เรื่องอายุวัฒนกุมาร ผู้ดวงชะตาขาด
แต่สามารถบรรเทากรรม ต่ออายุให้ยืนยาวได้ด้วยอานุภาพของพระปริตร
คนบางคนเมื่อรู้ว่าชะตาขาด สามารถต่อชะตาต่ออายุให้ยืนยาวได้ โดยการกระทำความดี
ดังตัวอย่างของเรื่องอายุวัฒนกุมาร
ผู้ที่ได้รับการทำนายว่าจะตายภายใน ๗ วัน
แต่สามารถแก้กรรมแก้ชะตาขาดนั้น
และมีอายุยืนยาวถึง ๑๒๐ ปี
ด้วยการนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์(สาธยายพระปริตร)เป็นเวลา ๗ วัน
และถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
จึงเป็นที่มาของพิธีต่ออายุ และพิธีสืบชะตา ของชาวพุทธจวบจนกระทั่งทุกวันนี้
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระศาสดา ทรงอาศัยทีฆลัมพิกนคร ประทับอยู่ ณ กุฎีในป่า
ทรงปรารภกุมารผู้มีอายุยืน ตรัสพระธรรมเทศนาที่ขึ้นต้นด้วยบาทพระคาถานี้ว่า
อภิวาทนสีลิสฺส เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง มีพราหมณ์ ๒ คน เป็นชาวทีฆลัมพิกนคร
ได้ไปบวชบำเพ็ญตบะอยู่ด้วยกันเป็นเวลา ๔๘ ปี
ต่อมาพราหมณ์คนหนึ่งสึกออกไปเป็นฆราวาส
และได้แต่งงานมีครอบครัว หลังจากภรรยาของพราหมณ์ผู้นี้คลอดบุตรออกมาเป็นชายแล้ว
พราหมณ์ก็ได้พาภรรยากับบุตรไปเยี่ยมพราหมณ์ที่ยังบวชบำเพ็ญตบะอยู่นั้น
เมื่อสองสามีภรรยาทำความเคารพ
พราหมณ์นักบวชได้กล่าวว่า “ขอท่านจงเป็นผู้มีอายุยืน”
แต่พอตอนที่สองสามีภรรยาให้บุตรชายทำความเคารพบ้าง พราหมณ์นั้นกลับนิ่ง ไม่พูดอะไร
พราหมณ์ที่สึกออกไปมีครอบครัวเกิดความสงสัย จึงได้สอบถามถึงเหตุผลที่นิ่งเงียบนั้น
พราหมณ์นักบวชจึงบอกว่า ทารกคนนี้จะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน
แต่ตนก็ไม่ทราบวิธีป้องกันการเสียชีวิตของทารกนี้
และได้แนะนำให้ไปทูลถามพระศาสดา
สองสามีภรรยาจึงอุ้มบุตรไปเฝ้าพระศาสดา
เมื่อคนทั้งสองกราบนมัสการ พระศาสดาตรัสว่า
“ขอท่านจงเป็นผู้มีอายุยืน” แต่พอพาเด็กเข้าไปนมัสการ พระศาสดากลับทรงนิ่งเสีย
และได้ทรงทำนายว่าเ ด็กคนนี้จะเสียชีวิตภายใน ๗ วันเหมือนกัน
แต่พระศาสดาได้ตรัสบอกวิธีที่จะป้องกันทารกจากเสียชีวิต
โดยให้สร้างมณฑปไว้ที่ประตูเรือนของพราหมณ์
แล้วนำเด็กขึ้นไปนอนบนมณฑปนั้น
จากนั้นก็ให้นิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์สวดพระปริตร
เป็นเวลา ๗ วัน ซึ่งพราหมณ์ก็ได้กระทำตามที่ทรงแนะนำทุกอย่าง
ในวันที่ ๗ พระศาสดาได้เสด็จมายังมณฑปนั้นด้วย
พวกเทวดาในจักรวาลทั้งสิ้นก็ได้มาประชุมกัน ณ ที่นั้นด้วย
ในขณะนั้น อวรุทธยักษ์ตนหนึ่งได้มาที่ประตูบ้านเพื่อคอยจังหวะที่จะจับเด็กทารกนั้นไปกิน
แต่เมื่อมีเทวดาศักดิ์ใหญ่มากันมาก พวกเทวดาศักดิ์น้อยก็จะต้องถอยร่นเพื่อเปิดที่ให้
อวรุทธกยักษ์ก็ต้องถอยร่นไปอยู่ไกลจากเด็กทารกนั้นถึง ๑๒ โยชน์ ตลอดคืนที่ ๗ นั้นพระภิกษุสงฆ์ก็ได้เจริญพระปริตรอยู่อย่างนั้นจนสว่าง ทำให้อวรุทธยักษ์ไม่สามารถเข้ามาจับทารกนั้นไปกินได้
พออรุณขึ้นสองสามีภรรยานำทารกมาถวายบังคมพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า “ขอเจ้าจงมีอายุยืนเถิด”
เมื่อสองสามีภรรยาทูลถามว่าทารกจะมีอายุยืนกี่ปี
พระศาสดาตรัสว่าจะมีอายุยืน ๑๒๐ ปี
สามีภรรยาจึงตั้งชื่อเด็กทารกว่า
“อายุวัฒนกุมาร”
เมื่ออายุวัฒนกุมารเติบโตแล้ว
เวลาไปไหนมาไหนก็มีผู้ติดตามไปเป็นบริวารถึง ๕๐๐ คน
วันหนึ่งอายุวัฒนกุมารพร้อมกับบริวารได้มาที่วัดพระเชตวัน ภิกษุทั้งหลายจำได้
จึงทูลถามพระศาสดาว่า “เหตุเครื่องเจริญอายุของสัตว์เหล่านี้ เห็นจะมี”
พระศาสดาตรัสตอบภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ว่า
“โดยการนอบน้อมท่านผู้สูงอายุ มิใช่ว่าจะทำให้อายุยืนเท่านั้น แต่ยังจะเป็นเหตุให้เจริญทางวรรณะ สุขะ และพละ อีกด้วย”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัส พระธรรมบท ว่า
อภิวาทนสีลิสฺส
นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ
อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ ฯ
ผู้ชอบกราบไหว้ นอบน้อม
ผู้ใหญ่เป็นนิตย์
จะเจริญด้วยพร ๔ ประการ
คือ มีอายุยืน มีผิวพรรณผุดผ่อง
มีความสุข มีพลานามัยแข็งแรง.
เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนา
อายุวัฒนกุมาร และบริวาร ๕๐๐ คน
ได้บรรลุโสดาปัตติผล แม้ชนเหล่าอื่นเป็นอันมาก
ก็ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย
มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
#อ่านให้เหมือนชาดกนะครับ
จะได้ไม่มีความขัดแย้งกัน
...สาธุๆครับ
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น