#อมตวัชรวจีหลวงป๋า
- ธาตุธรรมส่วนหยาบนี้เป็นแต่เพียงหุ่น
ให้ฝ่ายบุญ หรือฝ่ายบาป หรือฝ่ายกลางๆ
เชิดไปวันหนึ่งๆเท่านั้นเอง.
🕯ธาตุธรรมส่วนละเอียดนี้
ถูกปกครองโดยฝ่ายใด
ฝ่ายนั้นก็จะให้ผล ดลจิตดลใจและกาย-วาจา
ให้เป็นไปตามอำนาจของตน
นี่..แปลว่า
ธาตุธรรมส่วนหยาบนี้เป็นแต่เพียงหุ่น
ให้ฝ่ายบุญ หรือฝ่ายบาป หรือฝ่ายกลางๆ
เชิดไปวันหนึ่งๆเท่านั้นเองแหละครับ
#เฉพาะฝ่ายบุญกุศลหรือฝ่ายพระ
กล่าวโดยลำดับชั้น ได้แก่
การบริจาคทาน การสมาทานศีล และการเจริญภาวนา
ศีล สมาธิ ปัญญา
อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา
ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา
โคตรภู พระโสดา พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหัต
ถึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
#ส่วนฝ่ายบาปอกุศลหรือฝ่ายมาร นั้นหมายถึง
ฝ่ายที่ขัดขวางหรือกีดกั้นบุญกุศล ๕ เหล่า ได้แก่
กิเลสมารทั้งสามตระกูล คือ โลภะ โทสะ และโมหะ
ขันธมาร ได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย
มัจจุมาร คือ ความตาย
อภิสังขารมาร คือ ผลบุญและบาป ที่ปรุงแต่งสัตว์ให้ดี/เลว ประณีตกว่ากัน
และ เทพบุตรมาร เป็นต้น
#อนึ่ง_กระผมใคร่จะขอทำความเข้าใจอีกสักนิด ที่ว่า..ผลบุญที่ปรุงแต่งสัตว์ที่นับเนื่องเข้าอยู่ในอภิสังขารมารนั้น หมายเฉพาะผลบุญที่ดึงหรือถ่วงมนุษย์ให้ติดอยู่กับโลก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผลบุญที่ให้ได้รับความสุขทางโลกแต่ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์จริงๆได้ เพราะยังจะเป็นเหตุให้วนเวียนอยู่ในไตรวัฏฏ์ คือ กิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ และ วิปากวัฏฏ์ เช่น ความงาม ยศฐาบรรดาศักดิ์ และรวมทั้งโลกียฌาน หรือโลกียทรัพย์อื่นทั้งหลาย เป็นต้น
#เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่า
ธรรมทั้งหลายย่อมมีมาแต่เหตุ ไม่ว่าจะเป็นเหตุแต่ฝ่ายพระ หรือฝ่ายมาร หรือจากฝ่ายกลางๆ
#ถ้าจะพิจารณาให้ลึกซึ้งลงไปอีก
ก็จะเห็นมีเหตุในเหตุต่อๆไปอีก และเหตุในเหตุก็ยังจะมีต้นๆเหตุ ต้นๆในต้นๆ ต่อๆไปอีก
#วิชชาธรรมกาย จะช่วยเปิดเผยให้เห็นความจริงเหล่านี้ ได้เป็นอย่างดีทีเดียวล่ะครับท่านผู้ฟัง เมื่อสามารถเข้าถึงต้นๆเหตุได้มากเพียงใด ก็ย่อมจะสามารถแก้ไขที่ต้นๆเหตุนั้น ให้ร้ายกลับกลายเป็นดีได้มากเพียงนั้น
กล่าวคือ ถ้าผู้เจริญภาวนาเข้าถึงฝ่ายพระ ด้วยศีล สมาธิ และปัญญา อันมีนัยอยู่ในอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ ได้มากเพียงใด ธรรมส่วนละเอียดก็จะถูกปกครองโดยฝ่ายพระ หรือฝ่ายบุญ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเพียงนั้น ก็จะเป็นผลให้เห็น,จำ,คิด,รู้ สะอาดขึ้น และธาตุธรรมส่วนหยาบได้รับผลดีขึ้นด้วย
และในขณะเดียวกัน ก็กำจัดความไม่บริสุทธิ์ คือ ธาตุธรรมฝ่ายดำหรือมารทั้งหลาย ให้หมดไปจากธาตุธรรมดังกล่าว โดยอัตโนมัติ
#พระเดชพระคุณหลวงพ่อ จึงได้ย้ำนักหนาว่า
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้น่ะสำคัญนัก
ให้เอาใจไปจรดไว้ที่นั่นเสมอ ทุกอิริยาบถเมื่อมีโอกาส ไม่ว่าจะในขณะเดิน,ยืน,นั่งหรือนอน หรือในขณะไหว้พระสวดมนต์ และอธิษฐานปรารถนาในสิ่งที่ดีที่ชอบทั้งหลาย เพราะที่ศูนย์กลางกายนี้มีอานุภาพยิ่งกว่าที่ใดๆทั้งสิ้น การกระทำใจให้หยุดในหยุดลงที่นั้น จึงมีผลมาก.
___________________
เทศนาธรรมจาก
พระเทพญาณมงคล
หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
อ.ดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี
____________________
ที่มา
บางตอนจากหนังสือ
ธรรมสู่สันติ เล่ม ๑
_____________________
เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า
ขอบพระคุณภาพประกอบธรรมะ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น