20 ตุลาคม 2561

การกำเนิดเกิดเมืองแห่งศิวิไลซ์ก็ดี จงจำไว้อีกไม่นานภัยพิบัตินั้นกำลังถาโถมเข้ามา

การกำเนิดเกิดเมืองแห่งศิวิไลซ์ก็ดี จงจำไว้อีกไม่นานภัยพิบัตินั้นกำลังถาโถมเข้ามา ดังนั้นบุคคลใดยังไม่มั่นในทาน ศีล ภาวนา..ขอให้มั่นซะ นั่นก็เรียกว่าให้เจริญภาวนาจิตให้แนบสนิทกับลมหายใจเมื่อระลึกได้ก็ดี เมื่อนั้นบุคคลผู้นั้นจะอยู่รอดปลอดภัย หรือถ้ารอดมาแล้วก็ยังมีสติสมประกอบอยู่

ดังนั้นขอให้โยมเชื่อว่า กรรมเมื่อให้ผลแล้วมันจะยังให้ผู้นั้นแลที่ได้สร้างกรรมไว้ในอดีตต้องชดใช้ กงล้อแห่งธรรมนี้..กงธรรมจักรนี้ได้เดินเข้ามาสู่..กำลังเข้าสู่หายนะ นั่นหมายถึงว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาแล้ว..ตั้งอยู่แล้ว..ย่อมมีแต่วันเสื่อม นั่นก็หมายถึงว่ามนุษย์กำลังเสื่อมด้วยศีลด้วยธรรม เมื่อคราใดมนุษย์นั้นเสื่อมด้วยศีลด้วยธรรม เมื่อผู้ทรงศีลไม่ตั้งมั่นในศีลแล้ว คุณธรรมทั้งหลายก็เสื่อมลง เมื่อมีความเสื่อมลงเป็นไปในตามธรรมและศีล ก็เรียกว่ามีการถูก"เหลื่อมล้ำ"

การว่าถูกเหลื่อมล้ำหรือถูกกระทบมันก็จะบังเกิดขึ้น กงล้อของศีลเมื่อมันเสื่อมแล้ว เรียกว่ากำแพงศีลมันเสื่อม เมื่อกำแพงศีลมันเสื่อมก็ขอให้จงจำเอาไว้ ภัยก็ดีที่จะเกิดขึ้นมันก็ย่อมเข้ามาได้โดยง่าย

ดังนั้นสยามใด ประเทศใด ณ ที่แห่งใดเจริญในทาน ศีล ภาวนาอยู่ มีการอธิษฐานจิต ขอขมา ขออโหสิกรรมอยู่นั้นแล ก็เรียกว่าพระแม่ธรณีจะยกแผ่นดินขึ้นมาให้สูงขึ้นเป็นเกาะเป็นแก่ง ดังนั้นในช่วงนี้ก็จะเห็นว่าจะมีภัยขึ้นมา จึงบอกว่ายุคนี้ต่อไปนี้..มนุษย์นั้นจะล้มตายหายจากนั้นเป็นหมู่คณะเป็นกลุ่มเป็นก้อน และผู้ที่จะหลุดพ้นกรรมนั้นก็จะไปเป็นหมู่คณะ เป็นกลุ่มเป็นก้อนเช่นเดียวกัน

ดังนั้นขอให้โยมสามัคคีกันไว้ กรรมอันใดในกรรมที่โยมทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นอาฆาตพยาบาทมาดร้ายต่อกัน ความไม่เข้าใจ ความมีอคติต่อใจแล้ว ขอให้โยมให้อภัยกันให้มาก การให้อภัยนี่แลคือการตัดวงจรแห่งกรรมได้อย่างสิ้นเชิง เข้าใจมั้ยจ๊ะ เพราะเมื่อโยมตัดอโหสิกรรม ขอขมากรรม ไม่มีภัยต่อกันแล้ว การจะเจริญทาน ศีล ภาวนา มันก็เป็นไปได้โดยง่าย เข้าใจมั้ยจ๊ะ หากไม่อย่างนั้นแล้วแม้แต่โยมจะเจริญกรรมฐานเป็นร้อยปีก็จักเป็นผลได้ยาก เพราะว่าจิตใต้สำนึกของโยมนั้นยังมีอคติมีอกุศลอยู่ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ดังนั้นเมื่อมีการกระทบกระทั่งกัน ขอให้โยมรู้จักการให้อภัย ให้ความเมตตาต่อกัน คนเมื่อเจริญเมตตาต่อกันมากๆแล้ว แม้บุคคลนั้นจะมีโทสะ โมหะ โลภะมากแค่ไหนก็ตาม มันจะลดลงไปในตัวของมันเอง เพราะว่าอำนาจแห่งความเมตตานี้ เค้าเรียกว่าจะไม่ถือสา เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ดังนั้นฉันจึงบอกว่าทุกครั้งที่โยมจะเจริญพระกรรมฐานก็ดี ขอให้โยมมี ๓ สิ่ง คือมีพระประจำกาย เสกพระเข้าตัว หรือเชิญสมเด็จฯเข้าตัว อันที่สองให้ใส่เสื้อเกราะเพื่อป้องกันภัย ก็คือศีล สำรวมกาย วาจาให้มันตั้งมั่น อาวุธอย่าได้ขาดทิ้งหรือห่างกายไป คือตัวสติ ตัวภาวนา เท่านี้มันจะคุ้มครองโยมได้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ถ้ายังมีความมักมากอยู่ ยังขาดหิริโอตัปปะอยู่..กรรมนั้นแลจะเป็นผู้ให้ผล ดังนั้น ๓ อย่างที่ฉันบอกนี้ หากโยมตั้งมั่นในศรัทธา โยมก็จะอยู่รอดปลอดภัย แล้วก็ยังไม่ใช่อย่างนั้นอย่างเดียว หมายถึงว่าโยมก็จะช่วยเหลือคนอื่นเค้าได้ เพราะผู้ใดเจริญมนต์ เจริญศีลก็ดี มีภาวนาก็ดี แม้ผู้อยู่ใกล้ก็ยังได้อานิสงส์อยู่รอดปลอดภัยไปด้วย เข้าใจมั้ยจ๊ะ

เพราะว่ากงล้อแห่งธรรมจักร กงล้อแห่งธรรมได้เคลื่อนที่มากึ่งยุคแล้ว เมื่อมันมากึ่งยุคแล้วมันจะเข้าสู่ยุคมืด เมื่อโยมจะผ่านถ้ำ มันมีความมืดยาวนานแค่ไหน ใช่มั้ยจ๊ะ ในขณะที่มันอยู่ในยุคมืดนั่นหมายถึงว่าศีลธรรมมันเสื่อม ความมืดบอดมันก็ได้บังเกิดขึ้น อวิชชามันได้ปกคลุมในสิ่งนั้น คราวนี้มันจะออกไปได้ยาวนานที่รอดพ้นจากถ้ำแห่งความมืดนี้ได้อย่างไร ก็ต้องผู้นั้นต้องจำศีลได้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

เหตุนี้แลฉันจึงต้องมาบอกทางหนึ่งทาง หรือที่หลบภัยอย่างหนึ่ง แล้วที่หลบภัยที่แท้จริงก็คือการเจริญอานาปานสติ คือการทรงสมาธิ ทรงฌาน ทรงธรรม ทรงศีลให้บังเกิดขึ้น ณ สถานที่ใดมีการเจริญภาวนาจิต มีการสาธยายมนต์ มีการแผ่เมตตาจิต ย่อมปกคลุมปกครองรัศมีกว้างขวางไปได้

ไม่มีใครหนีกรรมธรรมชาติได้ แต่เมื่อเราหนีธรรมชาติไม่ได้เราจะทำยังไง เราต้องสร้างภูมิป้องกัน สร้างภูมิจิตให้สูง ยกแผ่นดินขึ้นมา อ้าว..ยกจิตให้มันสูงมันพอยกได้ พอเข้าใจหลวงปู่ แต่ยกธรณีจะทำยังไง อ้าว..ยกแผ่นดิน ก็อธิษฐานต่อแม่ธรณี อธิษฐานเพื่ออะไร จะขอใช้พื้นที่แห่งนี้ไปทำอะไร แล้วถ้าโยมมีสัจจะความจริงใจพอ..พระแม่ธรณีท่านรับทราบ..นั้นมันเป็นหน้าที่ของท่าน ท่านจะยกเว้นไว้กับมนุษย์กลุ่มนั้น มนุษย์ผู้นั้นผู้มีศีลมีธรรม

แล้วเมื่อคำทำนายที่พระองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ไว้ เมื่อมาถึงกึ่งพุทธกาลหรือกึ่งแห่งศาสนา มนุษย์นั้นจะมีความชอกช้ำ ศาสนานั้นจะมีความชอกช้ำ ทุกอย่างนั้นมนุษย์ทั้งหลายนั้นจะเห็นผิดเป็นชอบ ดังนั้นถ้าโยมไม่ตั้งมั่นในศีล ทาน ภาวนา ในศีลธรรมแล้ว ความเสื่อมก็ดีอวิชชาก็ดี มนต์ดำก็ดีจะเข้าหาตัวโยมได้ง่าย

ฉันถึงบอกว่าโยมต้องมี ๓ อย่าง ก็คืออาราธนาพระสมเด็จเข้าตัว คือระลึกถึงพระพุทธไว้ มีองค์ภาวนาก็ดี พุทโธ ธัมโม สังโฆก็ดี พุทธัง สรณัง คัจฉามิก็ดี อย่าลืมใส่เสื้อเกราะอยู่ตลอดเวลาคือการใส่เสื้อเกราะทำยังไง ให้สำรวมกาย วาจา ใจให้มันตั้งมั่นคือศีล อันว่าปัญญานั้นเปรียบดังอาวุธคือโยมมีสติ คือระลึกถึง ๒ อย่างนั้นคือพระพุทธ และก็ศีลที่โยมมีอยู่ ก็จะรวมแล้วเป็นพระรัตนตรัย เข้าใจมั้ยจ๊ะ จะคุ้มครองให้โยมนั้นอยู่รอดปลอดภัย แม้ว่าโยมจะทำการสิ่งใดก็ตาม โยมก็จะทำในสิ่งนั้นได้

ธรรมะมหัศจรรย์ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ณ สถานปฏิบัติธรรมพรหมรังสี บ้านโปร่งวิเชียร จ.เพชรบุรี
(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ)
โทร ๐๙๕ ๕๖๙๕๑๙๙ (เพชรบุรี)
      ๐๘๔ ๘๙๓๖๙๖๑ , ๐๘๑ ๙๒๙๓๒๒๒ (กรุงเทพ)

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...