นั่งสมาธิ สมาธิเป็นเครื่องทำความสุข อย่างที่เราอยู่บ้านอย่างนี้ เราก็นั่งสมาธิอยู่บ้าน ใช้เวลานั่งสมาธิเราจะเอาเวลาไหน เราก็เลือกหาเวลาเอา เพราะมันเป็นบ้านของเรา บางคนก็ทำงานทั้งวันเหมือนอย่างพวกเรานี่แหละ ทำงานเลิกงานไปแล้วมาถึงบ้านก็อ่อนเพลีย ทำงานทั้งวันมันอ่อนเพลีย ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายสังขารมันก็ลดลงไปเรื่อย ๆ พวกเราไปถึงบ้าน ก็อยากนั่งสมาธิเวลาว่าง ๆ ความอ่อนเพลียก็เข้ามาเหยียบย่ำร่างกายจิตใจของเราเอง บางคนก็ฝืน ๆ ทำ ฝืนก็ฝืนไม่ไหว เพราะมันเพลียมาก พอนั่งไป ก็ไม่ใช่ว่าไปนั่ง ไปนอน ไปนอนแล้วก็ขาดสติ หลับไปเลย แต่มันก็ไม่ได้หลับสนิทเท่าไหร่ เมื่อมันไม่ได้หลับสนิท มันก็นอนไม่อิ่ม จะว่านั่งสมาธิก็ไม่ใช่ จะว่านอนสมาธิก็ไม่ใช่ละ กึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็เลยไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง
เพราะฉนั้น เราต้องหาเวลา หาเวลาปฎิบัติ เวลาปฎิบัติของเรา เราก็พักผ่อนก่อน ถ้ากลับถึงบ้านมันเพลียก็นอนเลย นอนให้มันอิ่มเสียก่อน แต่เราก็กำหนดเวลานอน บางคนกลับถึงบ้านมีเวลานอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม ตี 2 ตี 3 ก็ตื่นแล้ว เอาเวลาตื่นนั่นแหละมาปฎิบัติ
ถ้ามันนอนตื่นแล้ว มันอิ่มแล้ว มันก็จะไม่ง่วง เวลาเราตื่น เขาหลับ ไม่มีใครมารบกวน เราก็ได้นั่งสมาธิภาวนาอยู่แบบสงบ ถ้าเรามีห้องกว้าง ๆ ก็เดินจงกรมเสียก่อน เดินให้มันหายง่วง ถ้ามันง่วงก็ล้างหน้าล้างตาดี ๆ ซะก่อน ให้มันสดชื่นซะก่อนแล้วค่อยเดินจงกรม เดินจงกรมให้มันหายง่วง ให้มันจิตปกติเสียก่อน แล้วค่อยนั่ง
โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์
หลวงปู่ไม อิทรสิริ
วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ถอดเทปพระธรรมเทศนา “ความรู้อันยิ่งใหญ่”
รพ.สมุทรปราการ 8 พ.ค. 59
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น