตายก็ตามที ถ้าจะตายจะเข้าสมาบัติ ท่านจะนอนเงียบๆ แล้วจิตก็เข้าฌาน ถ้าจิตเข้าฌาน ดูเหมือนว่าท่านไม่หายใจ ฌาน ๔ จะไม่ปรากฏท้องกระเพื่อมว่ามีการหายใจ พระอานนท์ก็ย่องไปถามพระอนุรุทธว่า เวลานี้พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วหรือยัง พระอนุรุทธบอกว่ายัง เวลานี้อยู่ปฐมฌาน เวลานี้อยู่ ทุติยฌาน ฌานที่ ๒ เวลานี้อยู่ฌานที่ ๓ เวลานี้อยู่ที่ฌานที่ ๔ เรื่อยไปถึงฌานที่ ๘ แล้วก็มาถอยหลังยับยั้งอยู่ที่ฌานที่ ๔ หลังจากนั้นองค์เสมเด็จพระมหามุนีก็นิพพาน นี่เป็นอันว่าการ ถวายเทียน ในพระพุทธศาสนา นี่มีอานิสงส์มาก เป็นปัจจัยทำให้เราเกิดปัญญาด้วย เป็นปัจจัยให้ได้ทิพจักชุญาณด้วย มีอานิสงส์ทั้งสองประการด้วยกัน จึงขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านที่ทำบุญในวันนี้ ก็จงภูมิใจในความดีของท่าน คือ
🌱๑ ผ้าจำนำพรรษา ก็ดี ผ้าไตรก็ดี เราถวายแล้ว สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะบันดาลให้
บรรดาท่านพุทธบริษัทเป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดี จะมีเครื่องประดับอันเป็นทิพย์
🌱ประการที่ ๒ อาหาร ที่ถวายแล้ว อาหารจะเป็นปัจจัยให้ได้ร่างกายเป็นทิพย์
🌱และก็ประการที่ ๓ ถ้ายังไม่ถวายก็เตรียมใจถวายไว้ก่อน น้ำ จะเป็นเหตุให้ได้สระโบกขวเณี
ก็รวมความว่าเป็นอานิสงส์หลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายเทียนเข้าพรรษานี่มีความสำคัญอย่างมาก นอกจากมีอารมณ์ใจเป็นทิพย์ และก็มีปัญญามาก...
.
.ที่มา
.
จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๓๗ หน้า ๑๐๒-๑๐๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น