ครั้งหนึ่ง พระอนุรุทธะเถระ จาริกไปในดาวดึงส์เทวโลก เห็นทิพย์วิมานหลังใหญ่ กว้างยาวและสูง ๑๖ โยชน์ แวดล้อมด้วยอุทยานและสระโบกขรณี ล่องลอยอยู่ในอากาศ แผ่รัศมีไปไกลถึงร้อยโยชน์ เจ้าของวิมานั้นเป็นเทพธิดาวรรณะงาม มีรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศ มีกลิ่นทิพย์หอมยวนใจฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ เมื่อยามเยื้องกรายหรือร่ายรำก็มีเสียงทิพย์อันไพเราะ น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจ เปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่
พระอนุรุทธะเถระ ถามเทพธิดาเจ้าของวิมานนั้นว่าเธอทำบุญด้วยอะไร ทิพย์สมบัตินี้จึงเกิดขึ้นแก่เธอ
นางเทพธิดาตอบพระเถระว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ดิฉันเป็นเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา เมื่อเพื่อนของดิฉันสละทรัพย์ถึง ๒๗ โกฏิ สร้างบุพพารามมหาวิหาร เธอชวนดิฉันและสหายอีก ๕๐๐ คน ไปเที่ยวชมปราสาท ดิฉันได้เห็นมิคารมาตาปราสาทที่เธอสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ดิฉันเคารพ ดิฉันเลื่อมใสในบุญของเธอ จึงอนุโมทนาบุญกับเธอว่า สาธุ สาธุ
“ด้วยอานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญนี้ ทิพย์สมบัติทั้งหลายเหล่านี้จึงบังเกิดแก่ดิฉันเจ้าค่ะ”
ตั้งใจ ตั้งสติ คือความระลึกได้ สัมปชัญญะ คอยควบคุมจิตใจ ไม่ให้แส่ไปในอารมณ์ ที่ทำให้เราโลภ เราโกรธ เราหลง อยู่ทุกเวลานาที ถ้าทำอย่างนี้ ได้ชื่อว่า การสร้างชีวิตของเรา ให้เป็นกำไรในภพนี้
การโมทนาบุญนั้น แบ่งออกได้ตามขนาดของบุญและวาระได้สามประการคือ
1. การอนุโมทนา หมายถึงการโมทนาบุญของบุคคลใดในการทำบุญเฉพาะครั้งใดครั้งหนึ่ง เช่น เพื่อนของเราได้เลี้ยงพระเพลที่วัด เราก็ได้อนุโมทนาบุญด้วยครั้งหนึ่ง
2.การโมทนาบุญ หมายถึงการโมทนาบุญในกองกุศลที่หมู่คณะนั้นได้บำเพ็ญสร้างขึ้น เช่นการโมทนาบุญจากการร่วมมือกันทอดผ้าป่า หรือ ทอดกฐิน หรือการโมทนาบุญของบุคคลใด บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะในบุญที่เขาบำเพ็ญมาตลอด
เช่น นาย ก. ได้ตั้งจิตจะสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่รูปหนึ่งเขาได้เริ่มสร้างพระพุทธรูปมาทีละน้อยด้วยเงินที่มี เมื่อเราได้เห็นการลงแรงสร้างพระพุทธรูปก็โมทนาบุญกับนาย ก. ด้วยทีหนึ่ง เมื่อผ่านไปเห็น นาย ก.อีกครั้งก็โมทนาบุญด้วยอีกครั้ง และโมทนาบุญไปเรื่อยจนกระทั่งนายก. สร้างพระพุทธรูปเสร็จ เป็นต้น
3.การมหาโมทนาบุญ นั้นหมายถึงการ โมทนาความดี กุศล ผลบุญทั้งปวงที่ได้ปรากฏขึ้นทั่วอนันต์จักวาลทั้งสามไตรภูมิเป็นการแสดงความยินดีในบุญอันยิ่งใหญ่ของการบำเพ็ญเพียรของเหล่าพระโพธิสัตว์ที่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ดังเช่นการมหาโมทนาบุญของเหล่าเทวดาทุกชั้นฟ้า ได้ลงมากระทำร่วมกันเมื่อพระโพธิสัตว์สิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บุญที่เกิดจากการมหาโมทนาในครั้งนั้นก็จะยิ่งเป็นบุญที่ส่งเสริมให้เหล่าเทวดาทั้งหลายได้รับทิพย์สมบัติอันยาวนานยิ่งๆ ขึ้นไป นี่คืออานุภาพของการกล่าวแสดงความยินดีของผู้อื่นเมื่อเขาได้ทำบุญให้ทานในด้านต่างๆ แล้วเราแสดงความยินดีด้วย
ครั้งหนึ่ง พระอนุรุทธะเถระ จาริกไปในดาวดึงส์เทวโลก เห็นทิพย์วิมานหลังใหญ่ กว้างยาวและสูง ๑๖ โยชน์ แวดล้อมด้วยอุทยานและสระโบกขรณี ล่องลอยอยู่ในอากาศ แผ่รัศมีไปไกลถึงร้อยโยชน์ เจ้าของวิมานั้นเป็นเทพธิดาวรรณะงาม มีรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศ มีกลิ่นทิพย์หอมยวนใจฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ เมื่อยามเยื้องกรายหรือร่ายรำก็มีเสียงทิพย์อันไพเราะ น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจ เปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่
พระอนุรุทธะเถระ ถามเทพธิดาเจ้าของวิมานนั้นว่าเธอทำบุญด้วยอะไร ทิพย์สมบัตินี้จึงเกิดขึ้นแก่เธอ
นางเทพธิดาตอบพระเถระว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ดิฉันเป็นเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา เมื่อเพื่อนของดิฉันสละทรัพย์ถึง ๒๗ โกฏิ สร้างบุพพารามมหาวิหาร เธอชวนดิฉันและสหายอีก ๕๐๐ คน ไปเที่ยวชมปราสาท ดิฉันได้เห็นมิคารมาตาปราสาทที่เธอสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ดิฉันเคารพ ดิฉันเลื่อมใสในบุญของเธอ จึงอนุโมทนาบุญกับเธอว่า สาธุ สาธุ
“ด้วยอานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญนี้ ทิพย์สมบัติทั้งหลายเหล่านี้จึงบังเกิดแก่ดิฉันเจ้าค่ะ”
ตั้งใจ ตั้งสติ คือความระลึกได้ สัมปชัญญะ คอยควบคุมจิตใจ ไม่ให้แส่ไปในอารมณ์ ที่ทำให้เราโลภ เราโกรธ เราหลง อยู่ทุกเวลานาที ถ้าทำอย่างนี้ ได้ชื่อว่า การสร้างชีวิตของเรา ให้เป็นกำไรในภพนี้
การโมทนาบุญนั้น แบ่งออกได้ตามขนาดของบุญและวาระได้สามประการคือ
1. การอนุโมทนา หมายถึงการโมทนาบุญของบุคคลใดในการทำบุญเฉพาะครั้งใดครั้งหนึ่ง เช่น เพื่อนของเราได้เลี้ยงพระเพลที่วัด เราก็ได้อนุโมทนาบุญด้วยครั้งหนึ่ง
2.การโมทนาบุญ หมายถึงการโมทนาบุญในกองกุศลที่หมู่คณะนั้นได้บำเพ็ญสร้างขึ้น เช่นการโมทนาบุญจากการร่วมมือกันทอดผ้าป่า หรือ ทอดกฐิน หรือการโมทนาบุญของบุคคลใด บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะในบุญที่เขาบำเพ็ญมาตลอด
เช่น นาย ก. ได้ตั้งจิตจะสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่รูปหนึ่งเขาได้เริ่มสร้างพระพุทธรูปมาทีละน้อยด้วยเงินที่มี เมื่อเราได้เห็นการลงแรงสร้างพระพุทธรูปก็โมทนาบุญกับนาย ก. ด้วยทีหนึ่ง เมื่อผ่านไปเห็น นาย ก.อีกครั้งก็โมทนาบุญด้วยอีกครั้ง และโมทนาบุญไปเรื่อยจนกระทั่งนายก. สร้างพระพุทธรูปเสร็จ เป็นต้น
3.การมหาโมทนาบุญ นั้นหมายถึงการ โมทนาความดี กุศล ผลบุญทั้งปวงที่ได้ปรากฏขึ้นทั่วอนันต์จักวาลทั้งสามไตรภูมิเป็นการแสดงความยินดีในบุญอันยิ่งใหญ่ของการบำเพ็ญเพียรของเหล่าพระโพธิสัตว์ที่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ดังเช่นการมหาโมทนาบุญของเหล่าเทวดาทุกชั้นฟ้า ได้ลงมากระทำร่วมกันเมื่อพระโพธิสัตว์สิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บุญที่เกิดจากการมหาโมทนาในครั้งนั้นก็จะยิ่งเป็นบุญที่ส่งเสริมให้เหล่าเทวดาทั้งหลายได้รับทิพย์สมบัติอันยาวนานยิ่งๆ ขึ้นไป นี่คืออานุภาพของการกล่าวแสดงความยินดีของผู้อื่นเมื่อเขาได้ทำบุญให้ทานในด้านต่างๆ แล้วเราแสดงความยินดีด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น